นายกฯ ย้ำเงินกองทุนหมู่บ้านต้องไม่สูญเปล่า

เมืองทองธานี 13 มิ.ย.-นายกฯ เปิดปฏิบัติการโครงการพัฒนาหมู่บ้านและชุมชนอย่างยั่งยืนฯ อัดฉีดงบฯ 20,000 ล้านบาท ยันทุกโครงการจำเป็นต้องทำ  ย้ำเงินกองทุนที่ลงไปต้องไม่สูญเปล่า  กำชับติดตาม ประเมินผล และยกเลิกโครงการที่ไม่สัมฤทธิ์ผล ระบุภาพรวมเศรษฐกิจดีขึ้น  ฝากประชาชนช่วยตรวจสอบการใช้งบประมาณ ยินดีรับคำด่า ดีกว่าคำชมที่เคลือบยาพิษ


 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดปฏิบัติการโครงการพัฒนาหมู่บ้านและชุมชนอย่างยั่งยืน โดยศาสตร์พระราชาตามแนวทางประชารัฐ  โดยมีนายสุวพันธ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง พร้อมคณะผู้บริหาร และประชานประมาณหนึ่งหมื่นคน เข้าร่วมงาน

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้มาให้กำลังใจ สร้างความเข้าใจกัน และรู้สึกดีใจที่กองทุนหมู่บ้านมีความก้าวหน้าจากปีที่แล้วเป็นอย่างมาก เกิดจากความร่วมมือ และขับเคลื่อนด้วยพลังประชารัฐ  ซึ่งต้องขอบคุณมหาวิทยาลัย 18 แห่ง ที่จะมาช่วยขับเคลื่อนให้ประเทศเกิดความยั่งยืน ให้คนในประเทศมีคุณภาพ ซึ่งทุกคนต้องเรียนรู้ ทั้งการบริหารจัดการ หลักการวิธีคิด ให้ครอบครัวมีความเข้มแข็ง โดยใช้ศาสตร์พระราชา ซึ่งวันนี้ต้องทำให้ทุกอย่างมั่นคง มีมาตรการลดความเสี่ยง มีความพอเพียงและพอประมาณ  และต้องรู้จักสร้างภูมิคุ้มกันที่ดี ด้วยการเรียนรู้ให้มากขึ้น 


พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รัฐบาลจำเป็นต้องสื่อสาร 2 ทาง นำนโยบายต่าง ๆ ลงมา เพื่อจะดูว่าปัญหามีตรงจุดใด เพื่อวางแผนพัฒนาประเทศ นำไปสู่ความมั่งคั่ง อยากให้ทุกคนเข้าใจและมีความหวังว่าประเทศจะเป็นอย่างไรใน 10-20 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นที่มาของการวางยุทธศาตร์ชาติ 20 ปี เพื่อวางกรอบการทำงานของคนทุกกลุ่ม   ส่วนอีกทาง คือประชาชน ต้องเป็นผู้เสนอโครงการและแนวคิดต่าง ๆ ขึ้นมาว่าต้องการสิ่งใดบ้าง

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เงินทั้งหมดที่รัฐบาลได้มานั้น มาจากภาษีของประชาชนทั้งสิ้น ถ้าใช้เงินโดยไม่คิด เงินก็จะสูญเปล่า ดังนั้นรัฐบาลต้องคิดแผนและโครงการต่าง ๆ และเงินของกองทุนที่ลงไปต้องไม่สูญเปล่า ซึ่งเห็นได้ว่าหลายโครงการเป็นการดำเนินการที่ดี และช่วยสร้างรายได้ให้กับประชาชน และฝากให้ช่วยกันหาโครงการเพิ่มเติม และรัฐบาลจะติดตามและประเมินผล หากโครงการใดไม่มีผลสัมฤทธิ์ก็ต้องยกเลิก ดังนั้นการทำงานต้องสร้างความเข้มแข็งทั้งในส่วนของราชการและประชาชน ที่ต้องมีความเข้าใจในเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณ การเพิ่มขีดความสามารถของตัวเอง อย่างไรก็ตามต้องใช้ช่องทางการใช้เทคโนโลยี มาใช้ในการค้าขาย โดยเฉพาะสินค้าทางการเกษตรที่ทุกคนต้องเรียนรู้และปรับตัว เพื่อสร้างช่องทางการตลาดผ่านทางออนไลน์ 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รัฐบาลได้วางการเชื่อมโยงระบคมนาคม ทั้งทางบก ทางน้ำและทางอากาศ ซึ่งจะมีโครงการดำเนินการก่อสร้างรถไฟทางคู่อีก 4,000 กิโลเมตร เพื่อขยายเมืองและเปิดพื้นที่ทางธุรกิจในเส้นทางใหม่ ๆ  ซึ่งถ้าประชาชนไม่ร่วมมือ และไม่ผ่านการทำประชาพิจารณ์ ก็ไม่สามารถดำเนินการได้ และอยากให้มองถึงการเสียประโยชน์ส่วนน้อย เพื่อประโยชน์ส่วนใหญ่ ถือเป็นสิ่งสำคัญ เหมือนเสียสละอวัยวะ เพื่อรักษาชีวิต ซึ่งหากประชาชนที่ต้องเสียที่ดินเพื่อมาทำประโยชน์ รัฐก็ต้องดูแล  รัฐบาลมีหลายมาตรการในการดูแล ประชาชนทั้งระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาว ซึ่งในระยะยาวมีการวางแผนใน 5 ปีข้างหน้า และเรื่องกองทุนหมู่บ้านก็เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ในการเพิ่มความเข้มแข็งและกระจายรายได้  


