พหลโยธิน 28 ก.ย. – นางพิมลวรรณ มหัจฉริยวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ได้ปรับเพิ่มอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปีนี้เป็นเติบโตร้อยละ 3.3 จากเดิมคาดโตร้อยละ 3 หลังจากเศรษฐกิจไทยครึ่งปีแรกโตร้อยละ 3.4 ส่วนครึ่งปีหลังคาดว่าเติบโตร้อยละ 3.3 แม้ว่าจะชะลอตัวจากครึ่งปีแรก แต่ยังคงรักษาระดับการเติบโตของจีดีพีได้เกินร้อยละ 3 ในแต่ละไตรมาส
สำหรับปัจจัยสนับสนุนมาจากการลงทุนภาครัฐที่จะมีความคืบหน้าชัดเจนไตรมาส 4/2559 เช่น การเปิดซองประมูลรถไฟฟ้าสายสีชมพู สายสีเหลือง และการประกวดราคารถไฟทางคู่เส้นทางประจวบคีรีขันธ์- ชุมพร และมาบกะเบา-ชุมทางจิระ รวมถึงการประกวดราคาสัญญาที่เหลือของโครงการมอเตอร์เวย์ บางปะอิน- นคราชสีมา, บางใหญ่-กาญจนบุรี และการต่อขยายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ส่งผลให้การลงทุนภาครัฐปีนี้โตร้อยละ 11.5 รวมทั้งการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณและอาจมีมาตรการเศรษฐกิจเพิ่ม แต่การลงทุนภาคเอกชนยังขับเคลื่อนตัวได้ช้า โดยปรับลดอัตราการเติบโตการลงทุนภาคเอกชนเหลือขยายตัวร้อยละ 1.3 จากเดิมร้อยละ 2.3
ส่วนการท่องเที่ยวอาจจะชะลอตัวไตรมาส 4 เนื่องจากการจัดระเบียบทัวร์ศูนย์เหรียญ ซึ่งกระทบต่อนักท่องเที่ยวจีนลดลงไป 300,000 คน หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 3,800 ล้านบาท สัดส่วนไม่ถึงร้อยละ 0.1 ส่งผลให้การท่องเที่ยวไตรมาส 4 อาจจะโตเพียงตัวเลขหลักเดียว แต่ภาพรวมการท่องเที่ยวยังถือเป็นตัวสนับสนุนเศรษฐกิจขยายตัวร้อยละ 10.4 ในปีนี้
ขณะที่ผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมคาดว่ายังอยู่ในวงจำกัด เนื่องจากกระทบเฉพาะพื้นที่เกษตกรรมในบางจังหวัด และเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทุกปี หากน้ำท่วมไม่ขยายวงกว้างเหมือนเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ปี 2554 ผลกระทบจะมีไม่มากไม่เกิน 10,000 ล้านบาท และไม่มีผลกระทบต่ออัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย ด้านการบริโภคในประเทศคาดว่ายังชะลอตัวเมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปีก่อน ซึ่งปีก่อนมีมาตรการช้อปช่วยชาติกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชน แต่หากเทียบกับประมาณการณ์ครั้งก่อนการบริโภคดีขึ้นเล็กน้อยขยายตัวร้อยละ 2.7 จากเดิมคาดโตร้อยละ 2.1 หลังจากรายได้เกษตรกรเริ่มกลับมาฟื้นตัว เพราะภัยแล้งคลี่คลาย
ขณะที่การส่งออกยังหดตัวร้อยละ 1.8 แต่สถานการณ์ดีขึ้นจากการประเมินครั้งก่อนที่คาดว่าหดตัวร้อยละ 2 ส่วนปี 2560 การส่งออกจะขยายตัวเล็กน้อยที่ร้อยละ 0.8 แต่การส่งออกยังมีความเสี่ยงที่ต้องเผชิญความเปราะบางจากเศรษฐกิจโลก ขณะที่การแข่งขันในตลาด CLMV รุนแรง การส่งอกไปยังประเทศเหล่านี้ลดลงร้อยละ 3.8 ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา โดยคู่แข่งสำคัญ คือ มาเลเซีย
ด้านนายเชาวน์ เก่งชน กรรมการผู้จัดการบริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ผลการโต้วาทีชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐระหว่างนางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครชิงตำแหน่งจากพรรคเดโมแครต กับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน ยกแรกที่นางฮิลลารี คลินตัน ได้คะแนนิยมสูงกว่า พบว่าตลาดเงินและตลาดทุนให้การตอบรับ เนื่องจากเห็นว่านโยบายของนางฮิลลารี คลินตัน มีความแน่นอนมากกว่าและไม่สุดโต่งเหมือนกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด คงไม่ได้นำผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐมาประกอบการตัดสินใจนโยบายการเงิน โดยจะคำนึงถึงผลทางเศรษฐกิจมากกว่า ซึ่งคาดว่าเฟดจะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย 1 ครั้งในเดือนธันวาคมนี้ และจะทยอยปรับขึ้นอีก 2 ครั้งในช่วงครึ่งแรกของปี 2560.- สำนักข่าวไทย