“ศิริ” วอนเข้าใจเอ็มโอยูทบทวนโรงไฟฟ้าถ่านหินเพื่อปรองดอง

กรุงเทพฯ 22 ก.พ. – รมว.พลังงานวอนทุกฝ่ายเข้าใจทบทวนกระบี่- เทพา เพราะอยากเห็นความปรองดอง ย้ำ 5 ปีนี้ไม่จำเป็นต้องมีโรงไฟฟ้าใหม่ขนาดใหญ่ในภาคใต้ ชี้ป้ายเรียกร้องลาออกกระทบจิตใจ


นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวในระหว่างการพบปะสื่อมวลชนที่ทำเนียบรัฐบาล ว่า ขอให้สื่อช่วยทำความเข้าใจกับทุกภาคส่วนทั้งกลุ่มสนับสนุนและกลุ่มต่อต้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน “กระบี่- เทพา” ว่า การที่ลงนามข้อตกลงหรือเอ็มโอยูในการทบทวนโครงการ โดยให้มีการศึกษายุทธเชิงพื้นที่ (SEA) ภายใน 9 เดือน โดยให้มีคนกลางเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายมาเป็นผู้ดำเนินการแล้วรับฟังความเห็นรอบด้าน ก็เพื่อให้ได้ข้อตกลงร่วมกันเพื่อให้เกิดความปรองดองไม่ขัดแย้ง ซึ่งหากมีข้อตกลงเดินหน้าหรือยุติก็จะดำเนินการตามนั้น โดยขอยืนยันด้วยตัวเลขเชิงวิทยาศาสตร์ว่า แม้โครงการล่าช้าแต่ด้วยการจัดการจะทำให้ไฟฟ้าไม่ขาดแคลนอย่างแน่นอน โดยใน 5 ปีนี้ยังไม่จำเป็นต้องมีโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่เกิดขึ้นใหม่ในภาคใต้

“ขอความร่วมมือสื่อพาดหัวข่าวให้เกิดการปรองดอง ขอชาวบ้านอย่าขึ้นป้าย “ศิริ ออกไป”  มันกระทบจิตใจ โดยเอ็มโอยูก็เพื่อความปรองดองและตัวเลขเชิงวิทยาศาสตร์ยืนยันชัดว่าสามารถจัดการได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่เกิดขึ้นใหม่ภายใน 5 ปี” รมว.พลังงาน กล่าว


สำหรับความเชื่อมั่นดังกล่าว เกิดจากนายศิริ คาดว่าความต้องการใช้ไฟฟ้าในภาคใต้จะโตประมาณร้อยละ4-5 ต่อปี จากความต้องการไฟฟ้าสูงสุดหรือพีกปี 2561 ที่ประมาณ 2,700 เมกะวัตต์ ดังนั้น เพื่อรองรับการเติบโตโดยเฉพาะการท่องเที่ยวในพื้นที่อันดามันก็จะบริหารจัดการในช่วง 3-5 ปี โดยเพิ่มสายส่งแรงดันสูงเชื่อมโรงไฟฟ้าหลักที่มีอยู่ คือ จะนะและขนอม ตรงไปยังฝั่งอันดามัน โดยลงทุนสร้างสายส่งแก้ปัญหาคอขวดของสายส่งก็จะทำให้กำลังผลิตใช้ได้เต็มที่ 2,400 เมกะวัตต์ และเชื่อมกับสายส่งหลักจากภาคกลางไปยังสถานีสุราษฎร์ธานี จะทำให้รองรับได้อีก 1,000 เมกะวัตต์ รวมทั้งพัฒนาโรงไฟฟ้าชีวมวลใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อีก 300 เมกะวัตต์ เพื่อเป็นการผลิตและใช้ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ก็จะลดการส่งไฟฟ้าจากพื้นที่อื่น ๆ เข้าไป

“ในส่วนโรงไฟฟ้าชีวมวล 300 เมกะวัตต์ หลายคนมองว่าเชื้อเพลิงอาจไม่เพียงพอ แต่หากรัฐไม่เริ่มโครงการ ก็ไม่มีการพัฒนา ซึ่งวัตถุดิบนอกจากใช้เศษไม้จากยางพาราและปาล์มแล้ว อาจใช้จากรากได้ด้วย ทางส่วนกลางก็อาจส่งรถเคลื่อนที่สับรากไม้เพื่อนำมาเป็นวัตถุดิบ โดยหากเกิดได้ถึง 200 เมกะวัตต์ ก็ถือว่าดีชาวบ้านก็มีรายได้ ระบบไฟฟ้าในพื้นที่ก็จะมั่นคงได้ด้วยตัวเอง” รมว.พลังงาน กล่าว  

นายศิริ ยังกล่าวด้วยว่า การทำ SEA จะดำเนินการโดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ไม่จำเป็นต้องถอนผลศึกษา EHIA และ EIA โครงการเทพา อย่างไรก็ตาม เพื่อปรองดองก็ขอให้ กฟผ.ถอนฟ้องในคดีที่คั่งค้างกับกลุ่มผู้ต่อต้านโครงการ.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง