นายกฯ ย้ำเงินกองทุนหมู่บ้านต้องไม่สูญเปล่า

เมืองทองธานี 13 มิ.ย.-นายกฯ เปิดปฏิบัติการโครงการพัฒนาหมู่บ้านและชุมชนอย่างยั่งยืนฯ อัดฉีดงบฯ 20,000 ล้านบาท ยันทุกโครงการจำเป็นต้องทำ  ย้ำเงินกองทุนที่ลงไปต้องไม่สูญเปล่า  กำชับติดตาม ประเมินผล และยกเลิกโครงการที่ไม่สัมฤทธิ์ผล ระบุภาพรวมเศรษฐกิจดีขึ้น  ฝากประชาชนช่วยตรวจสอบการใช้งบประมาณ ยินดีรับคำด่า ดีกว่าคำชมที่เคลือบยาพิษ


 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดปฏิบัติการโครงการพัฒนาหมู่บ้านและชุมชนอย่างยั่งยืน โดยศาสตร์พระราชาตามแนวทางประชารัฐ  โดยมีนายสุวพันธ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง พร้อมคณะผู้บริหาร และประชานประมาณหนึ่งหมื่นคน เข้าร่วมงาน

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้มาให้กำลังใจ สร้างความเข้าใจกัน และรู้สึกดีใจที่กองทุนหมู่บ้านมีความก้าวหน้าจากปีที่แล้วเป็นอย่างมาก เกิดจากความร่วมมือ และขับเคลื่อนด้วยพลังประชารัฐ  ซึ่งต้องขอบคุณมหาวิทยาลัย 18 แห่ง ที่จะมาช่วยขับเคลื่อนให้ประเทศเกิดความยั่งยืน ให้คนในประเทศมีคุณภาพ ซึ่งทุกคนต้องเรียนรู้ ทั้งการบริหารจัดการ หลักการวิธีคิด ให้ครอบครัวมีความเข้มแข็ง โดยใช้ศาสตร์พระราชา ซึ่งวันนี้ต้องทำให้ทุกอย่างมั่นคง มีมาตรการลดความเสี่ยง มีความพอเพียงและพอประมาณ  และต้องรู้จักสร้างภูมิคุ้มกันที่ดี ด้วยการเรียนรู้ให้มากขึ้น 


พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รัฐบาลจำเป็นต้องสื่อสาร 2 ทาง นำนโยบายต่าง ๆ ลงมา เพื่อจะดูว่าปัญหามีตรงจุดใด เพื่อวางแผนพัฒนาประเทศ นำไปสู่ความมั่งคั่ง อยากให้ทุกคนเข้าใจและมีความหวังว่าประเทศจะเป็นอย่างไรใน 10-20 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นที่มาของการวางยุทธศาตร์ชาติ 20 ปี เพื่อวางกรอบการทำงานของคนทุกกลุ่ม   ส่วนอีกทาง คือประชาชน ต้องเป็นผู้เสนอโครงการและแนวคิดต่าง ๆ ขึ้นมาว่าต้องการสิ่งใดบ้าง

