นนทุบรี 10 พ.ค. – พาณิชย์และหน่วยงานเศรษฐกิจ ประเมินไทยได้ประโยชน์สงครามการค้า ความตึงเครียดสหรัฐฯ-จีนมีแนวโน้มคลี่คลาย
นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยถึง ความคืบหน้าผลการประเมินผลกระทบสงครามการค้าสหรัฐฯ – จีน ต่อการส่งออกไทย โดยกล่าวว่า สนค. ได้ทำการวิเคราะห์ผลกระทบต่อการค้าไทยจากมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ – จีน ในกรณีต่างๆ พร้อมทั้งได้มี การประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานเศรษฐกิจ เพื่อให้การวิเคราะห์ผลกระทบดังกล่าวเป็นไปอย่างรอบด้าน รวมถึง ร่วมกันพิจารณาแนวทางการรับมือที่เป็นไปได้จากสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ ทั้งสองประเทศอย่างทันท่วงที โดยการประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมหารือระหว่างหน่วยงานเศรษฐกิจ ได้แก่ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร กระทรวงแรงงาน กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กรมเจรจาการค้า ระหว่างประเทศ กรมการค้าต่างประเทศ และกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
นางสาวพิมพ์ชนก ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการประชุมครั้งนี้ สนค. ได้นำเสนอผลการศึกษากรณีที่สหรัฐฯ ประกาศใช้มาตรา 301 กับจีน จำนวน 1,333 รายการ ต่อการส่งออกของไทย ได้ข้อสรุปว่า ในภาพรวมการส่งออกไทยไม่ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ ไทยยังคงได้รับประโยชน์จากสถานการณ์ข้างต้นโดย คิดเป็นมูลค่าทางการค้าประมาณ 120 – 1,195 ล้านดอลลาร์ สรอ. โดยสินค้าที่จะได้รับประโยชน์ประกอบด้วย เครื่องจักร/เครื่องใช้กล เครื่องจักรไฟฟ้า/อุปกรณ์ประกอบ ขณะที่สินค้าที่อาจจะได้รับผลกระทบเชิงลบ เช่น เคมีภัณฑ์เบ็ดเตล็ด และ เหล็กและเหล็กกล้า ทั้งนี้ ผลการศึกษาเป็นผลกระทบสุทธิที่ได้พิจารณาทั้งผลกระทบ ทางบวกและทางลบ 2 กรณีเข้าด้วยกัน คือ 1) ผลทางลบจากการอยู่ในห่วงโซ่การผลิตของสินค้าจีนที่ส่งไปยังสหรัฐฯ 2) ผลทางบวกจากการที่สหรัฐฯนำเข้าจากไทยทดแทนจีน โดยการศึกษาของ สนค. ชี้ให้เห็นว่า ไทยได้ประโยชน์ สงครามการค้า เนื่องจากสัดส่วนการส่งออกของไทยส่งออกไปยังสหรัฐฯมากกว่าที่ส่งไปจีน ส่งผลให้ผลทางบวกที่ สหรัฐฯ อาจนำเข้าจากไทยทดแทนจีนยังมากกว่าผลทางลบจากการอยู่ในห่วงโซ่การผลิตของจีน
อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่จีนมีการระบายสินค้าส่งออกของจีนที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการสหรัฐฯ ไปยัง ตลาดอื่น (Trade Diffusion) จะเป็นความเสี่ยงให้ไทยใน 2 ด้าน คือ 1) สินค้าของจีนบางส่วนจะไหลเข้าสู่ไทยมากขึ้น โดยเบื้องต้นคาดว่ามีมูลค่ารวม 1,176 ล้านดอลลาร์ สรอ. และอาจจะส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตภายในประเทศได้ และ 2) สินค้าบางส่วนของจีนจะกระจายไปยังคู่ค้าที่สำคัญของไทย และจะทำให้การแข่งขันในตลาดคู่ค้าของไทยมีสูงขึ้น โดยเฉพาะ ญี่ปุ่น ฮ่องกง และอินเดีย เป็นต้น โดยคาดว่าน่าจะได้รับผลกระทบ 1,984 ล้านดอลลาร์ สรอ. ซึ่งใน ส่วนนี้สำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศ (สพต.) ของกระทรวงพาณิชย์ มีการติดตามและพูดคุยกับภาคเอกชนอย่างต่อเนื่อง โดยในเบื้องต้นภาคเอกชนยังไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ต่อการส่งออกไปยังสหรัฐฯ และจีน
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้ให้ข้อเสนอแนะว่าไทยสามารถแสวงหาโอกาสทางการค้าโดยการเพิ่มช่องทาง การเจรจาการค้าในระดับทวิภาคีกับทั้งสองประเทศ พร้อมทั้งสร้างบรรยากาศในการลงทุนเพื่อดึงดูดการลงทุนใน อุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งเป็นการพัฒนาความรู้ความสามารถประชากรในประเทศด้านเทคโนโลยี และส่งเสริมธุรกิจ ไทยให้เกิดการพัฒนาอย่างมีศักยภาพ นอกจากนี้แล้ว ที่ประชุมประเมินว่าสถานการณ์สงครามการค้าระหว่าง สหรัฐฯและจีนมีแนวโน้มคลี่คลาย และคาดว่าทั้งสองประเทศจะเจรจาตกลงกันในที่สุด อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องจะต้องเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิดว่าจะมีมาตรการอื่นๆที่มีผลกระทบต่อไทยเพิ่มเติมอีกหรือไม่ . – สำนักข่าวไทย