“ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ลั่น “อนาคตใหม่” ไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ


ม.ธรรมศาสตร์ 27 พ.ค.-  ธนาธร
จึงรุ่งเรืองกิจ
ประกาศเปลี่ยนการเมืองไปสู่ระบอบประชาธิปไตย
ลั่น “อนาคตใหม่” ไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต นายธนาธร
จึงรุ่งเรืองกิจ พร้อมด้วยนายปิยบุตร 
แสงกนกกุล และผู้ร่วมก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ รวม 26 คน
ได้จัดประชุมใหญ่พรรคอนาคตใหม่  โดยมีสมาชิกพรรคเข้าร่วมลงมติรับรองหัวหน้าพรรค
กรรมการบริหารพรรค และลงมติรับรองข้อบังคับพรรค จัดทำนโยบายของพรรคให้ครบถ้วนตามที่กฎหมายลูกว่าด้วยพรรคการเมืองกำหนดไว้
ก่อนที่จะส่งกลับไปให้นายทะเบียนพรรคการเมือง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)
ตรวจสอบความถูกต้อง โดยการลงมติเห็นชอบเป็นแบบเปิดเผย
ให้สมาชิกยกมือให้ความเห็นชอบในแต่ละวาระ
ซึ่งเริ่มจากการให้ความเห็นชอบชื่อพรรคอนาคตใหม่ 
ชื่อย่อและโลโก้พรรค การรับรองอุดมการณ์ของพรรคที่ยึดหลักเสรีภาพ
เสมอภาคและภราดรภาพ และการกำหนดนโยบายพรรค 
11 ข้อ อาทิ ประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน สร้างเศรษฐกิจ พัฒนาการศึกษา และยกเลิกการสร้างรัฐรวมศูนย์
และการกำหนดข้อบังคับพรรค ที่มุ่งเน้นการสร้างหลักประชาธิปไตยให้เกิดขึ้น
การกระจายอำนาจภายในพรรค และโครงสร้างพรรคยึดโยงกับสมาชิกพรรค

จากนั้น เป็นการลงมติเห็นชอบกรรมการบริหารพรรค
โดยมีการเสนอชื่อนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นหัวหน้าพรรคเพียงคนเดียว  ซึ่งที่ประชุมมีมติเอกฉันท์เห็นชอบ  473  งดออกเสียง
1 คะแนนให้นายธนาธร เป็นหัวหน้าพรรค ขณะที่ตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคมี 4 คน คือ
นางสาวกุลธิดา รุ่งเรืองเกียรติ เป็นรองหัวหน้าพรรคคนที่1 นายชำนาญ  จันทร์เรือง เป็นรองหัวหน้าพรรคคนที่ 2 พล.ท.พงศกร
รอดชมพู เป็นที่รองหัวหน้าพรรคคนที่ 3 และนายรณวิต หล่อเลิศสุนทร  เป็นรองหัวหน้าพรรคคนที่ 4
ขณะที่นายปิยบุตร  แสงกนกกุล
เป็นเลขาธิการพรรค นายนิติพัฒน์ แต้มไพโรจน์ เป็นเหรัญญิกพรรค  และนายไกรก้อง ไวทยาการ
เป็นนายทะเบียนสมาชิกพรรค  ส่วนโฆษกพรรค
คือ นางสาวพรรณิการ์ วาณิช 