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เงินทั้งหมดที่รัฐบาลได้มานั้น มาจากภาษีของประชาชนทั้งสิ้น ถ้าใช้เงินโดยไม่คิด เงินก็จะสูญเปล่า ดังนั้นรัฐบาลต้องคิดแผนและโครงการต่าง ๆ และเงินของกองทุนที่ลงไปต้องไม่สูญเปล่า ซึ่งเห็นได้ว่าหลายโครงการเป็นการดำเนินการที่ดี และช่วยสร้างรายได้ให้กับประชาชน และฝากให้ช่วยกันหาโครงการเพิ่มเติม และรัฐบาลจะติดตามและประเมินผล หากโครงการใดไม่มีผลสัมฤทธิ์ก็ต้องยกเลิก ดังนั้นการทำงานต้องสร้างความเข้มแข็งทั้งในส่วนของราชการและประชาชน ที่ต้องมีความเข้าใจในเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณ การเพิ่มขีดความสามารถของตัวเอง อย่างไรก็ตามต้องใช้ช่องทางการใช้เทคโนโลยี มาใช้ในการค้าขาย โดยเฉพาะสินค้าทางการเกษตรที่ทุกคนต้องเรียนรู้และปรับตัว เพื่อสร้างช่องทางการตลาดผ่านทางออนไลน์ 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รัฐบาลได้วางการเชื่อมโยงระบคมนาคม ทั้งทางบก ทางน้ำและทางอากาศ ซึ่งจะมีโครงการดำเนินการก่อสร้างรถไฟทางคู่อีก 4,000 กิโลเมตร เพื่อขยายเมืองและเปิดพื้นที่ทางธุรกิจในเส้นทางใหม่ ๆ  ซึ่งถ้าประชาชนไม่ร่วมมือ และไม่ผ่านการทำประชาพิจารณ์ ก็ไม่สามารถดำเนินการได้ และอยากให้มองถึงการเสียประโยชน์ส่วนน้อย เพื่อประโยชน์ส่วนใหญ่ ถือเป็นสิ่งสำคัญ เหมือนเสียสละอวัยวะ เพื่อรักษาชีวิต ซึ่งหากประชาชนที่ต้องเสียที่ดินเพื่อมาทำประโยชน์ รัฐก็ต้องดูแล  รัฐบาลมีหลายมาตรการในการดูแล ประชาชนทั้งระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาว ซึ่งในระยะยาวมีการวางแผนใน 5 ปีข้างหน้า และเรื่องกองทุนหมู่บ้านก็เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ในการเพิ่มความเข้มแข็งและกระจายรายได้  


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาล ได้วางแนวทางการผลิตบุคลากร เพื่อไปสู่ศตวรรษที่ 21 ซึ่งต้องเริ่มพัฒนาตั้งแต่เด็กที่เกิดในปีนี้ และได้ให้ สพฐ. ไปสำรวจสถานศึกษาทั่วประเทศ ว่ายังมีเด็กนักเรียนที่จบการศึกษาในประดับประถมศึกษาปีที่ 4 อ่านหนังสือไม่ออกจำนวนกี่คน ซึ่งผู้อำนวยการโรงเรียนก็ต้องดูแลเรื่องนี้ให้ดีด้วย

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจดีขึ้น แม้หลายคนจะมองว่าไม่ดี ซึ่งรัฐบาลพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด พร้อมฝากให้เกษตรกรเกิดการรวมกลุ่มเป็นสหกรณ์ อยากให้ปรับเปลี่ยน ไม่ใช่เป็นผู้ผลิตเพียงอย่างเดียว แต่ต้องสร้างช่องทางการตลาด 

“มีหลายคนไม่อยากฟังสิ่งที่รัฐบาลพูด เพราะสนใจเรื่องอื่นมากกว่า และเมื่อไม่เข้าใจสิ่งที่รัฐบาลทำ ก็จะย้อนกลับมาต่อว่ารัฐบาล ซึ่งผมยินดีรับคำด่าทุกอย่าง ดีกว่าคำชมที่เคลือบแฝงไปด้วยยาพิษ  ผมมีความจริงใจกับทุกคน ไม่เคยหวังสิ่งตอบแทนใด ๆ และไม่เคยหยุดทำงาน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ฝากให้ประชาชนช่วยกันตรวจสอบการใช้งบประมาณว่ามีความคุ้มค่าหรือมีการทุจริตหรือไม่ ขณะที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่ารัฐบาลใช้เงินจำนวนมาก แต่ตนยืนยันว่าแต่ละโครงการมีความจำเป็นที่ต้องทำ และการจัดสรรงบประมาณวันนี้ ได้กระจายไปทุกจังหวัดอย่างเท่าเทียม ไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่ต้องการให้เกิดวามยั่งยืน ไม่อยากให้มองว่าทุกเรื่องเป็นเรื่องการเมือง ต้องนำการบ้านมาคิดว่าจะทำอะไร 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ด้านสมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯ ได้กล่าวคำปฏิญาณร่วมกัน ว่าจะร่วมมือร่วมใจกันดำเนินกิจกรรมกองทุนฯอย่างดีที่สุด ให้มีประสิทธิภาพ ด้วยความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ และให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ หมู่บ้าน ชุมชน และประชานให้มากที่สุด และจะสานพลังประชารัฐ เพื่อให้โครงการนี้ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก เพื่อความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืนของประเทศ 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัจจุบันกองทุนหมู่บ้านฯ มีทั้งสิ้น 79,595 กองทุน สมาชิกประมาณ 13 ล้านคน  มีเงินทุนหมุนเวียนกว่า 3 แสนล้านบาท จากเงินจัดสรรจากรัฐประมาณ 2 แสนบาท ซึ่งในปี 2561 นี้ กองทุนหมูบ้านฯ เตรียมรับการสนับสนุนการดำเนินโครงการตามแนวทางประชารัฐ เพิ่มเติมอีก 20,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเป็นประโยชน์กับประชาชนทั้งประเทศไม่น้อยกว่า 12 ล้านครัวเรือน .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เก๋งซิ่งแหกโค้งชนเสาเหล็ก ไฟลุกไหม้คลอกคนขับดับสลด

