บาทแข็งส่งผลพีทีทีจีซีกำไร ลดลง

กรุงเทพฯ 7 พ.ค. – บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) เผยกำไรสุทธิไตรมาส 1/61 ลดลง 6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการที่ค่าเงินบาทแข็งค่าอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่ธุรกิจโรงกลั่นมีผลขาดทุนจากสต็อกเล็กน้อย เมื่อเทียบกับงวดปีก่อนที่มีกำไรจากสต็อก


นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ เปิดเผยว่า  PTTGC เผยกำไรสุทธิไตรมาส 1/61 ที่ระดับ 12,388 ล้านบาท ลดลง 6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 30% จากไตรมาส 4/60 โดยมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย,ภาษี,ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ที่ 16,308 ล้านบาท ลดลง 14% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 2% จากไตรมาสก่อน โดยมีรายได้จากการขาย 120,939 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 2% จากไตรมาสก่อน 

ในไตรมาส 1/61 ธุรกิจโอเลฟินส์และผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องมีผลประกอบการที่ปรับตัวดีขึ้น โดยมีปัจจัยหลักจากสถานการณ์ราคาผลิตภัณฑ์โพลีโอเลฟินส์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก และในไตรมาสนี้บริษัทยังได้รับผลดีจากส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนจากการเข้าซื้อสินทรัพย์กลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีในปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนเฉพาะส่วนของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2,024 ล้านบาท และผลประโยชน์จากโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพทั่วทั้งองค์กร (MAX) ที่รับรู้มาอย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถสนับสนุนผลประกอบการของบริษัทในไตรมาสนี้ แม้ว่าส่วนต่างของผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบของธุรกิจโรงกลั่นและธุรกิจอะโรเมติกส์จะมีการอ่อนตัวลง ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 1/60 กำไรรวมสุทธิปรับตัวลดลง 6% ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการที่ค่าเงินบาทมีการแข็งค่าอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา 


สำหรับรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการปรับเพิ่มขึ้นของราคาผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะสายธุรกิจโอเลฟินส์และผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง ที่ได้รับผลดีจากการปรับเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันดิบ ขณะที่ธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน สามารถใช้กำลังการผลิตของหน่วยกลั่นน้ำมันดิบ (CDU) ที่อัตรา 102% อยู่ในระดับเดียวกันกับไตรมาส 1/60 และไตรมาส 4/60 แต่ค่าการกลั่น (GRM) ที่รวมผลกระทบจากสต็อกอยู่ที่ 6.04 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลงจากระดับ 6.76 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในไตรมาส 1/60 และระดับ 7.30 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในไตรมาส 4/60 หลังมีผลขาดทุนสต็อกและขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์เพื่อประกันความเสี่ยงสุทธิ เมื่อเทียบกับงวดปีก่อนที่ไม่มีผลขาดทุนดังกล่าว 

ส่วนธุรกิจอะโรเมติกส์ มีกำไรขั้นต้นของผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ในไตรมาส 1/61 หรือ Market P2F ต่อตันผลิตภัณฑ์สารอะโรเมติกส์ (BTX) อยู่ที่ 166 เหรียญสหรัฐ/ตัน ลดลง 48% จากงวดปีก่อน และลดลง 14% จากไตรมาสก่อน ซึ่งแม้ว่าส่วนต่างผลิตภัณฑ์หลักคือพาราไซลีนและเบนซีนยังคงอยู่ในระดับที่ดีแต่ส่วนต่างของผลิตภัณฑ์พลอยได้กับคอนเดนเสท โดยเฉพาะในส่วนของผลิตภัณฑ์แนฟทาและก๊าซแอลพีจีมีการปรับตัวลดลงอย่างมาก ส่งผลให้ Market P2F ต่อตันผลิตภัณฑ์ BTX ปรับตัวลดลง และปรับตัวลดลงอย่างมากเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 1/60 เนื่องจากในไตรมาสดังกล่าวส่วนต่างของผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์หลักปรับตัวเพิ่มขึ้นมากผิดปกติจากราคาผลิตภัณฑ์เบนซีนอย่างมีนัยสำคัญ 