ากนั้น ในช่วงบ่าย นายปิยบุตร ได้แสดงวิสัยทัศน์บนเวที โดยกล่าวว่า เวลาคือสิ่งที่เปลี่ยนแปลง
แต่ประเทศที่เกิดความขัดแย้งทางการเมืองและเกิดรัฐประหาร ผู้คนจะไร้ความหวัง ดูเหมือนไม่มีทางออก
ประเทศแบบนี้จะเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่ ตนเห็นว่า ถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนแปลงการเมืองไปสู่ระบอบประชาธิปไตย
ทั้งนี้พรรคอนาคตใหม่จึงได้จัดตั้งขึ้น  ภายใต้หลัก 3 ประการคือ
มุ่งมั่นทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์ นำเสนอนโยบายที่ก้าวหน้า ตลอดจนการกระจายอำนาจ
ลดความเหลื่อมล้ำ เคารพสิทธิมนุษยชน รัฐบาลพลเรือนอยู่เหนือทหาร
ซึ่งนโยบายของพรรคจะเกิดจากการวิเคราะห์ทางวิชาการ ลงพื้นที่พบปะประชาชน  โดยมองว่า พรรคคู่แข่งไม่ใช่ศัตรูทางการเมือง
แต่เป็นคู่แข่งทางการเมืองเพื่อทำความดีเอาชนะใจประชาชน  และมองว่าการใช้อำนาจ หรือ เงินดูด ส.ส.
ใช้เงินซื้อเสียง หรือกล่าวหาสาดโคลนใส่กัน รวมถึงมุ่งหวังอำนาจและตำแหน่งไม่คำนึงถึงอุดมการณ์
ล้วนเป็นสิ่งไม่สร้างสรรค์ ซึ่งสิ่งเหล่านั้นคือการเมืองแบบเก่า
ซึ่งพรรคอนาคตใหม่ยืนยันว่าจะไม่ทำงานการเมืองแบบเก่า

 “พรรคอนาคตใหม่ เป็นพรรคที่ไม่มีกลุ่มหรือบุคคลใดคนหนึ่งเป็นเจ้าของ
แต่สมาชิกพรรคทุกคนจะเป็นเจ้าของร่วมกัน ขณะเดียวกันจะไม่ตั้งอยู่บนความสัมพันธ์แบบเจ้านาย
ลูกน้อง หรือผู้ให้กับผู้รับ แต่เรามองสมาชิกพรรคทั้งหมดเป็นหุ้นส่วนกัน มีสิทธิตัดสินใจร่วมกัน
นอกจากนี้พรรคอนาคตใหม่ ยังมุ่งหวังทำการเมืองระยะยาว ไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจที่ตั้งขึ้นเพื่อลงเลือกตั้งเป็นครั้งคราว
เพราะการเลือกตั้งเป็นระบอบประชาธิปไตย  ยืนยันว่าพรรคจะทำงานทางการเมืองทั้งฤดูเลือกตั้งและไม่ใช่ฤดูเลือกตั้ง”
นายธนาธร กล่าวต่อว่า

การที่ตนเองได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่รู้สึกเป็นเกียรติ
และถือเป็นความภูมิใจในชีวิต
ส่วนตัวขอสัญญากับทุกคนไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรสิ่งสุดท้ายที่จะทำคือทรยศต่ออุดมการณ์ของตนเอง
ซึ่งที่พรรคอนาคตใหม่พูดก่อนหน้านี้ดูเหมือนสังคมไม่พร้อมจะรับฟัง เช่น
การไม่เอารัฐธรรมนูญปี 2560 การไม่เอาอำนาจทหาร
แต่ขณะนี้ทั้งหมดเป็นความต้องการของทุกคนที่แสดงให้เห็นว่าสังคมไทยยังต้องการการเปลี่ยนแปลง
โดยทำให้การเมืองเป็นเรื่องปกติและสร้างสรรค์