ลพบุรี 6 มิ.ย. – เก๋งหรูซิ่งเสียงดังลั่น หมุนโชว์กลางสี่แยก ก่อนแหกโค้งชนเสาเหล็กป้ายข้างทางไฟลุกไหม้เสียหายทั้งคัน คลอกคนขับดับสลด เมื่อเวลา 03.30 น.ที่ผ่านมา ร.ต.ท.ชาตรี ทรัพย์นิยมพงศ์ ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองลพบุรี รับแจ้งรถเก๋งชนเสาข้างถนน ไฟลุกไหม้ทั้งคัน บนถนนทางเข้าบ้านหนองน้ำทิพย์ หมู่ 7 ต.เขาพระงาม อ.เมืองลพบุรี พร้อมแจ้งรถน้ำดับเพลิงป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลตำบลเขาพระงาม รุดไปดับไฟ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบ จุดเกิดเหตุพบไฟกำลังลุกไหม้โหมทั่วไปทั้งคันรถ สังเกตดูเบื้องต้นคนขับติดอยู่ที่เบาะนั่งสภาพหมดสติ เจ้าหน้าที่เร่งระดมฉีดน้ำใช้เวลาประมาณ 15 นาที เพลิงสงบ จากการตรวจสอบด้านซ้ายรถชนอัดอยู่กับเสาเหล็กป้ายบอกทาง สภาพเหลือแต่ซาก เบื้องต้นพบเป็นรถเก๋งยี่ห้อยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยู ไม่ทราบสี-ทะเบียน ถูกไฟไหม้ เหลืออยู่ครึ่งป้าย ภายในรถพบร่างชายถูกไฟไหม้เกรียม ยังไม่ทราบชื่อว่าเป็นใครมาจากไหน สอบถามนางเล็ก ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองนั่งเฝ้าเครื่องสูบน้ำใกล้จุดเกิดเหตุ ได้ยินเสียงรถเก๋งคันดังกล่าวขับซิ่งมาจากแยกเขาพระงาม มุ่งหน้าไปทางโคกสำโรง เสียงท่ออย่างดังลั่น พอมาถึงสามแยกบ้านหนองน้ำทิพย์ ได้หมุนโชว์กลางแยก 1 รอบ จากนั้นขับไปยูเทิร์นกลับมาอีกรอบ เลี้ยวเข้าทางแยกหนองน้ำทิพย์ได้ประมาณ 300 เมตร […]

ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงิน 12 ล้าน วางทิ้งข้างถังขยะ

