ปชป.-พท.ชี้รัฐธรรมนูญปราบโกง แค่โฆษณาชวนเชื่อ

กรุงเทพฯ 16 พ.ค.- “อภิสิทธิ์-พงศ์เทพ” ชี้รัฐธรรมนูญปราบโกงแค่การตลาด โฆษณาชวนเชื่อ ไม่เปิดช่องประชาชนมีส่วนร่วม


เมื่อเวลา 09.00 น.ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์คอนเวนชั่น คณะกรรมาธิการการเมือง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จัดสัมมนาหัวข้อ “รัฐธรรมนูญปราบโกง จะสัมฤทธิ์ผลได้จริงหรือไม่” นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา แกนนำเพื่อไทย และนายบรรเจิด สิงคะเนติ อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ สถาบันพัฒนาบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ร่วมแสดงความคิดเห็น

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การที่รัฐธรรมนูญฉบับนี้ตั้งฉายาว่ารัฐธรรมนูญปราบโกงถือเป็นการตลาดที่ดีมาก เพราะจับประเด็นการทุจริตหรือการโกงที่สังคมตั้งข้อรังเกียจในช่วงการลงประชามติรัฐธรรมนูญ แต่ตนเป็นคนหนึ่งที่ลงประชามติไม่รับรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นห่วงว่าบทบัญญัติเกี่ยวกับการปราบปรามการทุจริตหลายเรื่องอาจจะไม่ได้ผลตามที่บอกไว้ เพราะมีทั้งส่วนที่ไปในทางบวกและส่วนที่น่าเป็นห่วง 


หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ส่วนที่น่าเป็นห่วงในประเด็นเรื่องโครงสร้าง เช่น การเอากระบวนการถอดถอนทางการเมืองออกไป ทำให้ กระบวนการตรวจสอบกลับไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จบแล้วก็แล้วไป แต่ถ้าจะตั้งเรื่องสู่ ป.ป.ช. หรือส่งเรื่องไปศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก็จะเป็นอำนาจของผู้มีอำนาจ   

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การที่ ป.ป.ช. ต้องทำหน้าที่ปราบปรามการทุจริต และเพิ่มภาระเรื่องจริยธรรมด้วยนั้น จะทำให้การทำงานของ ป.ป.ช. ยากลำบากขึ้น เพราะการทุจริตกับเรื่องการผิดจริยธรรม แม้จะเป็นเรื่องเลวร้ายเหมือนกัน แต่ลักษณะไม่เหมือน และมาตรการดำเนินการก็ไม่เหมือนกัน ดังนั้นจะกลายเป็นการส่งจริยธรรมขึ้นสู่ระบบตุลาการ ซึ่งจะทำให้เกิดข้อโต้แย้งมากมาย และไม่ยอมรับการตัดสิน   

หาก ป.ป.ช. เป็นผู้ดำเนินการไม่ชอบเสียเอง จะต้องไปยื่นผ่านประธานรัฐสภา แต่เมื่อประธานรัฐสภามาจากฝ่ายรัฐบาล และหากเกิดการทุจริตจากฝ่ายรัฐบาล ป.ป.ช. ไม่ตรวจสอบ พอจะเล่นงาน ป.ป.ช. ประธานรัฐสภาบอกว่าไม่มีมูล  แล้วจะทำอย่างไร  


หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า วันนี้มีรัฐธรรมนูญ มาตรา 63 กำหนดให้ประชาชนมีส่วนร่วม แต่การมีส่วนร่วมของประชาชนสิ่งแรกที่จะทำได้คือการช่วยตรวจสอบทรัพยสินผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่มีการเปิดเผย แต่กฎหมายใหม่กลับกำหนดการเปิดเผยทำโดยสรุป ซึ่งไม่ทราบว่าสรุปอย่างไร แต่จะทำให้การตรวจสอบโดยสังคม และประชาชน ลดน้อยลง จึงมีคำถามว่าจะส่งเสริมให้คนไปตรวจสอบอย่างไร   

“รัฐบาลปราบโกงทั้งนั้น แต่ปราบโกงฝ่ายตรงข้าม บางชุดฝ่ายตรงข้ามไม่โกงยังยัดเยียดข้อหาให้ ซึ่งการจะวัดว่าปราบโกงจริงหรือไม่ ต้องสร้างบรรทัดฐานขึ้นมา โดยสังคมต้องมีส่วนร่วม และสามารถกดดันให้การปราบโกงเกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ แต่การจะให้ประชาชนมีส่วนร่วมนั้นประชาชนควรมีสิทธิเสรีภาพ ได้รับการคุ้มครอง รวมทั้งการใช้กฎหมายในทางปิดปาก ข่มขู่สื่อมวลชน ก็เป็นอีกทางหนึ่งที่ตัดการมีส่วนร่วมของประชาชน ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วงอย่างมาก” นายอภิสิทธิ์กล่าว 

ด้านนายพงศ์เทพ กล่าวว่า เวลาใช้คำว่ารัฐธรรมนูญปราบโกง เป็นการโฆษณาชวนเชื่อ การใช้คำว่าปราบโกงไม่ตรงเท่าไหร่  ต่เป็นการโกงอำนาจประชาชนมากกว่า ทั้งอำนาจในการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และตำแหน่งสำคัญๆ และอาจจะกลายเป็นรัฐธรรมนูญส่งเสริมการโกงหรือไม่เพราะในมาตรา 279 ได้รับรองการกระทำของ คสช.ไว้ ซึ่งจะมีการยื่นตีความในอนาคตว่าการกระทำของ คสช.ทุกอย่างจะชอบด้วยกฎหมายรวมถึงเรื่องที่มีการทุจริตด้วยหรือไม่   

“ผมมองว่าการทุจริตเกิดจากผู้มีอำนาจ ดังนั้นควรจัดระบบการตรวจสอบผู้มีอำนาจอย่างกว้างขวาง รวมทั้งตรวจสอบองค์กรที่เข้าไปตรวจสอบผู้มีอำนาจด้วย เพราะปัจจุบันกลไกตรวจสอบถ่วงดุลเสียไปหมด แม้ปัจจุบันจะมีองค์กรตรวจสอบการทุจริตทั้งองค์กรอิสระ และศาล แต่ก็มาจากความเห็นชอบของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และในอนาคตก็มาจาก ส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้งของ คสช. ดังนั้นหากคนใน คสช.เข้ามามีอำนาจอีกคนในองค์กรอิสระจะสบายใจหรือไม่ ในการตรวจสอบรัฐบาลในอนาคต”นายพงศ์เทพ กล่าว  

นายพงศ์เทพ กล่าวว่า หากจะให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม ต้องสามารถเข้าไปมีส่วนร่วมมากกว่าการชี้ช่องเบาะแส ขณะที่การกำหนดตำแหน่งยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินควรกำหนดในหลายตำแหน่ง ไม่ใช่กำหนดเพียงไม่กี่ตำแหน่งเหมือนในปัจจุบัน และควรจะเปิดเผยทุกตำแหน่งสู่สาธารณะชนให้ประชาชนสามารถเข้ามาร่วมตรวจสอบ รวมทั้งต้องปฏิรูประบบราชการเพื่อตัดขั้นตอนที่ทำให้เกิดการคอร์รัปชั่น ทั้งการใช้ดุลยพินิจซึ่งเป็นที่มาของการทุจริต หรือการหาประโยชน์ 

ด้านนายบรรเจิด กล่าวว่า รัฐธรรมนูญปราบโกงไม่ได้ เพราะรัฐธรรมนูญวางโครงสร้างและกลไก แต่ไม่ใช่ตัวปฏิบัติจึงปราบโกงไม่ได้  ดังนั้นรัฐธรรมนูญจึงทำได้อย่างเดียวคือ ป้องกันคนโกงไม่ให้เข้ามาเท่านั้น แต่รัฐธรรมนูญฉบับนี้กลับให้น้ำหนักไปที่มาตรการปราบปรามการทุจริตอย่างเดียว และไม่เปิดช่องให้กลไกทางการเมืองทำหน้าที่ ทำให้ทุกเรื่องถูกโยนมาจบที่องค์กรอิสระ ทั้งที่การปราบปรามการทุจริตอยู่ที่ว่าจะทำอย่างไรให้กลไกมีประสิทธิภาพ   

นายบรรเจิด กล่าวว่า ตนเห็นว่าเบื้องต้นควรเริ่มลงโทษทางวินัย ต่อมาใช้มาตรการทางแพ่ง และท้ายสุดจึงค่อยดำเนินการทางอาญา ไม่ใช่อย่างในปัจจุบันที่เอาทุกอย่างไปผูกไว้กับ ป.ป.ช. นอกจากนี้ยังเห็นด้วยกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อ 2-3 เดือนก่อน   ที่ระบุว่า หากเกิดการทุจริตในหน่วยงานราชการ ต้องดำเนินการสอบสวนภายในเวลากำหนด ซึ่งมตินี้ควรต้องพัฒนาเป็นกฎหมาย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทางการปราบปรามการทุจริตด้วย   ดังนั้นประสิทธิภาพการลงโทษ คือหัวใจสำคัญของการปราบปรามการทุจริต .-สำนักข่าวไทย  

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“รมต.สุชาติ” เข้าพบสมเด็จฯ วัดไตรมิตร รับแนวทางแก้ปัญหาวงการสงฆ์

วัดไตรมิตร 14 ก.ค.- “รมต.สุชาติ” เข้าพบสมเด็จฯ วัดไตรมิตร รับแนวทางแก้ปัญหาวงการสงฆ์ ชี้ต้องร่วมมือกัน ทั้งตำรวจ-มส.-พศ. ย้ำต้องเร่งแก้ให้เร็วที่สุด ก่อนประชาชนหมดศรัทธา สั่งสำนักพุทธฯ ดูกฎหมายอาญา 206 เอาผิดสีกา ก. ได้หรือไม่ ย้อนถาม พศ. ทำไมไม่รู้ จี้ให้ทำงานเชิงรุก บอกหลัง 1 ต.ค.นี้ ทุกวัดต้องส่งรายงานการเงินทุกเดือนและทุกปี ตามกฎกระทรวงใหม่ นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางมายังวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร เมื่อมาถึงได้เข้ากราบสักการะสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (สมเด็จธงชัย) เจ้าคณะใหญ่หนกลาง กรรมการมหาเถรสมาคม และผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร ก่อนเข้ากราบนมัสการสมเด็จพระพุฒาจารย์ (สนิท ชวนปญฺโญ) กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม เจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก เพื่อรับแนวทางปฏิบัติ ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ภายหลังการเข้าพบสมเด็จพระพุฒาจารย์ (สนิท ชวนปญฺโญ) นานกว่า 30 นาที นายสุชาติ กล่าวว่า เรื่องสงฆ์ที่เกิดปัญหาอยู่ในขณะนี้เป็นเรื่องที่มหาเถรสมาคม ได้มีการประชุมตั้งแต่เมื่อวาน ซึ่งเป็นประชุมเร่งด่วนฉุกเฉิน เพื่อที่จะแก้ไขปัญหา […]

แจ้งข้อหาอดีตทหารพรานทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 14 ก.ค. – ตำรวจตั้งข้อหาทำร้ายร่างกายกับอดีตทหารพรานต่อยทหารกัมพูชาที่ปราสาทตาเมือนธม ขณะที่ ศบ.ทก. ยืนยันไม่สนับสนุนการใช้ความรุนแรง พ.ต.อ.นพดล พินิจอักษร ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรพนมดงรัก เปิดเผยความคืบหน้าอดีตทหารพรานและนักท่องเที่ยวทำร้ายทหารกัมพูชา ว่า ตำรวจอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานดำเนินคดี เบื้องต้นตั้งข้อหาทำร้ายร่างกาย ในส่วนผู้ต้องหาทั้ง 2 คน มาพบพนักงานสอบสวน ยังไม่ได้หลบหนีไปไหน สามารถเรียกตัวมาแจ้งข้อหาได้ ขณะที่ปราสาทตาเมือนธม มีนักท่องเที่ยวเข้ามาชมกันอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่พบทหารคนที่โดนชกแต่อย่างใด ขณะที่ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ยืนยันไม่สนับสนุนการใช้ความรุนแรง หลังนักท่องเที่ยวไทยทำร้ายร่างกายทหารกัมพูชา ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศทำหนังสือประท้วง ปมวัดภูม่านฟ้า มองแอบแฝงการเมือง ย้ำมรดกทางวัฒนธรรมควรเสริมสร้างความสัมพันธ์ใม่ใช่แบ่งแยก.-สำนักข่าวไทย