สำหรับธุรกิจโอเลฟินส์และผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง ราคาเม็ดพลาสติก HDPEเฉลี่ยปรับตัวเพิ่มมาอยู่ที่ 1,379 เหรียญสหรัฐ/ตัน ปรับตัวเพิ่มขึ้น 17% จากไตรมาส 1/60 และ 12% จากไตรมาส 4/60 โดยเป็นผลจากการเติบโตของอุปสงค์ตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ปรับตัวดีขึ้นประกอบกับประเทศจีนมีการดำเนินนโยบายควบคุมมลพิษทำให้ไม่สามารถใช้ผลิตภัณฑ์โพลีเอทิลีนจากกระบวนการผลิตจากวัตถุดิบรีไซเคิลได้ ทำให้มีความต้องการผลิตภัณฑ์โพลีเอทิลีนเพิ่มขึ้นจากภาวะปกติ ในขณะที่อุปทานใหม่จากโครงการในประเทศสหรัฐอเมริกายังไม่ได้มีเข้ามาใหม่ในไตรมาสนี้ โดยสเปรดผลิตภัณฑ์ HDPE กับแนฟทา ในไตรมาสนี้อยู่ที่ 798 เหรียญสหรัฐ/ตัน เพิ่มขึ้น 18% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 22% จากไตรมาสก่อน ด้านราคาผลิตภัณฑ์ MEG (ACP) นั้นปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1,142 เหรียญสหรัฐ/ตัน โดยได้รับผลดีจากความต้องการผลิตภัณฑ์โพลีเอสเตอร์ในประเทศจีนที่ยังคงอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่องและปริมาณสินค้าคงคลังที่อยู่ในระดับที่ต่ำ ด้วยปัจจัยดังกล่าวจึงส่งผลให้ผลการดำเนินงานของธุรกิจโอเลฟินส์และผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องปรับตัวเพิ่มขึ้น 


PTTGC ระบุด้วยว่า แนวโน้มราคาน้ำมันในช่วงที่เหลือของปีคาดว่าราคาน้ำมันดิบดูไบค่าเฉลี่ยจะอยู่ประมาณ 65-70 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล โดยคาดว่าจะได้รับปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการควบคุมกำลังการผลิตร่วมกันของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และนอกกลุ่มโอเปกที่ตกลงกันจนถึงสิ้นปี 61 และตลาดคาดการณ์ความเป็นไปได้ในการต่ออายุมาตรการดังกล่าวในปี 62 การคาดการณ์ถึงการดำเนินมาตรการคว่ำบาตรของประเทศสหรัฐอเมริกาต่อประเทศอิหร่าน และปัญหาการผลิตน้ำมันดิบที่ส่งผลทำให้การผลิตที่ลดของประเทศเวเนซุเอล่า ประเทศลิเบียและประเทศไนจีเรีย จึงคาดว่าจะส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบดูไบจะสามารถเคลื่อนไหวในช่วงราคาดังกล่าว อย่างไรก็ดีปริมาณการผลิตน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นของประเทศสหรัฐอเมริกาอาจเป็นปัจจัยลบที่จะมากระทบต่อระดับราคาน้ำมันดังกล่าว โดยบริษัทคาดว่าจะสามารถเดินเครื่องโรงกลั่นได้เต็มที่ในปีนี้ที่อัตรา 101% 