นนทบุรี 6 มิ.ย. – ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงินสด 12 ล้าน ในกล่องพลาสติก วางทิ้งข้างถังขยะคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จากกรณีพลเมืองดีพบธนบัตรไทยจำนวนมาก ถูกซุกซ่อนอยู่ภายในกล่องพลาสติก บริเวณคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จ.นนทบุรี เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบเอกสารเกี่ยวกับหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายและซองจดหมาย ปรากฏชื่อบุคคลและหน่วยงานรัฐในเอกสาร จึงได้ยึดธนบัตรดังกล่าวมาที่ สภ.ปากเกร็ด เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นเงินอะไร ได้มาถูกต้องหรือไม่ และใครเป็นเจ้าของที่แท้จริง เบื้องต้นพบเป็นเงินสดจำนวน 12 ล้านบาท และเมื่อเจ้าหน้าที่นำสายรัดของธนบัตรดังกล่าวไปตรวจสอบ พบว่ามีการจ่ายเงินออกมาจำนวนดังกล่าวตั้งแต่ปี 2563    พลเมืองดีเล่าว่า เวลาประมาณ 20.00 น. ของเมื่อวานนี้ (5 มิ.ย.) ตนและเพื่อนเดินไปลิฟต์ที่ชั้น 4 ซึ่งข้างลิฟต์เป็นที่ทิ้งขยะ เห็นกล่องสภาพดีวางอยู่ ก็จะเก็บไปใช้ ซึ่งกล่องถูกเปิดแง้มเอาไว้และมีเสื้อผ้าวางทับด้านบน จึงเปิดดูพบเงินสดฉบับละ 1,000 บาท เป็นมัดๆ จำนวนมาก จึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ ความคืบหน้าในการติดตามหาตัวคนที่นำกล่องเงินมาทิ้ง ตำรวจสืบสวน สภ.ปากเกร็ด ได้ลงพื้นที่ไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณจุดที่พบเพื่อหาเบาะแสคนที่นำกล่องพลาสติกมาทิ้ง เบื้องต้นยังไม่พบผู้ต้องสงสัย นอกจากนี้ยังได้พยายามติดต่อกับ นายทวีวัฒน์ […]

น้ำมันรั่วลงทะเล

สั่งเจ้าท่าระงับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar

ชลบุรี 6 มิ.ย.- “มนพร” สั่งการกรมเจ้าท่าตั้งศูนย์ประสานงานแก้ไขปัญหาและควบคุมสถานการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar บริเวณท่าเรือบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ศรีราชา จังหวัดชลบุรี นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม สั่งการให้ นายกริชเพชร ชัยช่วย อธิบดีกรมเจ้าท่า ดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน เพื่อ ระงับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar ซึ่งเป็นเรือบรรทุกน้ำมันดิบสัญชาติสิงคโปร์ หมายเลข IMO 9828962 โดยเหตุเกิดบริเวณทุ่นรับน้ำมันกลางทะเล (SBM2) ของบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ในเขตพื้นที่ศรีราชา จังหวัดชลบุรี เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลา 00.54 น. โดยมีสาเหตุมาจากท่อส่งน้ำมันที่ชำรุด ส่งผลให้น้ำมันดิบรั่วไหลลงสู่ทะเลในปริมาณประมาณ 20 คิว หรือราว 20 ตัน กรมเจ้าท่าได้ดำเนินการประเมินสถานการณ์โดยเร่งดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานฯ ณ โรงกลั่นน้ำมันของบริษัทไทยออยล์ จังหวัดชลบุรี เพื่อเป็นศูนย์กลางในการควบคุมเหตุการณ์ ทั้งนี้กรมเจ้าท่าในฐานะเลขานุการศูนย์ประสานงาน ได้ประสานกองทัพเรือจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ในการขจัดคราบน้ำมัน จากการสำรวจพื้นที่ พบว่าลักษณะของคราบน้ำมันเป็นคราบสีดำหรือน้ำตาลบาง ๆ […]

