กรุงเทพฯ 10 เม.ย. – โพลความเห็นซีอีโอ คาดว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้เติบโตร้อยละ 3-4 ชี้ปัจจัยเสี่ยงสำคัญ คือ เงินบาท การเมืองในประเทศ และค่าแรงที่สูงขึ้น
ฝ่ายวิจัย สถาบันวิจัยเพื่อตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน (CEO) ส่วนใหญ่คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2561 มีแนวโน้มดีขึ้น โดย CEO คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจในปี 2561 จะเติบโตอยู่ในช่วงร้อยละ 3-4 โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2561 CEO คาดว่า การท่องเที่ยว นโยบายการคลังและการใช้จ่ายภาครัฐ เสถียรภาพของการเมืองในประเทศ และกำลังซื้อภายในประเทศ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจไทย
ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2561 CEO มองว่า ปัจจัยเรื่องความผันผวนของค่าเงินบาท เสถียรภาพการเมืองในประเทศ และอัตราค่าจ้างแรงงานที่ปรับสูงขึ้น น่าจะเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทย ซึ่งแตกต่างจากการสำรวจครั้งก่อนที่มองว่าความเสี่ยงจะมาจากกำลังซื้อในประเทศที่ยังไม่ฟื้นตัว หนี้สินภาคครัวเรือนที่เป็นปัญหาเรื้อรัง และเสถียรภาพของการเมืองภายในประเทศ
ผลสำรวจร้อยละ 64 ของ CEO คาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมที่ตนดำเนินการอยู่จะปรับตัวดีขึ้น โดยสัดส่วนเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 45จากการสำรวจครั้งก่อน ส่วนใหญ่ยังคาดการณ์ว่าผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนจะดีขึ้น และรายได้ของบริษัทฯ เติบโตดีขึ้นจากการคาดการณ์ในการสำรวจครั้งก่อน ทั้งนี้ ส่วนใหญ่คาดว่ารายได้เติบโตมากกว่าร้อยละ 3 และ CEO จำนวนครึ่งหนึ่งคาดว่ารายได้จะเติบโตมากกว่าร้อยละ 6
สำหรับแนวโน้มการดำเนินธุรกิจในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2561 CEO ส่วนใหญ่คาดว่าต้นทุนการผลิตปรับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะต้นทุนแรงงานที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนจากผลของประกาศเปลี่ยนแปลงอัตราค่าแรงขั้นต่ำ เช่นเดียวกับราคาวัตถุดิบที่ปรับเพิ่มสูงขึ้น แต่ยังคาดว่าจะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น และสภาพคล่องของบริษัทฯ ดีขึ้น
CEO ส่วนใหญ่วางแผนจะขยายการลงทุนในปี 2561 ต่อเนื่องจากปีก่อนหน้า ทั้งการขยายการลงทุนในต่างจังหวัดและต่างประเทศ โดยประเทศเป้าหมายการลงทุน ได้แก่ ประเทศในอาเซียน เอเชียใต้ ตะวันออกกลาง อเมริกาใต้ เป็นต้น โดยแหล่งระดมทุนหลัก 3 อันดับแรก คือ สินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์ กำไรสะสม และการออกหุ้นกู้ภายในประเทศ.- สำนักข่าวไทย