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาล ได้วางแนวทางการผลิตบุคลากร เพื่อไปสู่ศตวรรษที่ 21 ซึ่งต้องเริ่มพัฒนาตั้งแต่เด็กที่เกิดในปีนี้ และได้ให้ สพฐ. ไปสำรวจสถานศึกษาทั่วประเทศ ว่ายังมีเด็กนักเรียนที่จบการศึกษาในประดับประถมศึกษาปีที่ 4 อ่านหนังสือไม่ออกจำนวนกี่คน ซึ่งผู้อำนวยการโรงเรียนก็ต้องดูแลเรื่องนี้ให้ดีด้วย

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจดีขึ้น แม้หลายคนจะมองว่าไม่ดี ซึ่งรัฐบาลพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด พร้อมฝากให้เกษตรกรเกิดการรวมกลุ่มเป็นสหกรณ์ อยากให้ปรับเปลี่ยน ไม่ใช่เป็นผู้ผลิตเพียงอย่างเดียว แต่ต้องสร้างช่องทางการตลาด 

“มีหลายคนไม่อยากฟังสิ่งที่รัฐบาลพูด เพราะสนใจเรื่องอื่นมากกว่า และเมื่อไม่เข้าใจสิ่งที่รัฐบาลทำ ก็จะย้อนกลับมาต่อว่ารัฐบาล ซึ่งผมยินดีรับคำด่าทุกอย่าง ดีกว่าคำชมที่เคลือบแฝงไปด้วยยาพิษ  ผมมีความจริงใจกับทุกคน ไม่เคยหวังสิ่งตอบแทนใด ๆ และไม่เคยหยุดทำงาน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ฝากให้ประชาชนช่วยกันตรวจสอบการใช้งบประมาณว่ามีความคุ้มค่าหรือมีการทุจริตหรือไม่ ขณะที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่ารัฐบาลใช้เงินจำนวนมาก แต่ตนยืนยันว่าแต่ละโครงการมีความจำเป็นที่ต้องทำ และการจัดสรรงบประมาณวันนี้ ได้กระจายไปทุกจังหวัดอย่างเท่าเทียม ไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่ต้องการให้เกิดวามยั่งยืน ไม่อยากให้มองว่าทุกเรื่องเป็นเรื่องการเมือง ต้องนำการบ้านมาคิดว่าจะทำอะไร 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ด้านสมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯ ได้กล่าวคำปฏิญาณร่วมกัน ว่าจะร่วมมือร่วมใจกันดำเนินกิจกรรมกองทุนฯอย่างดีที่สุด ให้มีประสิทธิภาพ ด้วยความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ และให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ หมู่บ้าน ชุมชน และประชานให้มากที่สุด และจะสานพลังประชารัฐ เพื่อให้โครงการนี้ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก เพื่อความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืนของประเทศ 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัจจุบันกองทุนหมู่บ้านฯ มีทั้งสิ้น 79,595 กองทุน สมาชิกประมาณ 13 ล้านคน  มีเงินทุนหมุนเวียนกว่า 3 แสนล้านบาท จากเงินจัดสรรจากรัฐประมาณ 2 แสนบาท ซึ่งในปี 2561 นี้ กองทุนหมูบ้านฯ เตรียมรับการสนับสนุนการดำเนินโครงการตามแนวทางประชารัฐ เพิ่มเติมอีก 20,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเป็นประโยชน์กับประชาชนทั้งประเทศไม่น้อยกว่า 12 ล้านครัวเรือน .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ศาล รธน. นัดชี้ชะตา “แพทองธาร” คดีคลิปเสียง “ฮุนเซน” 29 ส.ค.นี้

