ทำเนียบฯ 30 มี.ค.-“พล.อ.ฉัตรชัย” เผยได้รับรายงาน ปลัดและรองปลัด พม.เอี่ยวทุจริตเงินสงเคราะห์คนไร้ที่พึ่ง “พล.อ.อนันตพร” เผยตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง 2 ข้าราชการระดับสูงแล้ว พบเกี่ยวข้องอีก 26 คน ขอความร่วมมือให้การเป็นประโยชน์ เพื่อกันเป็นพยาน ชี้หลักฐานยังโยงไม่ถึงระดับรัฐมนตรี
พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินการกับผู้กระทำความผิดการทุจริตเงินสงเคราะห์คนไร้ที่พึ่ง ว่า ในวันนี้ (30 มี.ค.) พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จะสรุปและรายงานให้ได้ทราบในความคืบหน้าด้วยวาจา รวมถึงตั้งกรรมการสอบวินัย ปลัดและรองปลัด พม. เพราะการตรวจสอบขั้นต้น พบมีมูลความผิด
“ในวันนี้จะเป็นการรายงานด้วยวาจา หลังจากนี้ในวันจันทร์ที่ 2 เมษายน 2561 จะสรุปในภาพรวม เป็นเอกสารทั้งหมดตามข้อกำหนดครบ 30 วัน และหลังจากนั้นจะรายงานผลให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี รับทราบต่อไป” พล.อ.ฉัตรชัย กล่าว
เมื่อถามถึงการตั้งคณะกรรมการสอบสวนฯ ซึ่งมีข้าราชการที่อยู่ในระดับเดียวกันเป็นกรรมการสอบสวนและถูกตั้งข้อสังเกตว่าควรจะมีกรรมการสอบที่มีระดับสูงกว่าหรือไม่ พล.อ.ฉัตรชัย กล่าวว่า เป็นระเบียบปฎิบัติอยู่แล้ว ซึ่งอาจจะมีกรรมการอื่นเข้าไปเสริม ทั้งจากสำนักนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานอื่น ๆ เข้าร่วม
เมื่อถามว่านอกเหนือจากปลัดและรองปลัด พม. แล้วยังมีบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องอีกหรือไม่ พล.อ.ฉัตรชัย กล่าวว่า รายละเอียดจะออกมาทีละรอบ กระบวนการตรวจสอบ จะมีเป็นลำดับขั้น คนไหนมีมูล จะมีการตั้งกรรมการสอบ
เมื่อถามว่ามีข้อมูลหรือรายชื่อผู้ทุจริตในรอบต่อไปแล้วหรือไม่ พล.อ.ฉัตรชัย กล่าวว่า หลังจากมีการส่งทีมลงไปตรวจสอบ หลายจังหวัดมีมูล และเตรียมตั้งกรรมการตรวจสอบขั้นที่ 2 ต่อไป คาดว่าจะมีเพิ่มเติมเป็นระยะ ส่วนจะมีการสั่งย้ายใครออกนอกพื้นที่ก่อนหรือไม่นั้น ขอรอการชี้แจงรายละเอียดก่อน ล็อตแรงไม่ถือเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู แต่ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน และเมื่อกรรมการสอบเบื้องต้น ก็ดำเนินการไปตามขั้นตอนเช่นกัน
พล.อ.อนันตพร เปิดภายหลังหลังเข้าพบ พล.อ.ฉัตรชัย ว่า ได้รายงานข้อมูลความคืบหน้าการตั้งคณะกรรมการสอบสวนการทุจริตเงินสงเคราะห์คนไร้ที่พึ่ง โดยคณะกรรมการฯ ได้รายงานผลการสอบสวนปลัดและรองปลัด พม.มาตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม 2561 ซึ่งพบว่า 2 ข้าราชการมีมูลความผิดจริง ตนจึงได้ลงนามคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง เมื่อวานนี้ (29 มี.ค.) โดยมีนายสุภัทร จำปาทอง เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา เป็นประธานสอบฯ ซึ่งจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน นอกจากนี้ได้รับรายงานเบื้องต้นว่ามีกลุ่มผู้บริหารระดับสูง ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่เกี่ยวข้องการทุจริต จำนวน 26 คน ซึ่งอยู่ระหว่างการสอบข้อเท็จจริง จะแบ่งออกเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรง ผู้ที่จะป็นพยาน และผู้ที่บกพร่องในการทำงาน ไม่ใช่ทุกคนจะมีความผิด แต่ต้องสอบ เพราะมีความเชื่อมโยงกัน