นักศึกษาเจอคอลเซ็นเตอร์ปั่นหัวถือมีดบุกโรงพัก

เชียงใหม่ 5 มิ.ย. – แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกนักศึกษาเชียงใหม่ สูญกว่า 2 ล้านบาท พ่อแม่เครียดหมดเนื้อหมดตัว บางรายถูกปั่นหัวให้ถือมีดบุกโรงพักเย้ยตำรวจ พบเฉพาะ สภ.ภูพิงค์ฯ มีเหยื่อโดนหลอกลักษณะนี้แล้วกว่า 300 ราย กล้องวงจรปิดบันทึกภาพนักศึกษาสาว ชั้นปีที่ 4 ขี่รถจักรยานยนต์มาจอดภายใน สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นเดินไปเข็นวีลแชร์ที่อยู่ตรงหัวมุมอาคาร แล้วก็เข็นไปเข็นมาอยู่อย่างนั้น ก่อนจะถือมีดไปที่บริเวณห้องรับแจ้งความ และอ้างว่า จะมาขอพบตำรวจนายหนึ่ง แต่ไม่มีชื่อนี้อยู่ที่โรงพัก จึงขอพบ พันตำรวจเอก มนัสชัย อินทร์เถื่อน ผู้กำกับ สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ เพราะไปฆ่าคนตายมา ขณะนั้น ตำรวจสืบสวนสังเกตเห็นว่า นักศึกษาสาวมีท่าทางหวาดระแวงใส่หูฟังเหมือนกับทำตามคำสั่งใครสักคนที่สั่งการจากปลายสาย ด้านตำรวจจึงชวนพูดคุยสอบถามสักพัก จนยอมวางมีดลง จากนั้น ตำรวจจึงขอให้ดึงหูฟังออก ปรากฏว่า นักศึกษาสาวกลับได้สติขึ้นมาว่า ชายที่สั่งการทางโทรศัพท์ไม่ใช่ตำรวจจริง เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สั่งให้มาป่วนตำรวจ เนื่องจากไม่มีเงินโอนให้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ที่ผ่านมา ตำรวจจึงตรวจสอบพบว่า ในวันเดียวกัน […]

ข่าวแนะนำ

ลอบวางระเบิด 2 จุด กลางตลาดโต้รุ่งเมืองปัตตานี

ปัตตานี 8 มิ.ย. – คนร้ายลอบวางระเบิดกลางตลาดโต้รุ่ง เขตเทศบาลเมืองปัตตานี รถจักรยานยนต์เสียหาย 2 คัน เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต วันที่ 8 มิ.ย.68 เวลา 20.00 น. เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบกลุ่มจำนวน ลอบวางระเบิดแสวงเครื่อง จำนวน 2 ลูก โดยจุดแรก วางระเบิดในถังขยะ หน้าร้านทอง บริเวณตลาดโต้รุ่ง เขตเทศบาลเมืองปัตตานี เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต รถจักรยานยนต์ได้รับความเสียหาย จำนวน 2 คัน และจุดที่ 2 วางระเบิดในถังขยะ บริเวณในซอยข้างโรงแรม หลังตลาดโต้รุ่ง เขตเทศบาลเมืองปัตตานี เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต การก่อเหตุครั้งนี้ คาดว่าเป็นการก่อเหตุเพื่อสร้างสถานการณ์ให้เกิดขึ้นในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ตามข้อมูลข่าวสารที่หน่วย ส.จว.ปัตตานี ได้ออกข่าวแจ้งเตือนไปแล้ว เมื่อวันที่ 26 พ.ค.68 เวลา 15.00 น. ปรากฏข่าวสารว่า นายมะกอเซ็ง หม้าแอ สมาชิก ผกร.ระดับปฏิบัติการ และสมาชิกจำนวน […]

