รัฐสภา 28 มี.ค.- สนช.เตรียมยื่นศาล รธน.ตีความร่างกฎหมายลูกเลือกตั้ง ส.ส.ล่าสุดได้รายชื่อครบ 25 คนแล้ว โดยไม่ต้องรอนายกฯ ตีกลับ ส่งศาลได้เลย ยืนยันไม่ได้ยื้อเลือกตั้ง
นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวถึงแนวโน้มที่สนช.จะยื่นเรื่องร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.ให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ หลังจากนายกรัฐมนตรีสั่งให้ทีมกฎหมายไปทบทวนร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวว่า ขณะนี้สนช.ล่าชื่อสมาชิกได้ครบ 25 คนแล้ว เพื่อยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว ตนเป็นหนึ่งในสนช.ที่ร่วมลงชื่อด้วย เพราะอยากให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความให้เกิดความชัดเจนตั้งแต่ตอนนี้ ดีกว่าปล่อยไปจนกฎหมายประกาศบังคับใช้แล้ว มีผู้ไปยื่นตีความภายหลัง จะยิ่งยุ่งไปกันใหญ่ อาจไปถึงขั้นที่กฎหมายหรือการเลือกตั้งเป็นโมฆะได้
“ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนที่สนช.สามารถยื่นตีความได้ แม้จะส่งเรื่องไปให้นายกรัฐมนตรีแล้วก็ตาม แต่ตราบใดที่นายกฯ ยังไม่นำร่างกฎหมายขึ้นทูลเกล้าฯ สนช.ก็มีสิทธิยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญได้เลย ไม่จำเป็นต้องรอให้นายกฯ ตีกลับร่างกฎหมายเลือกตั้งส.ส.มาที่สนช. หลังจากที่ได้รายชื่อสนช.ครบ 25 คนแล้ว จะนำเรื่องแจ้งให้วิป สนช.ทราบ เพื่อส่งเรื่องให้นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช. ยื่นศาลรัฐธรรมนูญต่อไป” นายกิตติศักดิ์ กล่าว
นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า การส่งร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.ให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความไม่ใช่การสมคบคิดเพื่อยื้อเลือกตั้ง แต่ต้องการทำเพื่อให้เกิดความชัดเจนในข้อกฎหมาย แม้ก่อนหน้านี้สนช.ยืนกรานว่า จะไม่ส่งร่างกฎหมายฉบับนี้ให้ตีความ แต่เมื่อหลายฝ่ายท้วงติงมาเช่น นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) จึงจำเป็นต้องรับฟัง เพราะตนก็เห็นด้วยแต่แรกแล้วว่า ควรยื่นร่างกฎหมายลูกส.ส.และร่างกฎหมาย ลูกส.ว.ให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดทั้งสองฉบับ
“สนช.ไม่ได้โลเล กลับไปมา แต่เมื่อสังคมยังมีข้อสงสัยจึงควรทำให้เกิดความชัดเจน รวมถึงท่าทีของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พูดชัดเจนว่า ให้ฝ่ายกฎหมายไปตรวจร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.ให้เกิดความรอบคอบ เพราะไม่อยากให้เกิดปัญหา ภายหลังนำกฎหมายขึ้นทูลเกล้าฯ ไปแล้ว ดูแล้วยังมั่นใจว่า การยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย คงกระทบโรดแม็ปเลือกตั้งไม่มาก แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย ยอมโดนต่อว่าตอนนี้ดีกว่า เพราะถึงอย่างไรจะยื่นหรือไม่ยื่นตีความ สนช.ก็โดนทั้งขึ้นและล่อง”นายกิตติศักดิ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย