กรุงเทพฯ 14 มิ.ย. – ธนาคารกรุงศรีคาดเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าในครึ่งหลังปีนี้ แม้เฟดขึ้นดอกเบี้ยตามคาด
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีความเห็นต่อผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ลงมติด้วยเสียงเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 สู่ช่วงร้อยละ 1.75-2.00 จากร้อยละ 1.50-1.75 ตามความคาดหมายของตลาด หลังสิ้นสุดการประชุมวันที่ 12-13 มิถุนายน โดยเฟดมีมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐ ภาวะตลาดแรงงาน การใช้จ่ายภาคครัวเรือน และการลงทุน ทั้งนี้ การขึ้นดอกเบี้ยร้อยละ 0.25 นับเป็นการปรับขึ้นครั้งที่ 7 ของวัฎจักรคุมเข้มนโยบายการเงินซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่เดือนธันวาคม 2558 ขณะที่สัญญาอัตราดอกเบี้ยล่วงหน้าบ่งชี้ว่ามีโอกาสสูงกว่าร้อยละ 80ที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนกันยายน 2561
ทั้งนี้ ในช่วงเปิดการซื้อขายในประเทศเช้าวันนี้ (14 มิ.ย.) เงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าที่ระดับ 32.13 ต่อดอลลาร์สหรัฐ หลังถ้อยแถลงของนายพาวเวลล์ ประธานเฟด ขาดความชัดเจนว่า ตลาดแรงงานที่ตึงตัวจะส่งผลให้เงินเฟ้อเร่งตัวหรือไม่ ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะ 10 ปีของสหรัฐไม่สามารถยืนเหนือระดับร้อยละ 3.00 ได้ ขณะที่สกุลเงินสำคัญต่าง ๆ ฟื้นตัวขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน ส่วนราคาทองคำขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย ทั้งนี้ เงินบาทแข็งขึ้นประมาณร้อยละ 1.3 ในปีนี้ หลังจากกระแสเงินทุนไหลออกจากตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง ขณะที่แรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติในตลาดพันธบัตรแผ่วลง ส่วนทิศทางสกุลเงินภูมิภาคปีนี้เคลื่อนไหวค่อนข้างกระจัดกระจายขาดความสอดคล้องกัน
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสนใจว่าแม้คาดการณ์เศรษฐกิจของเฟดบ่งชี้ว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ และคาดว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 3 ครั้งในปี 2562 แต่ค่าเงินดอลลาร์กลับไม่ได้รับแรงหนุนอย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนความกังวลของตลาดเกี่ยวกับส่วนต่างระหว่างอัตราผลตอบแทนระยะ 10 ปี และ 2 ปี ซึ่งปรับตัวสู่ระดับแคบสุดนับตั้งแต่ปี 2550 โดยเส้นอัตราผลตอบแทนที่แบนราบมักเป็นสัญญาณเตือนว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจเผชิญความเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอยในระยะข้างหน้า หากต้นทุนการกู้ยืมปรับตัวขึ้นเร็วเกินไป และเฟดคาดว่าเงินเฟ้อของสหรัฐจะปรับตัวเหนือเป้าหมายที่ร้อยละ 2 โดยแตะระดับร้อยละ 2.1 ในปีนี้ ซึ่งเป็นการตอกย้ำว่าเฟดกำลังเผชิญความท้าทายในการดำเนินนโยบายและยอมรับได้หากเงินเฟ้อทะลุเป้าหมายไประยะหนึ่ง
ธนาคารกรุงศรีฯ ยังคงมุมมองเช่นเดิมว่าเงินบาทมีแนวโน้มกลับมาแข็งค่าอย่างค่อยเป็นค่อยไปในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดยเฉพาะหากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ส่งสัญญาณชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับการเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายจากระดับร้อยละ 1.50 ในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ตลาดภาพรวมและกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายมีความเสี่ยงที่จะผันผวนสูงขึ้น ส่วนปัจจัยชี้นำสำคัญสำหรับตลาดการเงินโลกในช่วงสั้น ได้แก่ การประชุมธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ในค่ำวันนี้ และการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) วันที่ 15 มิถุนายน.-สำนักข่าวไทย