“ ประชาชนเบื่อการเมืองที่เอื้อให้กับคนกลุ่มน้อย
และมีการตั้งคำถามจากประชาชนว่าเมื่อไหร่ประเทศจะดีขึ้น
แต่ไม่เคยมีคำตอบต่อคำถามดังกล่าว ส่วนตัวผมตอบได้ว่า
โครงสร้างเศรษฐกิจการเมืองนั้น ออกแบบมาเพื่อคนเพียงกลุ่มเดียว
ที่ดำเนินการให้ประเทศไม่เกิดความก้าวหน้าและความเปลี่ยนแปลง  ทุกคนคือคนส่วนใหญ่ที่เสียสละให้คนส่วนน้อย
คนส่วนใหญ่เหมือนนักโทษที่ถูกจองจำ มีสิทธิเดียวคือการเลือกผู้นำ
ดังนั้นถึงเวลาที่ต้องบอกว่าพอกันทีกับการเมืองที่เอื้อให้กับคนส่วนน้อย
เพราะทุกคนต้องการการเมืองแห่งความหวัง จึงขอให้ทุกคนร่วมขยับประเทศไทย
เพื่อให้มีสิทธิที่พึงมีกลับคืนมาโดยไม่ต้องรอใคร
หากความหวังของทุกคนเป็นความหวังเดียวกันกับผม
ขอให้ร่วมกันสร้างพรรคนี้ให้เป็นพรรคของทุกคน หยุดกลัวและยืนอย่างกล้าหาญ
เผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่เป็นธรรม
โดยร่วมกันเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่เพื่อส่งต่อสังคมให้ลูกหลานเพื่ออนาคตใหม่ที่อำนาจเป็นของประชาชน ”
นายธนาธร กล่าว  .-สำนักข่าวไทย     

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

แนวป้องกันน้ำท่วมฝีมือทหารช่าง ลดความรุนแรงน้ำท่วม

เชียงราย 29 ก.ค. – น้ำจากลำน้ำสายที่ทะลักเข้าท่วมชุมชนชายแดนแม่สายที่เชียงรายลดลงแล้ว แต่ทิ้งเศษซากความเสียหายไว้จำนวนมากและทำให้ชาวแม่สายอย่างน้อย 500 ครัวเรือนได้รับความเดือดร้อน แต่ยังถือว่าไม่หนักหนาสาหัสเหมือนน้ำท่วมใหญ่เมื่อปีที่แล้ว ส่วนหนึ่งมาจากแนวป้องกันน้ำท่วมยาวเกือบ 4 กิโลเมตร จากฝีมือของทหารช่าง.-สำนักข่าวไทย

เปิดภาพทหารล้อมรั้วลวดหนาม ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 29 ก.ค.-เปิดภาพทหารล้อมรั้วลวดหนามรอบปราสาทตาเหมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ จากเหตุสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา ในหลายพื้นที่ รวมทั้งบริเวณปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดที่มีการปะทะรุนแรง และก่อนหน้านี้มีเหตุการณ์ที่ฝ่ายกัมพูชาพยายามยั่วยุในลักษณะต่างๆ เช่น การขึ้นมาร้องเพลง และทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ ขณะที่แม่ทัพภาคที่ 2 ก็เชิญชวนให้คนไทยมาเที่ยวปราสาทตาเมือนธม โดยยืนยันว่าเป็นพื้นที่อธิปไตยไทย และได้รับความสนใจจากประชาชนจากทั่วสารทิศ ทั้งนี้ บริเวณปราสาทตาเมือนธม ถือเป็นพื้นที่แรกๆ ที่เกิดเหตุปะทะ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ด้วยเหตุว่ากัมพูชาพยายามจะเข้ามายึดพื้นที่ปราสาท ซึ่งเป็นจุดสูงได้เปรียบในเชิงจุดยุทธศาสตร์ ก่อนจะเกิดเหตุปะทะในหลายพื้นที่ตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 2 และนำมาสู่การเจรจาหยุดยิงโดยรัฐบาล 2 ประเทศ เมื่อวานนี้ จนกระทั่งมีการหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่างฝ่ายทหารในพื้นที่ 2 ประเทศในวันนี้ และทำให้เสียงปืนสงบลง.-313.-สำนักข่าวไทย

