กรุงเทพฯ 31 พ.ค. – คณะทำงานจัดระเบียบฯ 4 ฝ่าย เคาะ 1 กรกฎาคมนี้ เปิดให้มอเตอร์ไซค์รับจ้างยื่นความจำนงประกอบอาชีพรอบ 3 คาดมีวินรับจ้างใหม่ 5-6 พันคันเข้าสู่ระบบ
วันนี้ (31 พ.ค.) คณะทำงานจัดระเบียบรถจักรยานยนต์สาธารณะ 4 ฝ่าย ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ทหารจากมณฑลทหารบกที่ 11 กรมการขนส่งทางบก กองบังคับการตำรวจจราจร และกรุงเทพมหานคร ร่วมกันแถลงข่าวถึงแผนงานที่จะมีการเปิดให้ผู้ที่ประสงค์จะประกอบอาชีพมอเตอร์ไซค์รับจ้างแสดงสิทธิ์ เพื่อประกอบอาชีพรอบที่ 3 หลังจาก 2 รอบแรกมีรถสาธารณะในกรุงเทพฯ เข้าสู่ระบบ 98,826 คัน ซึ่งการดำเนินการรอบใหม่นี้เป็นการเร่งรัดหลังจากที่ผ่านมามีการนำรถป้ายดำวิ่งให้บริการผ่านแอพพลิเคชั่น ส่งผลกระทบและเกิดความขัดแย้งกับผู้ประกอบอาชีพมอเตอร์ไซค์รับจ้าง
พล.ต.ปิยะพงษ์ กลิ่นพันธุ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 11 ยืนยันถึงการดำเนินการจัดระเบียบรอบที่ 3 เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยในการประกอบอาชีพให้บริการประชาชน โดยวางกรอบเวลาดำเนินการ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม-31 สิงหาคม 2561 จะเปิดให้ผู้ที่ประสงค์ประกอบอาชีพยื่นหลักฐานต่าง ๆ ที่สำนักงานเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครที่วินตั้ง หลังจากนั้นแต่ละเขตจะเริ่มตรวจสอบสิทธิ์และออกหนังสือรับรองการใช้มอเตอร์ไซค์สาธารณะให้เสร็จภายใน 31 ตุลาคม 2561 โดยจะพิจารณาความเหมาะสม เช่น จุดตั้งวินใหม่ไม่ทับซ้อนวินเดิม และผู้ประกอบการวินเดิมมีรถไม่เพียงพอบริการประชาชน หลังจากตรวจสอบเอกสารเสร็จผู้ที่ลงทะเบียนต้องดำเนินการตามขั้นตอนให้เสร็จภายใน 120 วัน โดยการนำหนังสือรับรองการใช้รถไปจดทะเบียนเป็นรถสาธารณะที่สำนักงานขนส่งกรุงเทพฯ ที่รับผิดชอบ หรือดำเนินการให้เสร็จภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 และเดือนมีนาคมจะตรวจจับบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด
ขณะที่นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า จากการดำเนินการครั้งที่ผ่านมาประเมินว่าจะมีรถเข้าสู่ระบบประมาณ 5,000-6,000 คัน ผู้ที่ได้รับสิทธิ์ประกอบอาชีพนั้น ต้องผ่านคุณสมบัติตามที่กำหนด รวมทั้งในอนาคตกรมฯ จะพัฒนาแอพพลิเคชั่น เพื่อให้ผู้ประกอบอาชีพทุกคนมีเทคโนโลยีประกอบอาชีพสะดวกทั้งต่อตนเองและผู้ใช้บริการ
ทั้งนี้ การร่วมแถลงข่าวดังกล่าวมีผู้ประกอบการแอพพลิเคชั่น มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ครบทุกราย ส่วนแกร็บไบค์ ยืนยันว่าหลังจากเปิดให้ขึ้นทะเบียนนำรถเข้าสู่ระบบแล้ว จะใช้มอเตอร์ไซค์รับจ้างที่อยู่ในระบบหรือป้ายเหลืองมาให้บริการ ส่วนวินมอเตอร์ไซค์ที่รับฟังยืนยันเช่นเดิมว่าพร้อมปรับตัวนำเทคโนโลยีเข้ามาให้บริการ แต่หากในอนาคตยังมีคนนำรถป้ายดำมาวิ่งอีกภาครัฐต้องจัดการเฉียบขาด.-สำนักข่าวไทย