ธปท. เผยสถาบันการเงินพร้อมใช้ IFRS9 คลังแนะศึกษาก่อน ห่วงกระทบเอสเอ็มอี

กรุงเทพฯ 9 พ.ค. – ธปท. เผยสถาบันการเงินพร้อมใช้มาตรฐานการบัญชี IFRS9 ด้านคลังหนุนตั้งคณะทำงานศึกษาผลกระทบให้รอบด้าน ห่วงกระทบเอสเอ็มอีหนัก


จากกรณีคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ทำหนังสือถึงคณะกรรมการกำกับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชี (กกบ.) ให้เลื่อนการบังคับใช้มาตรฐานการบัญชี IFRS9 ในวันที่ 1 ก.ค.62 ออกไปเป็นวันที่ 1 ม.ค.65 เนื่องจากต้องการให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้มีเวลาศึกษาข้อเสียที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยให้ชัดเจนก่อน

นายสมบูรณ์ จิตเป็นธม ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สภาวิชาชีพบัญชีมีแผนจะนำการบัญชีหรือมาตรฐานรายงานการเงิน IFRS9 มาใช้ในประเทศไทยในปี 2562 หลังจากวันบังคับใช้ของต่างประเทศ 1 ปี (ซึ่งบังคับใช้ในปี 2561) ธปท.ได้หารือ ร่วมกับสถาบันการเงินอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2559 เพื่อเตรียมความพร้อมทั้งในแง่ระบบและเตรียมการตั้งสำรองอันเป็นผลสืบเนื่องจากมาตรฐานการบัญชีใหม่ ซึ่งโดยรวมแล้วสถาบันการเงินเองก็ดำเนินการเตรียมตัวและพร้อมแล้ว


อย่างไรก็ดี มีข้อกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อภาคธุรกิจโดยเฉพาะธุรกิจ SME ด้วยเหตุนี้ ทราบมาว่า สภาวิชาชีพบัญชีโดยคณะกรรมการ กำกับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชี (กกบ.) จะนำผลกระทบต่อภาคธุรกิจ โดยเฉพาะ SME ในแง่ของต้นทุนการขอสินเชื่อที่อาจสูงขึ้น และการเข้าถึงสินเชื่อที่อาจยากขึ้นมาประกอบการพิจารณา เพื่อความรอบคอบ รวมถึงอยู่ระหว่างพิจารณาแนวทางที่จะช่วยลดผลกระทบในการปฏิบัติตามมาตรฐานการบัญชีดังกล่าว

ก่อนหน้านี้ นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.การคลัง เปิดเผยว่า กกบ. เป็นตัวหลักในการพิจารณาเรื่องดังกล่าว ซึ่งตนเองเห็นด้วยที่จะมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อพิจารณาและรวบรวมข้อมูลความพร้อม รวมถึงผลกระทบในภาพรวมกับประเทศก่อน 

นายอภิศักดิ์ กล่าวว่า IFRS9 เป็นเรื่องที่ใช้กันในระดับสากล ซึ่งในส่วนของประเทศไทยเป็นประเทศขนาดเล็ก ดังนั้น อาจจะมีการพิจารณาปรับหลักเกณฑ์ต่างๆ มาใช้ให้เหมาะสม สิ่งที่อยากให้พิจารณาคือ ไทยเป็นประเทศที่มีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีค่อนข้างมากถึงร้อยละ 30 ขณะที่ต่างประเทศมีร้อยละ 10 ผลกระทบที่ตามมา คือ สถาบันการเงินต้องตั้งสำรองเพิ่ม และเป็นไปได้ที่คิดอัตราดอกเบี้ยกับเอสเอ็มอีเพิ่มขึ้น หรือบางแห่งอาจไม่ปล่อยกู้ให้เอสเอ็มอี ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ากังวลและอาจเกิดผลกระทบในวงกว้าง จึงจำเป็นต้องรอดูผลการศึกษาก่อน . – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง