โรงแรมแกรนด์ไฮแอทเอราวัณ 9 มี.ค.-หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ปิดประตู ย้ำจุดยืนไม่ร่วมกับพรรคที่มี “ทักษิณ” หนุนหลัง และไม่หนุนคนนอกเป็นนายกฯ ขณะที่แกนนำพรรคเพื่อไทยยืนยันไม่สนับสนุน “พล.อ.ประยุทธ์” เป็นนายกรัฐมนตรีเช่นกัน ส่วนแกนนำพรรคภูมิใจไทย ขอรอดูผลการเลือกตั้งก่อน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคภาคใต้นัด ส.ส.ให้ยืนยันการเป็นสมาชิกพรรคในเบื้องต้น ว่า เป็นกระบวนการทำงานของรองหัวหน้าพรรค ซึ่งเป็นการประสานงานเพื่อให้เกิดความพร้อมเพรียง ส่วนตัวไม่กังวล เพราะที่ผ่านมายังไม่มีใครแสดงความจำนงที่จะออกจากพรรค นอกจากนายธานี เทือกสุบรรณ อดีต ส.ส.สุราษฎร์ธานี ที่แสดงความจำนงจะไปจดแจ้งตั้งพรรคการเมืองใหม่
นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ยืนยันจุดยืนของพรรคว่าอยู่ตรงข้ามกับระบอบทักษิณ ดังนั้นการจะไปร่วมงานกับใครจะต้องเป็นผู้ที่มีอุดมการณ์ตรงกันและเพื่อประโยชน์ของประเทศเท่านั้น ซึ่งจุดยืนตรงนี้ตรงกันกับแนวทางของ กปปส. แต่ที่แตกต่าง คือ การสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะพรรคมีระบบจุดยืน อุดมการณ์ในการสนับสนุนบุคลากรและนโยบายของพรรค
“เป็นสิทธิของแต่ละพรรคที่จะสนับสนุนใคร แต่ก็ต้องดูท่าทีว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะยินยอมให้พรรคการเมืองเสนอชื่อตนเองหรือไม่ และถ้ายินยอมจะยินยอมกับพรรคไหน แต่ในส่วนของพรรคเป็นไปตามระบบของพรรคเรา พรรคลงสมัครรับเลือกตั้งก็สนับสนุนนโยบายและคนของพรรค และพรรคประชาธิปัตย์ยืนยันเป็นพรรคแรกว่าหลังการเลือกตั้ง สมาชิกวุฒิสภาทั้ง 250 คนควรเคารพเจตนารมณ์ของประชาชนที่แสดงออกผ่านการเลือกตั้ง อันนี้สำคัญที่สุด โดยต้องดูระหว่างการเลือกตั้งว่าใครหาเสียงอย่างไร และได้รับคะแนนเสียงมาอย่างไร และต้องเลือกตามรัฐธรรมนูญ” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
เมื่อถามย้ำว่า หลังเลือกตั้ง ปิดโอกาสในการเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนพูดมาตลอดว่าพรรคเพื่อไทยสามารถก้าวพ้นจากระบอบทักษิณได้หรือไม่ แต่ยืนยันว่าไม่มีทางที่พวกตนจะไปร่วมมือและทำให้เกิดปัญหาแบบระบอบทักษิณขึ้นมาอีก เพราะต่อสู้กันมา 20 ปี และเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดปัญหาในประเทศ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่พรรคจะทำในสิ่งที่สวนทางกับสิ่งที่ต่อสู้กันมาตลอด และกล้าพูดได้ว่าพวกตนต่อสู้กับระบอบนี้มายาวนานที่สุดด้วย
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังกล่าวถึงกรณีที่นายธานีจะไปตั้งพรรค กปปส. ซึ่งอาจจะกระทบกับฐานเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ ว่า เป็นเรื่องธรรมดาที่เมื่อมีพรรคการเมืองเกิดขึ้นใหม่ ย่อมกระทบกับฐานเสียงของพรรคการเมืองเดิม ซึ่งพรรคจะต้องทำงานหนักขึ้น โดยขณะนี้พรรคเน้นแข่งขันกับตัวเองว่าจะทำอย่างไรให้เป็นที่พึ่งของประชาชนได้ เพราะต้องยอมรับว่าประชาชนที่อยากเห็นประเทศกลับไปสู่การเลือกตั้งและเป็นประชาธิปไตย ยังกังวลว่าประเทศจะกลับไปสู่ความขัดแย้งและวังวนเดิมหรือไม่ ดังนั้นพรรคจะต้องสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน
สำหรับกรณีที่นักกฎหมายเป็นห่วงว่าร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. อาจไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า องค์กรที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งศาลรัฐธรรมนูญต้องดูอยู่แล้วโดยระบบ จึงไม่น่าจะมีปัญหา และหากมีประเด็นที่ต้องตีความ คงใช้เวลาไม่นาน และไม่น่าจะกระทบกับกำหนดการเลือกตั้ง ส.ส.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการเสวนาหัวข้อการเลือกตั้งไทยในอนาคต หรือ “The Future of Thai politics : Election Ahead” ซึ่งจัดโดย ซีแอลเอสเอ อาเซียน ฟอร์รัม 2018 มีนายอภิสิทธิ์ เวชชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และนายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย ร่วมเสวนา ได้มีการพูดถึงนายกรัฐมนตรีคนนอกเช่นกัน
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่กังวลในประเด็นดังกล่าว แม้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะไม่เคยปฏิเสธหรือยอมรับว่ามีพรรคการเมืองเสนอชื่อ แต่พรรคมีจุดยืนในเรื่องนี้และเห็นว่าหากมีคนรุ่นใหม่เข้ามาสู่การเมือง ถือเป็นเรื่องดี
ด้านนายจาตุรนต์ กล่าวว่า แนวทางของพรรคเพื่อไทยไม่สนับสนุนนายกรัฐมนตรีคนนอก เพราะมีความซับซ้อน หากจะทำจริงคงเป็นไปได้ยาก นอกจาก พล.อ.ประยุทธ์ จะมาโดยช่องทางพิเศษในกระบวนการกฎหมายหรือการกระทำใดที่ทำให้พรรคการเมืองเดิมอ่อนแอจนสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี
ขณะที่นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่กังวลเรื่องนายกรัฐมตรีคนนอก แต่ขอให้รอดูผลการเลือกตั้งก่อน ซึ่งตรงนี้จะเป็นตัวชี้วัด.-สำนักข่าวไทย