กรุงเทพฯ 26 มี.ค. – รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ย้ำสำนวนการสอบสวนคดีล่าเสือดำรัดกุม ไม่ได้ถูกอัยการตีกลับรอบ 2 ขณะที่กรมอุทยานแห่งชาติฯ สรุปผลพิจารณาคดีแพ่ง เรียกค่าเสียหาย “เสือดำ-หมูป่า-ไก่ฟ้า” กว่า 12 ล้านบาท
นายจงคล้าย วรพงศธร รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เผยผลสรุปการพิจารณาคดีแพ่ง เรียกค่าเสียหาย “เสือดำ-หมูป่า-ไก่ฟ้า” กับนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริษัท อิตาเลียนไทยฯ และพวกรวม 4 คน มูลค่า 12.75 ล้านบาท จากเดิมประเมินไว้ 3 ล้านบาท โดยคิดคำนวณจากการเลี้ยงดูสัตว์ 1 ตัว ตั้งแต่แรกคลอด จนถึงโตเต็มวัย มีค่ายา ค่าอาหาร และการฝึกตามสัญชาตญาณก่อนปล่อยคืนป่า รวมถึงการปล่อยสัตว์แต่ละครั้ง มีโอกาสรอดประมาณ 20% การปล่อยคืนป่าจึงต้องปล่อยเฉลี่ย 5 ตัว จึงคิดมูลค่าของเสือดำที่ถูกยิงครั้งนี้อยู่ที่ 12 ล้านบาท ส่วนอีก 750,000 บาท เป็นหมูป่าและไก่ฟ้าหลังเทา โดยตามมูลค่าความเสียหายนี้ ยังไม่รวมค่าเสียหายต่อระบบนิเวศ ที่ยังไม่มีผลงานวิจัยมาคิดคำนวณ ซึ่งจากนี้กรมอุทยานแห่งชาติฯ เตรียมตั้งโครงการศึกษาความเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติให้ชัดเจนมากขึ้น
ด้าน พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันอัยการไม่ได้ตีกลับสำนวนรอบ 2 แต่เป็นการสอบสวนเพิ่มตามคำสั่งของอัยการในครั้งแรก ซึ่งได้ส่งผลสอบเพิ่มให้อัยการไปแล้ว เมื่อวันที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมา พร้อมยืนยันสำนวนรัดกุมแน่นหนา ส่วนการตั้งข้อสังเกต พนักงานสอบสวนไม่สามารถชี้ชัดได้ว่า กระสุนลูกปรายที่พบในตัวเสือดำ ยิงจากปืนของกลางกระบอกใด และผลตรวจอุจจาระในที่เกิดเหตุไม่มีดีเอ็นเอเสือดำ ล้วนไม่มีผลต่อสำนวนคดี พร้อมขู่จะฟ้องกลับผู้ชอบตั้งคำถามต่อการทำสำนวนคดี
ขณะที่พนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปทส.) ได้แจ้งข้อหาเพิ่มต่อนายเปรมชัย หลังกรมศุลกากรยืนยันไม่พบข้อมูลการขอนำเข้างาช้างจากต่างประเทศ โดยแจ้งข้อหาตามความผิด พ.ร.บ.ศุลกากร มาตรา 27 ทวิ ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับเป็นเงินสี่เท่าราคาของงาช้าง รวมค่าอากร หรือทั้งปรับทั้งจำ ซึ่งกรณีงาช้าง 4 กิ่ง ที่ยึดจากบ้านพักนายเปรมชัย ตีมูลค่าประมาณ 4 ล้านบาท ทั้งนี้ เมื่อนับข้อหารวมกันทุกคดี ขณะนี้นายเปรมชัยถูกแจ้งข้อหาแล้ว 13 ข้อหา. – สำนักข่าวไทย
ชมผ่านยูทูบ