กล้านรงค์มั่นใจรัฐ เอกชน ภาคประชาชนร่วมมือแก้คอร์รับชั่นได้

กรุงเทพฯ 16 พ.ค.- “กล้านรงค์” ระบุรัฐธรรมนูญ มาตรา 63 กำหนดให้ภาครัฐ  เอกชน ส่งเสริมภาคประชาชน ร่วมมือต่อต้านการทุจริต และกำหนดให้พลเมือง ไม่ร่วมมือ หรือสนับสนุนการทุจริตทุกรูปแบบ  มั่นใจรัฐธรรมนูญจะปราบโกงได้สัมฤทธิ์ผล


 เมื่อเวลา 09.00 น.ที่โรงแรมมิราเคิล  แกรนด์คอนเวนชั่น คณะกรรมาธิการการเมือง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ   จัดสัมมนาหัวข้อ “รัฐธรรมนูญปราบโกง จะสัมฤทธิ์ผลได้จริงหรือไม่”  โดยนายกล้านรงค์ จันทิก ประธานคณะกรรมาธิการการเมือง   กล่าวเปิดงานว่า รัฐธรรมนูญปี 2560 คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญได้จัดทำขึ้นมา ประกาศว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง และประเด็นที่สำคัญ ในฐานะกรรมาธิการการเมืองก็มีหน้าที่และอำนาจเกี่ยวกับการพิจารณากฎหมาย ศึกษา หรือสอบสวนในเรื่องการเมือง เรื่องการเลือกตั้ง และการบริหารจัดการองค์กรตามรัฐธรรมนูญ จึงเห็นว่า เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องระดมความคิดเห็น และขอความเห็นจากภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาคอร์รัปชั่นให้ได้ผล และมีประสิทธิผล

นายกล้านรงค์ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้มีจุดสำคัญหลายจุด โดยเฉพาะการส่งเสริมภาคประชาชนให้เข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต มีการกำหนดหน้าที่ของประชาชน หรือพลเมือง ว่าเป็นหน้าที่ของบุคคลที่จะไม่ร่วมมือ หรือสนับสนุนการทุจริต หรือประพฤติมิชอบในทุกรูปแบบ ซึ่งกำหนดไว้ครั้งแรกในรัฐธรรมนูญนอกจากนั้นยังกำหนดให้เป็นหน้าที่ของรัฐ ที่ต้องเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาธารณะในการครอบครองของหน่วยงานรัฐ และต้องจัดให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลดังกล่าว


“สิ่งสำคัญที่สุดในรัฐธรรมนูญฉบับนี้คือ หน้าที่รัฐในมาตรา 63 เป็นเรื่องสำคัญ มีสาระ 3 ประการ และกำหนดให้เป็นหน้าที่รัฐ คือ 1.ส่งเสริม สนับสนุน ให้ความรู้แก่ประชาชนถึงอันตรายที่เกิดจากการทุจริต ทั้งรัฐ และเอกชน ให้เขารู้ว่า เมื่อเกิดทุจริตมันเกิดอันตรายกับตัวเขาอย่างไร   2.ต้องมีมาตรการ และกลไกที่มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันทุจริตอย่างเข้มงวด และ 3.ต้องมีกลไกส่งเสริมประชาชน รวมตัวกัน เพื่อให้มีความพร้อมในการให้ความรู้เรื่องที่จะต่อต้านการทุจริต เป็นเรื่องการป้องกันหรือชี้เบาะแส โดยจะต้องได้รับความคุ้มครองจากรัฐ ตามที่กฎหมายบัญญัติ นี่คือหัวใจของมาตรา 63 และเป็นหัวใจให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมป้องกันการทุจริต” นายกล้านรงค์ กล่าว