เปิดภาพ “พระปริยัติธาดา” วัดกัลยาณมิตรฯ สึกที่ระยอง

ระยอง 14 ก.ค. – เปิดภาพ “พระปริยัติธาดา” ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรฯ พัวพันสีกากอล์ฟ สึกแล้วที่ จ.ระยอง ขณะที่พระบางรูปยืนยันไม่สึก เพราะแม้เป็นข่าวแต่ไม่ได้มีสัมพันธ์ลึกซึ้ง ส่วนเงินที่โอนเป็นเงินส่วนตัว ให้เพราะเมตตา ภาพล่าสุดของพระปริยัติธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร ที่มีข่าวว่าหายตัวนานหลายวัน เพราะมีคนเปิดเผยหลักฐานความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ ที่เกิดขึ้นเมื่อปี 61 และก่อนหน้านี้มีกระแสว่า ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรฯ สึกไปแล้วตั้งแต่วันศุกร์ แต่เมื่อเช้านี้ (14 ก.ค.) ภาพนี้ได้ยืนยันว่า พระปริยัติธาดา ได้สึกแล้วที่วัดในพื้นที่ จ.ระยอง เมื่อเวลา 09.00 น.ที่ผ่านมา “พระภาวนาวิริยคุณ” ลั่นไม่สึก ให้ด้วยความเมตตาขณะที่พระที่ยังไม่สึกอย่าง พระภาวนาวิริยคุณ หรือพระอาจารย์ไสว ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ราชวรมหาวิหาร กรุงเทพฯ มีชื่อพัวพันโอนเงินให้สีกากอล์ฟ 182,200 บาท แต่ท่านได้ย้ายมาเป็นประธานสงฆ์ที่วัดไชยมงคล จ.พิษณุโลก ตั้งแต่ปี 62 โดยมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาวัด และเผยแผ่พระพุทธศาสนาผ่านโซเชียล ท่านเปิดใจกับทีมข่าวยืนยันว่าเรื่องราวเกี่ยวพันกับสีกากอล์ฟ เกิดขึ้นเมื่อปี 66 โดยฝ่ายหญิงติดต่อมาทางแชท ขอคำปรึกษาเกี่ยวกับปัญหาชีวิต […]

“ภูมิธรรม” ลั่นเอาผิดถึงที่สุดคดีสีกากอล์ฟ เรื่องนี้ไม่จบง่าย

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. – “ภูมิธรรม” ประสานดีเอสไอช่วยตำรวจสอบสวนกลาง ทำคดีสีกากอล์ฟ ลั่นเรื่องนี้ไม่จบง่าย เอาผิดถึงที่สุด เพราะมีลักษณะบ่อนทำลาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการดำเนินคดีเอาผิดสีกากอล์ฟ และพระสงฆ์ที่เกี่ยวข้อง ว่า จะให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เข้าไปช่วยดู เพราะคดีนี้สั่นสะเทือนความรู้สึกของประชาชน กระทบความมั่นคงในแง่ของพุทธศาสนา ซึ่งเป็นหลักของประเทศ โดยเมื่อเช้านี้ตนได้พูดคุยกับอธิบดีดีเอสไอ ให้ช่วยเข้าไปดู หรือมีอะไรที่จะส่งเสริมสนับสนุนให้กับตำรวจที่ทำหน้าที่อยู่แล้ว ซึ่งอธิบดีดีเอสไอก็รับเรื่องไปพิจารณาดำเนินการ และยังได้คุยโทรศัพท์กับ พลตำรวจโท จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ซึ่งอยู่ระหว่างติดราชการต่างประเทศ โดยตนได้กำชับว่าเรื่องนี้ต้องจริงจัง ต้องเริ่มต้นด้วยการตั้งข้อหาสีกากอล์ฟให้ชัดเจนมากขึ้น และให้ประสานงานกับทางดีเอสไอ ซึ่ง พลตำรวจโท จินภพ ยินดี เพราะเป็นเรื่องที่ต้องการทำอยู่แล้ว เนื่องจากกระทบกับพุทธศาสนา และให้รายงานตนด้วย โดยเรื่องนี้จะไม่ปล่อยผ่านเฉยๆ และย้ำว่าได้กำชับกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว ทั้งนี้ การที่ให้ดีเอสไอเข้ามาช่วยดูคดี ไม่ได้หมายความว่าให้โอนคดีไปที่ดีเอสไอ แต่ให้มาช่วยกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางดู โดยหลักการจะให้ตำรวจสอบสวนกลางทำคดีต่อไป ส่วนดีเอสไอมีอะไรเสริมได้ก็จะดี เมื่อถามว่า ที่ผ่านมาคดีที่เกี่ยวกับสงฆ์ […]