ส่วนธุรกิจอะโรเมติกส์ บริษัทคาดว่าส่วนต่างผลิตภัณฑ์พาราไซลีนกับแนฟทา เฉลี่ยจะอยู่ระดับประมาณ 361 เหรียญสหรัฐ/ตัน ขณะที่ส่วนต่างราคาเบนซีนกับแนฟทาคาดว่าจะอยู่ในระดับ 281 เหรียญสหรัฐ/ตัน โดยผลิตภัณฑ์พาราไซลีนคาดว่าจะยังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากความต้องการของผลิตภัณฑ์ปลายทาง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์โพลีเอสเตอร์ที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น เช่นเดียวผลิตภัณฑ์เบนซีนที่ยังได้รับปัจจัยหนุนจากความต้องการใช้เพื่อเป็นวัตถุดิบในผลิตภัณฑ์ปลายทางในส่วนของผลิตภัณฑ์สไตรีนโมโนเมอร์และผลิตภัณฑ์ฟีนอล อย่างไรก็ดีจากระดับราคาวัตถุดิบคอนเดนเสทที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ตามระดับราคาน้ำมันและกำลังการผลิตใหม่ที่คาดว่าจะเข้ามาโดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลังจะทำให้ส่วนต่างของราคาผลิตภัณฑ์ต่อวัตถุดิบคอนเดนเสท เป็นปัจจัยที่กดดันส่วนต่างของผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ทั้งนี้ ในส่วนของปริมาณการผลิตและการขาย บริษัทคาดว่าจะสามารถใช้กำลังการผลิตได้ดีขึ้นอยู่ที่อัตรา 91% ในปี 61 เพิ่มขึ้นจาก 80% ในปี 60 เนื่องจากในปี 60 มีการปิดซ่อมบำรุงและปรับปรุงประสิทธิภาพของโรงอะโรเมติกส์หน่วยที่ 2 

ด้านแนวโน้มสถานการณ์ธุรกิจโอเลฟินส์และผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง บริษัทคาดว่าราคาเฉลี่ยเม็ดพลาสติก HDPE จะอยู่ที่ประมาณ 1,303 เหรียญสหรัฐ/ตัน โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มดีขึ้น การดำเนินมาตรการลดมลพิษและยกเลิกการใช้เม็ดพลาสติกจากกระบวนการรีไซเคิลของประเทศจีน และกำลังการผลิตใหม่จากประเทศสหรัฐอเมริกาที่คาดว่าจะเข้ามาในช่วงครึ่งปีหลัง ขณะที่ผลิตภัณฑ์ MEG ที่คาดว่าราคาเฉลี่ย MEG ACP อยู่ที่ 991 เหรียญสหรัฐ/ตัน เนื่องจากยังได้รับแรงหนุนจากความต้องการจากผลิตภัณฑ์โพลีเอสเตอร์และพอลิเอทิลีน เทเรฟทาเลต (PET) โดยในส่วนของการดำเนินงานของบริษัทคาดว่าการใช้กำลังการผลิตโดยรวมจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปี 60 ที่ 96% เป็น 99% ในปีนี้ แม้ว่าบริษัทมีแผนที่จะทำการหยุดซ่อมแซมโรงโอเลฟินส์ 1 ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ก็ตาม และผลิตภัณฑ์ MEG คาดว่าจะมีการใช้กำลังการผลิตเฉลี่ยทั้งปีที่ 107% . – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Cambodia PM Hun Manet in military uniform