“บางคนอาจตกใจว่าทำไมถึงมีรายชื่อถูกตั้งกรรมการสอบด้วย ขอย้ำว่าหากมีชื่อไม่ต้องตกใจ ถ้าไม่ได้เป็นผู้กระทำความผิด หากโดนสั่งให้ทำก็มาเป็นพยานได้ และเมื่อตรวจสอบว่าการเป็นพยานเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง ไม่ได้ใส่ร้ายป้ายสี เป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ คณะกรรมการฯ ก็จะกันตัวไว้เป็นพยานได้เลย หากผู้ใดให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ เป็นข้อเท็จจริง จะกันไว้เป็นพยานเพื่อให้โทษหนักจะเป็นเบา แม้ว่าจะมีรายชื่อยู่ในการสอบสวนก็ตาม ตอนนี้อยากให้ทุกคนร่วมมือ หากมาให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ และต้องโดนลงโทษ ก็จะเป็นการลงโทษตามเหตุแห่งโทษนั้น เรื่องนี้จะดำเนินการตามกระบวนการ ขั้นตอนที่ผ่านมาถือว่าครบถ้วนแล้ว จากนี้ขั้นตอนต่อไปก็อยู่ที่กรรมการจะทำหน้าที่สอบต่อว่าใครเกี่ยวข้องมาก ใครเกี่ยวข้องน้อย” พล.อ.อันตพร กล่าว
เมื่อถามว่า ปลัดและรองปลัด พม.จะถูกกันไว้เป็นพยานหรือไม่ พล.อ.อนันตพร กล่าวว่า ถือเป็นผู้บริหารระดับสูง คงกันไว้เป็นพยานยาก แต่จะต้องล้างข้อกล่าวหาด้วยตนเองให้ได้ว่าไม่ผิดเพราะอะไร เพราะที่ผ่านมามีการซัดทอดและอ้างว่ามีการส่งเงินให้ผู้บริหาร จึงเป็นหน้าที่ที่ต้องแก้ข้อกล่าวหาว่าไม่ได้รับเงิน หรือสั่งให้ส่งเงิน ก็แค่นั้น
เมื่อถามว่ามีการซัดทอดถึงระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงหรือไม่ พล.อ.อนันตพร กล่าวว่า เบื้องต้นยังไม่มีความเชื่อมโยง เพราะอำนาจจบแค่อธิบดีเท่านั้น อำนาจไม่ถึงปลัดกระทรวงด้วยซ้ำ แต่ปลัดกระทรวงถือว่ามีอำนาจในการปบริหาร คือเรื่องการกำกับดูแล
“บางคนที่สอบสวนก็ไม่ได้มีเรื่องโยงไปถึง แต่บางคนเป็นผู้อำนวยการกองที่รับผิดชอบเงิน ต้องนำเรียนผู้บริหารตามลำดับชั้นในการอนุมัติ ก็จะถือว่าบกพร่องไปด้วย แต่จะถือว่าเป็นการบกพร่องในการปฎิบัติหน้าที่ และยังไม่ได้ถูกกล่าวหาว่าทุจริต ดังนั้นหากมีเหตุว่าต้องทำตามคำสั่ง ก็สามารถให้การมาได้ และจะถูกกันไว้เป็นพยานเช่นกัน” พล.อ.อนันตพร กล่าว
เมื่อถามว่ารัฐมนตรีว่าการที่กำกับดูแลจะต้องมีส่วนรับผิดชอบหรือไม่ พล.อ.อนัตพร กล่าวว่า การดำเนินการ ถือว่าอยู่ในขั้นของข้าราชการประจำ รัฐมนตรีดูในระดับนโยบาย หากจะให้รับผิดชอบ ก็พูดได้ เพราะมีส่วนด้วยกันทั้งนั้น เพียงแต่ยังไม่มีอะไรโยงถึง ปลัดก็ยังไม่โยงถึง เพราะเรื่องของเรื่องเงินตัวนี้เป็นเรื่องของอำนาจอธิบดี 100 เปอร์เซ็นต์ ขณะนี้โยงอยู่แค่นี้.-สำนักข่าวไทย