ไทม์ไลน์หลังข้อตกลงหยุดยิง หลายพื้นที่ยังปะทะเดือด

29 ก.ค.- ย้อนดูไทม์ไลน์ เหตุปะทะในหลายพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังข้อตกลงหยุดยิงมีผลตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนที่ผ่านมา ทันทีที่ข้อตกลงหยุดยิงแบบไม่มีเงื่อนไข ถูกกำหนดในเวลาเที่ยงคืน สมรภูมิสำคัญตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะบริเวณปราสาทตาควาย ปราสาทตาเมือนธม เดือดถึงขีดสุด เพราะต่างฝ่ายต่างต้องการแย่งชิงพื้นที่ ยิ่ง 30 นาทีสุดท้ายก่อนเดดไลน์ ทหารหน่วยรบพิเศษของไทย เข้าปะทะ “กองกำลัง BHQ” ที่เสริมกำลังเข้ามาอย่างดุเดือด ก่อนที่ไทยจะยึดประสาทตาควายไว้ได้ก่อนถึงเส้นตายหยุดยิง แต่ปรากฏว่าเสียงปืนและระเบิด สงบลงหลังเส้นตายหยุดยิงเพียงไม่นาน ตลอดทั้งคืน ไทยยังถูกกัมพูชา ยิงยั่วยุ ยาวจนถึงเช้า ภาพนี้ทหารไทยได้ถ่ายเวลาจากนาฬิกา ในเวลา 06.29 น. ขณะได้ยินเสียงปืนใหญ่ที่ฝั่งกัมพูชาระดมยิงใส่ฝั่งไทยไว้เป็นหลักฐานว่า กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง พันเอกริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษก ทบ. เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากหน่วยในพื้นที่ กองกำลังสุรนารี ว่าหลังจากมีการหยุดยิง ในเวลา 00.00 น. แล้ว พบว่าในพื้นที่ภูมะเขือ ถูกก่อกวน โดยฝ่ายทหารกัมพูชา มีการยิงปะทะตอบโต้จากทั้งสองฝ่ายจนถึงเช้า พื้นที่ซำแต มีการยิงปะทะกันเกิดขึ้น จนถึงเวลา 05.30 น. เนื่องจากทหารกัมพูชาไม่ยอมหยุด […]

ทหารม้าคุมตัว 18 ทหารกัมพูชา ในพื้นที่ซำแต หลังยอมจำนน

ศรีสะเกษ 29 ก.ค.-ทบ. เผยคุมตัว 18 ทหารกัมพูชา หลังทหารม้า เข้ากวาดล้างที่มั่นเขมร พื้นที่ซำแต จ.ศรีสะเกษ หลังยอมจำนน จนท.ปลดอาวุธ ยึดถือหลักมนุษยธรรมสากลเคร่งครัด ก่อนจะดำเนินการตามกระบวนการที่เกี่ยวข้องต่อไป วันนี้ (29 กรกฎาคม 2568) พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า กองทัพภาคที่ 2 ได้รายงานผลการควบคุมตัวทหารกัมพูชา จำนวน 18 นาย สืบเนื่องจากเหตุการณ์ปะทะในพื้นที่ ซำแต อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังที่ฝ่ายกัมพูชาได้ใช้อาวุธหนักและอาวุธวิถีโค้ง ยิงเข้ามาในเขตพื้นที่ของไทย ฝ่ายไทยจึงได้ใช้ หน่วยทหารม้าเฉพาะกิจเข้าทำการตอบโต้และกวาดล้างที่มั่นของฝ่ายกัมพูชา จากการปฏิบัติดังกล่าว พบมีทหารกัมพูชาจำนวนหนึ่งยอมจำนนโดยไม่มีท่าทีหรือลักษณะจะคุกคามฝ่ายไทย ทางหน่วยจึงดำเนินการปลดอาวุธและควบคุมตัวตามขั้นตอน โดยยึดถือหลักมนุษยธรรมสากลอย่างเคร่งครัด มีจำนวน 18 นาย ชั้นยศ ร้อยตรี 1 นาย, จ่าสิบโท 2 นาย, สิบเอก 12 นาย, สิบโท […]