ศาล รธน. 13 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ นัดชี้ชะตา “แพทองธาร” คดีคลิปเสียง “ฮุนเซน” 29 ส.ค.นี้ เปิดให้เจ้าตัวเข้าไต่สวนพร้อมเลขาฯ สมช. 21 ส.ค. ไม่มาถือว่าไม่ติดใจ ศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาคำร้องที่ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องของสมาชิกวุฒิสภา 36 คน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า กรณีปรากฏคลิปเสียงการสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งกัมพูชา เผยแพร่ทางสื่อมวลชน เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2568 ซึ่ง น.ส.แพทองธาร ผู้ถูกร้อง แถลงข่าวยอมรับว่า เป็นเสียงการสนทนาของตนกับสมเด็จฮุน เซน จริง แม้ น.ส.แพทองธาร ผู้ถูกร้อง แถลงข่าวในเวลาต่อมาว่าเป็นการพูดคุยทางโทรศัพท์แบบส่วนตัว โดยมีเจตนาที่จะเจรจาต่อรองอย่างนุ่มนวล เพื่อรักษาไว้ซึ่งความสงบสุขและอธิปไตยของไทยก็ตาม แต่ผู้เข้าชื่อเสนอคำร้องเห็นว่า น.ส.แพทองธาร แสดงออกถึงความนิ่งเฉยและไม่ปฏิบัติหน้าที่โต้ตอบหรือกำหนดมาตรการ รวมถึงการเจรจาระหว่างประเทศด้วยตนเองให้เป็นที่ประจักษ์ตามหน้าที่ความรับผิดชอบที่บุคคลผู้อยู่ในสภาวะ วิสัย และพฤติการณ์แห่งความเป็นนายกรัฐมนตรีพึงกระทำ เพราะเหตุแห่งความสัมพันธ์ส่วนตัวในลักษณะเป็นฝั่งเดียวกันกับกัมพูชา พร้อมที่จะทำตามหรือจัดการตามที่ฝ่ายกัมพูชาต้องการมาโดยตลอด ส่วนแม่ทัพภาคที่ 2 […]

ทบ.แจงปมขอรับบริจาคลวดหนาม จำเป็นต้องใช้เร่งด่วน

กองทัพบก 13 ส.ค.- โฆษก ทบ. แจงกองทัพภาค 2 ขอรับบริจาค “ลวดหนามหีบเพลง” เหตุจำเป็นต้องใช้เร่งด่วน เพื่อความปลอดภัยกำลังพล สกัดการลักลอบเข้าพื้นที่ของทหารกัมพูชา ชี้หากรอกระบวนการจัดซื้อตามกฎหมาย ใช้เวลา 1 เดือน ย้ำรัฐบาล-กองทัพ มีงบประมาณเพียงพอ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ขอให้กองทัพภาคที่2 หยุดรับบริจาคลวดหนามหีบเพลงจากประชาชน และให้มาขอกับรัฐบาลว่า ยืนยันรัฐบาลและกองทัพมีงบประมาณเพียงพอ แต่ติดขัดในกระบวนการจัดซื้อตามกฎหมาย ซึ่งต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 เดือน และหากไม่ปฏิบัติตามระเบียบ อาจทำให้ผู้จัดซื้อมีความผิด ซึ่งในสถานการณ์ปัจจุบัน มีความจำเป็นต้องใช้ลวดหนามหีบเพลงทันที โดยเฉพาะ 4 จังหวัดชายแดน “อุบลฯ-ศรีสะเกษ-สุรินทร์-บุรีรัมย์” จึงต้องขอรับการสนับสนุนจากประชาชน “การจัดซื้อต้องเป็นไปตามระเบียบราชการ แต่วิธีจัดหาใช้แบบพิเศษได้ แต่ก็ใช้เวลาเป็นเดือน ที่สำคัญ กรณีลวดหีบเพลงสเปกที่ทหารใช้ ไม่มีในท้องตลาดต้องสั่งผลิตจึงใช้เวลานานขึ้นไปอีก ยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องของงบประมาณ งบประมาณมีอย่างเพียงพอ มีแค่เรื่องเวลา” โฆษก ทบ. กล่าวและว่า […]