ด้าน พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวว่า รัฐธรรมนูญใหม่ และกฎหมายลูกใหม่ยังคงให้อำนาจหน้าที่ ป.ป.ช.ในการปราบปรามการทุจริต ซึ่งตามกฎหมายใหม่ ป.ป.ช.จะมีภารกิจที่เข้มข้นขึ้น มีอำนาจที่จะส่งมอบเรื่องร้องเรียนทุจริตให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการต่อ เพื่อช่วยลดความหนาแน่นของสำนวนที่อยู่ในการตรวจสอบของ ป.ป.ช. ซึ่งจะทำให้การพิจารณาเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว และคดีค้างเก่าที่ยังอยู่ในการพิจารณาจะแล้วเสร็จภายใน 1 ปี   ซึ่งแต่ละเดือนจะมีสำนวนเข้ามายัง ป.ป.ช.เดือนละ 500 เรื่อง   และคาดว่าสำนวนที่เข้าสู่ ป.ป.ช.จะน้อยลง นอกจากนี้ในอนาคต ป.ป.ช.จะมีอำนาจในการทวงคืนทรัพย์สินในต่างประเทศให้ตกเป็นของแผ่นดิน ในวันที่ 17 พ.ค.นี้ สนช.จะมีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติมาตรการติดตามทรัพย์สินของภาครัฐคืนจากการเอาไปโดยมิชอบ

ประธาน ป.ป.ช. กล่าวว่า นอกจากเรื่องการปราบปรามแล้ว ป.ป.ช.ยังมีหน้าที่ป้องกันการทุจริตด้วยการเสนอแนะมาตรการต่อรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และการสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน ซึ่งจะเป็นหัวใจการป้องกันการทุจริต ด้วยการอาศัยความร่วมมือของประชาชนทุกภาคส่วนเข้ามาร่วมกันในการป้องกันการทุจริต.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เหล้าเถื่อนลาว

เสียชีวิตรายที่ 6 คลัสเตอร์เหล้าเถื่อนในลาว

คลัสเตอร์เหล้าเถื่อนในลาว มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเสียชีวิตเพิ่มรายที่ 6 เป็นหญิงชาวออสเตรเลีย เสียชีวิตขณะรักษาตัวในไทย

ย้ายเจ้ากรมยุทธศึกษา ทบ.

ย้ายเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก ช่วยปฏิบัติราชการที่กองบัญชาการกองทัพบก หลังถูกร้องทำร้ายร่างกายผู้ใต้บังคับบัญชา พร้อมช่วยเจ้าทุกข์ย้ายหน่วยตามร้องขอ

ไฟไหม้โรงงานพัดลม เผาวอดเสียหายกว่า 50 ล้าน

ไฟไหม้โรงงานผลิตพัดลมรายใหญ่ จ.สมุทรสาคร ระดมรถดับเพลิงระงับเหตุ กว่า 5 ชม. จึงควบคุมไว้ได้ในวงจำกัด เบื้องต้นเสียหายกว่า 50 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนอุณหภูมิสูงขึ้น-ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนอุณหภูมิสูงขึ้น เตือนภาคใต้ตอนล่างฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

ภรรยาหมอบุญมอบตัว

“ภรรยา-ลูก” หมอบุญ อ้างถูกปลอมลายเซ็น ไม่เคยรู้การกระทำใดๆ

ทนายความภรรยา-ลูก หมอบุญ เผยถูกปลอมลายเซ็นเอกสาร ไม่เคยรับรู้การกระทำใดๆ ของหมอบุญ โดยภรรยาได้หย่าร้างกับหมอบุญ ก่อนปี 66

น้ำผุดเชียงดาว

น้ำใต้ดินผุดท่วมอ่วม “บ้านเรือน-พื้นที่เกษตร” อ.เชียงดาว

มวลน้ำมหาศาลผุดขึ้นจากใต้ดิน เอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่เกษตร และบ้านเรือนประชาชน หลายหมู่บ้าน ใน อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ระดับน้ำบางจุด ท่วมบ้านเกือบถึงหลังคา พื้นที่การเกษตรเสียหายกว่า 400 ไร่