ตลท. 4 มิ.ย. – บล.เคทีบีมองแรงขายต่างชาติกดดันหุ้นไทยสัปดาห์นี้ โดยวันนี้ดัชนีเคลื่อนไหวแคบ ๆ ปิดบวก 1.47 จุด จับตาศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดคำสั่ง คสช.53/2560 ว่าด้วยพรรคการเมือง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ปิดวันนี้ (4 มิ.ย.) ที่ระดับ 1,721.29 จุด เพิ่มขึ้น 1.47 จุด หรือร้อยละ 0.09 มูลค่าการซื้อขาย 53,420.10 ล้านบาท การซื้อขายหุ้นวันนี้ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวแคบ ๆ ทั้งแดนบวก-ลบ โดยดัชนีฯ แตะจุดสูงสุดที่ 1,724.71 จุด และแตะจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,715.82 จุด
นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์เคทีบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า หุ้นไทยสัปดาห์นี้ (4-6 มิ.ย.) ผลจากการปรับพอร์ตรับการลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ดอกเบี้ยสหรัฐปรับตัวขึ้น และการนำหุ้น A-share ของจีนเข้าคำนวณดัชนี MSCI ทำให้ยังมีแนวโน้มที่จะมีการขายหุ้นไทยและหุ้นในตลาดเอเซีย เพราะถือเป็นการเปลี่ยนแปลงของดอกเบี้ย นับตั้งแต่วิกฤติซับไพรม์ปี 2551 เป็นต้นมา มองการขายของนักลงทุนต่างประเทศยังเป็นตัวแปรสำคัญที่สุดของสัปดาห์นี้ที่อาจกดให้ดัชนีวิ่งเข้าใกล้ 1,700 จุด แต่คาดว่าจะมีรีบาวน์ก่อนถึงจุดนั้น ขณะที่สงครามการค้าของสหรัฐกับประเทศอื่น ๆ มีความร้อนแรงขึ้น สหรัฐยังไม่พอใจข้อเสนอลดการเกินดุลการค้าที่จีนเสนอมา จึงไม่สามารถตกลงกันได้ดังนั้น แรงขายปรับพอร์ตของนักลงทุนจากแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น สงครามการค้า และราคาน้ำมันดิบที่ผ่านช่วงสูงสุดมาแล้ว ยังคงเป็นตัวแปรลบต่อดัชนีฯ ต่อไป จนกว่านักลงทุนต่างประเทศจะลดการขายหุ้นไทย
อย่างไรก็ตาม ในมุมบวกของตลาดหุ้นไทย คือ ราคาหุ้นขนาดใหญ่ปรับตัวลงมามาก และวันที่ 5 มิถุนายน หากศาลรัฐธรรมนูญเปิดคำวินิจฉัย คำสั่ง คสช.53/2560 ว่าไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ หรือมีสัญญาณว่าจะมีการเลือกตั้งตามกำหนดเดิมเดือนกุมภาพันธ์ 2562 หรือเลื่อนไปไม่มากไม่เกินเดือนพฤษภาคม 2562 เชื่อว่าตลาดจะตอบรับในทางบวก ดัชนีฯ อาจไต่ระดับขึ้นไปได้ถึง 1,750 จุดได้เช่นกัน ปัจจัยสำคัญที่ควรติดตาม คือ สัญญาณดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการประชุมสัปดาห์หน้า และทิศทางราคาน้ำมัน
ด้านประเภทนักลงทุน สถาบันในประเทศ ซื้อสุทธิ 2,454.80 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ขายสุทธิ 1,802.34 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 100.98 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปในประเทศ ขายสุทธิ 551.47 ล้านบาท.-สำนักข่าวไทย