โรงเรียน-โรงพยาบาลในอุบลฯ เปิดวันแรก หลังเหตุปะทะไทย-กัมพูชา

13 ส.ค. – ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.สุรินทร์ เช้านี้ (13 ส.ค.) ยังปกติ ชาวบ้านติดชายแดนต่างวิตก หวั่นเกิดการปะทะ จึงเก็บสัมภาระเตรียมพร้อมหากต้องอพยพออกจากพื้นที่ ส่วนโรงเรียน-โรงพยาบาล ใน จ.อุบลราชธานี เปิดวันแรก ทำเอาชาวบ้านอยู่ไม่ได้ หลังมีกระแสข่าวว่าจะเกิดการยิงกันบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา จนชาวบ้านต้องขนของอพยพออกจากบ้านกลางดึก เพื่อมาตั้งหลักในตัว อ.กันทรลักษ์ แต่หลังจากแน่ใจว่าไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นจึงเดินทางกลับเข้าบ้านเรือน แต่ยังมีบางส่วนที่ยังไม่ไว้วางใจในสถานการณ์ ออกไปพักบ้านญาติพี่น้องต่างอำเภอ สำหรับสถานที่ราชการในตัว อ.กันทรลักษ์ วันนี้ยังคงเปิดให้บริการตามปกติ ส่วนโรงเรียนบางแห่งประกาศให้เรียนทางออนไลน์แทน เพื่อความปลอดภัย โรงเรียนชายแดน จ.สุรินทร์ ปิดต่อ ให้เรียนออนไลน์เช่นเดียวกับ จ.สุรินทร์ โรงเรียนชายแดนยังปิดต่อ และให้เรียนออนไลน์แทน เพื่อรอดูสถานการณ์ ส่วนผู้ปกครองกังวลถ้ายังเปิดเรียนในช่วงสถานการณ์ยังไม่สงบและไม่ปลอดภัย 100% ส่วนในพื้นที่ อ.พนมดงรัก โรงเรียนประถมฯ บางโรงประกาศให้มีการเรียนการสอนในระบบออนไลน์ช่วงวันที่ 13-15 สิงหาคมนี้ และมีบางโรงเรียนที่กลับมาเปิดเรียนตามปกติแล้ว แต่ไม่บังคับว่านักเรียนต้องมาเรียนทุกคน โดยมีการแจ้งใน LINE กลุ่มผู้ปกครองว่าหากผู้ปกครองท่านใดยังมีความกังวลใจก็อนุญาตให้เด็กลาได้ ส่วนชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.สุรินทร์ เช้านี้ […]

South Korea Leader and wife at Presidential plane Apr 2023

เกาหลีใต้จับอดีตสตรีหมายเลข 1

โซล 13 ส.ค.- นางคิม คอน ฮี อดีตสตรีหมายเลข 1 ของเกาหลีใต้ ถูกควบคุมตัวตามที่ศาลออกหมายจับเมื่อค่ำวานนี้ หลังจากอัยการยื่นขอหมายจับเพราะเกรงว่าเธอจะทำลายหลักฐานและแทรกแซงการสอบสวนในคดีที่ถูกกล่าวหาหลายคดี นางคิม ซึ่งจะมีอายุครบ 53 ปีในเดือนกันยายน เป็นอดีตสตรีหมายเลข 1 คนแรกของเกาหลีใต้ที่ถูกจับกุม ขณะที่สามีของเธอ คือ อดีตประธานาธิบดียุน ซอก ยอล วัย 64 ปี กำลังถูกคุมขังระหว่างรอการพิจารณาคดี หลังจากถูกถอดถอนจากตำแหน่งกรณีประกาศกฎอัยการศึกเมื่อปลายปี 2567 ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกันนางคิมได้โค้งคำนับและไม่ตอบคำถามผู้สื่อข่าวขณะเดินทางถึงศาล จากนั้นไปรอฟังคำตัดสินที่สถานกักขังในกรุงโซลตามธรรมเนียมปฏิบัติของเกาหลีใต้ โฆษกคณะอัยการพิเศษที่ได้รับการแต่งตั้งเมื่อต้นเดือนมิถุนายนแถลงว่า อัยการยื่นขอหมายจับนางคิม เนื่องจากเกรงว่าเธอจะทำลายหลักฐานและแทรกแซงการสอบสวน สำนักข่าวยอนฮับของทางการเกาหลีใต้รายงานว่า ศาลอนุมัติหมายจับตามคำแถลงเรื่องเธอมีความเสี่ยงที่จะทำลายหลักฐาน อดีตสตรีหมายเลข 1 ของเกาหลีใต้ถูกตั้งข้อหาหลายคดี ตั้งแต่การปั่นหุ้นไปจนถึงการรับสินบนและการใช้อิทธิพลแทรกแซงอย่างผิดกฎหมายที่พัวพันกับเจ้าของธุรกิจ บุคคลทางศาสนา และผู้มีอิทธิพลทางการเมือง เธอถูกกล่าวหาว่า ทำผิดกฎหมายเรื่องสร้อยคอประดับจี้ยี่ห้อหรูที่สวมไปร่วมการประชุมสุดยอดองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต ที่สเปน พร้อมกับสามีในปี 2565 เนื่องจากไม่ได้แจ้งรายการทรัพย์สินจี้ดังกล่าวที่มีข่าวว่าราคาสูงกว่า 60 ล้านวอน (กว่า 1.4 ล้านบาท) เธอให้การกับอัยการว่าเป็นของปลอมที่ซื้อในฮ่องกงเมื่อ […]