นายกฯ เผยหารือกัมพูชา ตกลงปรับกำลังทหารทั้ง 2 ฝ่าย ลดเผชิญหน้า

ทำเนียบรัฐบาล 8 มิ.ย. – นายกฯ เผยหารือกับรัฐบาลกัมพูชา ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงจะร่วมกันปรับกำลังทหาร จุดที่มีการกระทบกระทั่ง เพื่อลดการเผชิญหน้า เดินหน้าใช้กลไก JBC 14 มิ.ย.นี้ นำพาความสัมพันธ์เข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุว่า ความพยายามคลี่คลายสถานการณ์ความขัดแย้งตามแนวชายแดน โดยการปฏิบัติงานของทั้งระดับนโยบาย โดยรัฐบาล ฝ่ายความมั่นคง กองทัพ กระทรวงการต่างประเทศ และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีพัฒนาการในทางที่ดีขึ้นเป็นลำดับค่ะ ดิฉันได้หารือกับรัฐบาลกัมพูชา มีข้อสรุปที่ส่งผลดีต่อสถานการณ์ โดยทั้ง 2 ฝ่ายตกลงจะร่วมกันปรับกำลังทหาร ณ จุดที่มีการกระทบกระทั่ง เพื่อลดบรรยากาศการเผชิญหน้า และจะพัฒนาความร่วมมือโดยใช้กลไก JBC ในวันที่ 14 มิถุนายนนี้ และจะมีการพูดคุยกันในทุกระดับ เพื่อนำพาความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็วค่ะ ขอให้พี่น้องประชาชนติดตามสถานการณ์และข้อเท็จจริงจากรัฐบาล พร้อมทั้งเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานจนประสบผลสำเร็จต่อไป สุดท้ายนี้ ขอให้พี่น้องประชาชนได้โปรดคลายความกังวล และมีความมั่นใจในการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลว่า จะไม่มีเหตุกระทบกระทั่งที่รุนแรงเกิดขึ้นแน่นอนค่ะ.-316-สำนักข่าวไทย

โฆษก ทบ. ยันทหารกัมพูชายอมถอนกำลัง-กลบคูเลต ลดตึงเครียด

8 มิ.ย. – โฆษก ทบ. ยืนยันทหารกัมพูชายอมถอนกำลังกลับไปอยู่จุดเดิม พร้อมกลบคูเลตให้คืนสู่สภาพเดิม หลังบรรลุข้อตกลงการหารือ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ในพื้นที่พิพาทบริเวณช่องบก ลดความตึงเครียด วันนี้ (8 มิ.ย.68)​ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ฝ่ายกัมพูชา นำโดย พล.ท.สรัย ดึก รองผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ได้เชิญฝ่ายทหารไทย โดย พล.ต.สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เข้าร่วมหารือ เพื่อเจรจาเกี่ยวกับกรณีปัญหาการรุกล้ำดินแดนในพื้นที่พิพาทบริเวณช่องบก จากการหารือเบื้องต้น ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงในประเด็นสำคัญ คือ ฝ่ายทหารกัมพูชายินยอมถอนกำลังกลับไปยังจุดที่เคยประจำการอยู่เดิม ซึ่งอยู่ห่างจากบริเวณที่เกิดเหตุปะทะ หรือแนวต้นพญาสัตบรรณ ลึกเข้าไปในเขตแดนของประเทศกัมพูชา จุดดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่ฝ่ายกัมพูชาเคยใช้เป็นแนววางกำลังฐานมาโดยตลอดในอดีต นอกจากนี้ ฝ่ายกัมพูชายังแสดงความยินยอมที่จะดำเนินการกลบคูเลตให้กลับคืนสู่สภาพธรรมชาติตามเดิม ตามข้อเสนอของฝ่ายไทย เพื่อเป็นการลดความตึงเครียด และสร้างบรรยากาศแห่งความร่วมมือ ภายหลังจากนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันที่จะใช้กลไกระดับคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น เป็นช่องทางในการหารือแนวทางบริหารจัดการพื้นที่อย่างเหมาะสมและยั่งยืนต่อไป.-313-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 สั่งกองกำลังสุรนารี ปรับเวลาเปิด-ปิด จุดผ่านแดนกัมพูชา 

8 มิ.ย.- เกาะติดสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา แม่ทัพภาค 2 ลงนามคำสั่งให้อำนาจผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี พิจารณาปรับเวลาเปิด-ปิด ด่านถาวรและจุดผ่อนปรนการค้า 4 ด่าน มีผลทันทีเมื่อคืนนี้ กองทัพภาคที่ 2 ออกหนังสือคำสั่ง การควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังสุรนารี ตามคำสั่งกองทัพบก เพื่อความปลอดภัยของประชาชน ให้กองทัพภาคที่ 2 โดยกองกำลังกำลังสุรนารีมีอำนาจการควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังสุรนารี วิธีการและเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลา ที่จำเป็นเหมาะสม ในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังสุรนารี ดังนี้