กัมพูชาเสนอศาลโลกตัดสินดินแดนพิพาทกับไทย

พนมเปญ 2 มิ.ย.- ผู้นำกัมพูชาเสนอให้นำข้อพิพาททางดินแดนกับไทยให้ศาลโลกตัดสิน และได้สั่งการให้เจบีซีเร่งจัดการหารือกับไทยเรื่องปักปันเขตแดน ด้านกระทรวงต่างประเทศกัมพูชาได้ยื่นหนังสือประท้วงไทยเรื่องเหตุปะทะที่มีทหารกัมพูชาเสียชีวิต เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ขแมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานวันนี้ว่า นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้โพสต์ถ้อยแถลงในสื่อสังคมออนไลน์เมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า เขาได้ตัดสินใจตามที่รับฟังรายงานสรุปจากนายทหารที่ประจำการตามแนวชายแดนไทย หลังจากที่เขากลับจากการปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ โดยได้สั่งการให้คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทยหรือเจบีซี (JBC) เร่งจัดการประชุมกับฝ่ายไทยเพื่อเดินหน้าการสำรวจและปักปันเขตแดนระหว่าง 2 ประเทศ ถ้อยแถลงระบุด้วยว่า กัมพูชากำลังเตรียมบรรจุประเด็นใหม่ไว้ในวาระการประชุมเจบีซี คือ การเสนอให้นำข้อพิพาทยาวนานเรื่องปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาเมือนควาย และพื้นที่มอมเบ เข้าสู่การตัดสินชี้ขาดของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลกที่กรุงเฮกในเนเธอร์แลนด์ นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเตือนว่า การยั่วยุเมื่อไม่นานมานี้ของกลุ่มสุดโต่งเล็ก ๆ ได้จุดชนวนความตึงเครียดและโหมกระพือกระแสรักชาติขึ้นใน 2 ประเทศ เขาหวังว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะสามารถทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุทางออกสุดท้ายให้แก่พื้นที่พิพาทอ่อนไหวเหล่านี้ กัมพูชายังคงมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาชายแดนด้วยกลไกทางเทคนิคและหลักการทางกฎหมาย แต่ก็สงวนสิทธิที่จะปกป้องบูรณภาพทางดินแดนด้วยทุกวิถีทาง รวมถึงการใช้อาวุธ หากมีความพยายามใช้กำลังทหารรุกรานดินแดนของกัมพูชา ด้านกระทรวงกิจการต่างประเทศและความร่วมมือสากลของกัมพูชาได้ยื่นหนังสือทางการทูตประท้วงไทย ซึ่งมีการเปิดเผยเนื้อหาเมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า กองทัพไทยเปิดฉากยิงทั้งที่ไม่มีการยั่วยุจากที่ตั้งทางทหารของกัมพูชาในหมู่บ้านเตโชมรกต อำเภอจอมกระสานต์ จังหวัดพระวิหารเมื่อราวเวลา 05.30 น.วันที่ 28 มีนาคม ส่งผลให้ทหารกัมพูชาถูกสังหารอย่างไม่เป็นธรรม 1 นาย และเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพทางดินแดนของกัมพูชา กระทรวงต่างประเทศของกัมพูชาขอประณามอย่างรุนแรงต่อการกระทำดังกล่าวว่า ผิดกฎหมาย รัฐบาลกัมพูชาเรียกร้องให้สอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยทันทีและถี่ถ้วน และต้องนำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษ.-814.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ กัมพูชา สั่งระดมทหารประชิดชายแดนไทย

1 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา สั่งระดมกำลังทหารประชิดชายแเดนไทย ขณะเดินทางเยือนญี่ปุ่น พร้อมติดตามสถานการณ์บริเวณชายแดนติดกับไทยอย่างใกล้ชิด หนังสือพิมพ์ขะแมร์ ไทมส์ รายงานว่า ฌอง-ฟรองซัว ตัน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ให้สัมภาษณ์สื่อในประเทศ ระบุว่านับตั้งแต่เกิดเหตุความขัดแย้งตามมแนวชายแดนระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา ซึ่งอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจเยือนญี่ปุ่น ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จนกระทั่งเดินทางกลับมายังกัมพูชา เมื่อคืนที่ผ่านมา และได้สั่งการด้วยตัวเองให้ระดมกำลังทหารเพิ่มเติมเข้าประชิดชายแดนด้านที่ติดกับไทย เพื่อปกป้องอธิปไตยและพรมแดนกัมพูชา พร้อมกับยืนยันว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนด้านที่ติดกับไทย กลับมาสงบเรียบร้อยตามปกติแล้ว นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ยังได้ติดต่อและสั่งการตามสายงานลงไปยังรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และเสนาธิการกองทัพบก ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และแจ้งความคืบหน้าให้ทราบอย่างต่อเนื่อง หลังเกิดการปะทะกันครั้งล่าสุดระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย พร้อมกับเรียกร้องประชาชนชาวกัมพูชาเชื่อมั่นการปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพและรัฐบาลกัมพูชา ในการปกป้องดินแดน และหาหนทางแก้ไขความขัดแย้งบริเวณชายแดนติดกับไทย โดยยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ และหลังจากนี้ คณะกรรมการพรมแดนของกัมพูชา มีกำหนดพบหารือในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับรายละเอียดข้อขัดแย้ง และนำเสนอเพื่อเข้าสู่การเจรจาต่อไป.-สำนักข่าวไทย

