กรุงเทพฯ 29 ก.ย. – กรมชลประทานเพิ่มระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา 2,000 ลูกบาศก์เมตร/วินาที พร้อมทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดท้ายเขื่อนเจ้าพระยา เตือนประชาชนที่อยู่นอกคันน้ำเตรียมรับระดับน้ำที่จะสูงขึ้น
นายทองเปลว กองจันทร์ รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า วันนี้ (29 ก.ย.) ได้เพิ่มปริมาณการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาเป็น 2,000 ลูกบาศก์เมตร/วินาที เนื่องจากกรมอุตุนิยมวิทยา รายงานลักษณะอากาศว่า ตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน – 2 ตุลาคม ร่องมรสุมจะขยับลงมายังภาคกลาง ทำให้ฝนตกชุก ซึ่งคาดว่าจะเป็นระลอกสุดท้ายของฤดูฝนนี้ กรมชลประทานจึงเห็นสมควรให้ระยะที่ยังปลอดฝนเร่งระบายน้ำออกทะเล เพื่อให้ลำน้ำรองรับฝนใหม่
สำหรับการเพิ่มระบายน้ำเป็นวันละ 2,000 ลูกบาศก์เมตร/วินาที อาจทำให้เกิดภาวะน้ำล้นตลิ่งเพิ่มในพื้นที่ อ.เมือง อ.อินทร์บุรี และ อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี สำหรับพื้นที่น้ำล้นตลิ่งใน จ.พระนครศรีอยุธยา จะมีระดับสูงขึ้น จึงทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัด ตั้งแต่ชัยนาทลงมา ได้แก่ อุทัยธานี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี และสุพรรณบุรี ให้แจ้งเตือนประชาชนเตรียมรับสถานการณ์ที่ระดับน้ำในแม่น้ำและลำคลองต่างๆ จะสูงขึ้น แต่กรมชลประทานจะเร่งผลักดันน้ำออกทะเลให้เร็วที่สุด
ส่วนเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ขณะนี้มีปริมาณน้ำเก็บกักร้อยละ 76 ช่วงที่ฝนตกชุกสัปดาห์ที่ผ่านมา มีปริมาณน้ำไหลเข้าเฉลี่ยวันละ 40 ล้านลูกบาศก์เมตร ที่ผ่านมาระบายออกวันละ 20 ล้านลูกบาศก์เมตร มีเป้าหมายเพิ่มปริมาณการระบายน้ำเป็นวันละ 40 ล้านลูกบาศก์เมตร ให้เท่ากับปริมาณน้ำไหลเข้า โดยจะทยอยปรับ แต่จะควบคุมการระบายน้ำท้ายเขื่อนพระราม 6 อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา ไม่ให้เกิน 600 ลูกบาศก์เมตร/วินาที เพื่อลดผลกระทบภาวะน้ำแม่น้ำป่าสักล้นคันกั้นน้ำ เนื่องจากเขื่อนพระราม 6 ศักยภาพระบายน้ำได้ 700 ลูกบาศก์เมตร/วินาที หากระบายเกินจะเกิดผลกระทบต่อ อ.ท่าเรือ การเพิ่มปริมาณการระบายน้ำของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ทำให้อ่างเก็บน้ำของเขื่อนเดิมใกล้จะเต็มแล้ว มีที่ว่างสามารถรับน้ำจากฝนระลอกใหม่ ซึ่งจะมาตั้งแต่วันพุร่งนี้ (30 ก.ย.) ได้.-สำนักข่าวไทย