“โอปอล สุชาตา” คว้ามงกุฎ Miss World 2025

อินเดีย 1 มิ.ย.-“โอปอล สุชาตา” สาวงามตัวแทนจากไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎ Miss World 2025 มาครองได้สำเร็จ เวทีการประกวด Miss World 2025 ครั้งที่ 72 ณ HITEX Convention Center เมืองไฮเดอราบัด รัฐเตลังคานา ประเทศอินเดีย โดย “โอปอล สุชาตา ช่วงศรี” สาวงามตัวแทนจากประเทศไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎมิสเวิลด์มาครองได้สำเร็จ โดยการประกวดในปีนี้มีนางงามจาก 108 ประเทศทั่วโลก เข้าร่วม ทั้งนี้ในรอบ 8 คนสุดท้าย มีนางงามที่ผ่านเข้ารอบได้แก่ บราซิล มาร์ตินีก เอธิโอเปีย นามิเบีย โปแลนด์ ยูเครน ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย ซึ่งจนกระทั่ง รอบ 4 คนสุดสุดท้าย มาร์ตีนิก เอธิโอเปีย และ โปแลนด์ ทั้ง 4 […]

ข่าวแนะนำ

“ภูมิธรรม” ปัดขัดแย้งกองทัพ ปมปิดด่าน

2 มิ.ย. – “ภูมิธรรม” ปัดขัดแย้งกองทัพ ปมปิดด่าน ลั่นมีเอกภาพ แจงรัฐบาลเชื่อมั่นท่าที 2 ประเทศลดความรุนแรงได้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม โพสต์ข้อความชี้แจงทางเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่าเรียน สื่อมวลชน ทุกท่าน ตามที่มีข่าวกระจายกันในแวดวงสื่อสังคมออนไลน์ เรื่องความขัดแย้งระหว่างฝ่ายการเมืองกับฝ่ายทหาร ในการจัดการปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา และส่งผลให้เกิดความเข้าใจผิดต่อปัญหาการจัดการระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการปิดด่านชายแดน ผมขอยืนยันว่า ผมกับกองทัพได้หารือร่วมกันหลายครั้ง และเห็นตรงกันว่าสถานการณ์ปัจจุบัน รัฐบาลทั้งสองประเทศต่างพยายามหาทางออกในการคลี่คลายวิกฤติ โดยยึดผลประโยชน์ประชาชนและอธิปไตยของชาติเป็นสำคัญ เราจึงกำหนดขอบเขตในการหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า และพยายามลดเงื่อนไขที่จะระงับยับยั้งมิให้เหตุการณ์ความขัดแย้งขยายตัวมากไปกว่านี้ สำหรับเรื่องการปิดชายแดนขณะนี้ รัฐบาลเห็นว่าท่าทีและการแสดงออกของทั้งสองประเทศ ยังเป็นการแสดงออกที่สามารถลดระดับความรุนแรงได้ เพราะการปิดด่านชายแดนแม้ไม่ใช่เรื่องการสู้รบทางตรง แต่กลับจะเกิดปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ ที่จะกระทบกับวิถีชีวิตประชาชน ทำให้สถานการณ์ยากต่อการคลี่คลาย แต่ขณะเดียวกัน กองทัพก็ตั้งอยู่ในความระมัดระวังและไม่ได้ละเลยในการปกป้องตนเองและอธิปไตยเหนือดินแดน ขณะนี้รัฐบาล ร่วมกับกำลังเหล่าทัพและกระทรวงต่างประเทศ กำลังใช้กลไก JBC เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาตามขั้นตอนอยู่ในปัจจุบัน เพื่อให้เกิดเวทีถกเถียงตามข้อเท็จจริงตามกฎหมาย ผมจึงขอเรียนชี้แจงยืนยันว่า รัฐบาลและกองทัพมีความเป็นเอกภาพ และมีพันธะสัญญาที่มั่นคงในการรักษาความสงบสุขให้ประชาชนได้รับประโยชน์ และความปลอดภัยมากที่สุด ขอให้มั่นใจว่าเราจะหลีกเลี่ยงการยกระดับความขัดแย้งที่จะนำไปสู่ความสูญเสียทั้งสองฝ่ายในทุกด้าน ที่ผ่านมา เราร่วมกันใช้ความพยายามอย่างยิ่ง ทั้งการประชุม หารือ […]

แผ่นดินไหวเชียงใหม่ ขนาด 4.5 รอยเลื่อนแม่ทาขยับ

เชียงใหม่ 2 มิ.ย.- ระทึก! แผ่นดินไหว ต.แม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ขนาด 4.5 ลึก 1 กม. ประชาชนแจ้งรู้สึกสั่นไหว 4 จังหวัด สาเหตุเกิดจากกลุ่มรอยเลื่อนแม่ทา ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง แผ่นดินไหวที่ ต.แม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ฉบับที่ 1/2568 กอง​เฝ้า​ระวัง​แผ่นดินไหว​ กรม​อุตุนิยม​วิทยา​รายงาน​ว่า​ เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ.2568 เวลา 14.07 น. เกิดแผ่นดินไหว จุดศูนย์กลางอยู่บริเวณ ต.แม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ขนาด 4.5 ความลึก 1 กิโลเมตร ได้รับแจ้งรู้สึกสั่นไหวบริเวณ จังหวัดเชียงใหม่ พะเยา ลำปาง และแม่ฮ่องสอน โดยสาเหตุเกิดจากกลุ่มรอยเลื่อนแม่ทา ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ สั่งการอำเภอพร้าว และอำเภอใกล้เคียง ลงพื้นที่ตรวจสอบผลกระทบจากแรงสั่นสะเทือน เบื้องต้นยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตและความเสียหาย […]

ศาลออกหมายจับ 6 ผู้ต้องหา ปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลาง

2 มิ.ย.- ศาลออกหมายจับ 6 ผู้ต้องหา ปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลาง ย่านท่าเรือคลองเตย ส่วนคนขับรถชน รปภ. เสียชีวิต โดนฆ่าคนตาย เพิ่มอีก 1 ข้อหา 13.00 น. ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา การดำเนินคดี 6 ทรชนผู้ก่อเหตุขโมยบุหรี่ไฟฟ้าของกลางของกรมศุลกากรและก่อเหตุถอยรถตู้พุ่งชนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเสียชีวิต โดย พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ให้ข้อมูลว่า ศาลอาญากรุงเทพใต้อนุมัติออกหมายจับ 6 ผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับทั้ง 6 คนถูกดำเนินคดีในข้อหา 4 ข้อหา ในแก่ ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ในเคหสถาน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือให้พ้นการจับกุม ร่วมกันบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน โดยใช้กำลังประทุษร้าย และกระทำความผิดตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ และซ่องโจร ขณะที่นายสิทธิศักดิ์ หรือแบงค์ ถูกดำเนินคดีเพิ่มอีกหนึ่งข้อหา คือ ฆ่าผู้อื่นเพื่อปกปิดความผิดของตนหรือหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดที่ตนกระทำไว้ ทั้งนี้ หลังศาลอนุมัติออกหมายจับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว […]

โควิด-19 ระบาดปักธงชัย ตายแล้ว 2

นครราชสีมา 2 มิ.ย.- เชื้อโควิด-19 แพร่ระบาดที่ อ.ปักธงชัย จ.นคราชสีมา รุนแรงถึงขั้นมีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย รัฐบาลเตือนระวังสายพันธุ์ใหม่ NB.1.8.1 แพร่กระจายไว ที่ อ.ปักธงชัย พบผู้เสียชีวิตจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 รอบนี้แล้ว 2 ราย ผู้ป่วยรายแรกเป็นชายเสียชีวิตเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ส่วนรายที่ 2 เสียชีวิตช่วงค่ำวานนี้ เป็นชายอายุ 72 ปี ที่โรงพยาบาลปักธงชัย ไปประกอบพิธีทางศาสนา โควิด-19 แม้จะกลายเป็นโรคประจำถิ่น ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก แต่ต้องรู้จักวิธีการป้องกันตัวเองและดูแลบุคคลในครอบครัวอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย โดยเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แจ้งว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ออกประกาศเตือนหลังพบพฤติกรรมของเชื้อ SARS-CoV-2 สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญใน 3 ภูมิภาคทั่วโลก ได้แก่ แปซิฟิกตะวันตก เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก จากเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ NB.1.8.1 ที่กำลังแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว และเชื้อโควิด-19 […]