จี้ รบ.ออก กม.นิรโทษกรรม นิ่งเฉยถือว่าใจดำ

รัฐสภา 24 ต.ค.- “สว.วันชัย”‘ จี้รัฐบาลออกกฎหมายนิรโทษกรรม ลั่นการนิ่งเฉยถือว่าใจดำ เสวยสุขอำนาจบนความสูญเสียในอดีต ชี้ช่วงเวลานี้เหมาะสุด ไม่เป็นชนวนขัดแย้ง


นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กล่าวถึงเรื่องนโยบายสร้างความปรองดองของรัฐบาล โดยเห็นว่า ขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าเรื่องของการสร้างความปรองดอง และยังไม่เห็นมีอะไรที่เป็นรูปธรรมที่ชัดเจน ทั้งที่รัฐบาลนี้ประกาศว่าเป็นรัฐบาลสลายขั้ว สลายสี สลายความขัดแย้ง แท้ที่จริงแล้วเป็นการสลายความขัดแย้งของกลุ่มผู้มีอำนาจเท่านั้นเอง แปลว่าผู้มีอำนาจและพรรคการเมืองต่างๆ สลายความขัดแย้ง แล้วไปมีอำนาจร่วมกัน

“ซึ่งเท่ากับแปลว่ามีอำนาจทางการเมืองแล้ว แต่ว่าเป็นวาทกรรมทางการเมืองเพื่ออำนาจตัวเองเท่านั้น แต่ไม่ได้มองถึงความขัดแย้งจริงๆ ของบุคคลในประเทศนี้ ทั้งที่คนที่มีอำนาจในขณะนี้ที่เป็นรัฐบาลเป็นรัฐมนตรีมาจากความเป็นความตาย ความพิกา รความพลัดพรากของคนต่างๆ ที่ต่อสู้กันมาเกือบ 20 ปี ไม่ว่าจะเป็นเสื้อเหลืองเสื้อแดง นปช. กปปส. หรือคนกลุ่มอื่นใด ที่มีความเห็นทางการเมืองที่ต่างกัน แล้วต่อสู้กันจนบาดเจ็บ ล้มตายต่างๆ โดยเป็นบุคคลที่ไม่ได้มีความคิดร้ายหรือมีเรื่องส่วนตัว แต่ต้องมารับเวรกรรม” นายวันชัย กล่าว


นายวันชัย กล่าวว่า ขณะที่บางพวกได้รับการนิรโทษกรรม ซึ่งอยากถามว่าเป็นธรรมแล้วหรือไม่ แต่เท่าที่ฟังกระแสต่างๆ เห็นว่ารัฐบาลไม่ได้ทำอะไรจริงจัง เพราะเกรงว่าจะกระทบกลุ่มนั้นกลุ่มนี้ และเกรงว่าอำนาจของตัวเองจะสั่นคลอน แต่เมื่อครั้งเป็นฝ่ายค้าน อยากจะแก้ ผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรม อภัยโทษให้กลุ่มต่างๆ แต่วันนี้เป็นรัฐบาลแล้วกลับเงียบ

นายวันชัย กล่าวต่อไปว่า ทุกวันนี้ตนเห็นแกนนำกลุ่มต่างๆ เดินขึ้นศาล เข้าเรือนจำ ถูกพิพากษา บางคนถูกพิทักษ์ทรัพย์ขั้นเด็ดขาด เห็นว่าน่าอเน็จอนาถมากที่สุด และน่าเห็นใจ ดังนั้นจึงขอเรียกร้องว่า หากจบความขัดแย้งได้ควรจบ เลิกได้ควรเลิก เพราะคนเหล่านี้ไม่ใช่คนไม่ดี แต่คนที่ก้าวเข้ามามีอำนาจแล้วอยู่เฉย ตนเห็นว่าแย่มาก ควรต้องแสดงความจริงใจ ประกาศให้ชัดว่าจะทำอะไรหรือไม่ และทำเมื่อไหร่ ไม่ใช่บอกแค่ก้าวข้ามความขัดแย้ง เป็นรัฐบาลสลายขั้ว สลายสี เห็นว่าน่าอับอาย

“ไม่รู้สึกหดหู่กันบ้างหรืออย่างไร มีอำนาจบนคนที่เขาต่อสู้กันมาในเรื่องนี้ แล้วมาเสวยสุขกัน โดยไม่รู้สึกรู้สาอะไร ผมจึงเรียกร้องให้รัฐบาล จะทำอะไรก็ทำเสีย จะออกกฎหมายก็ออก หรือจะออกเป็นพระราชกำหนด หรือจะทำอะไรก็รีบทำ อย่าปล่อยให้เขารับเวรรับกรรมกันอยู่แบบนี้” นายวันชัย กล่าว


นายวันชัย ยังย้ำว่า ในกระบวนการประชาธิปไตย กฎหมายคือทางออก และเป็นเหตุของการสร้างความปรองดอง และทำให้ตกผลึกในการถกแถลงกัน ว่าควรทำอะไรมากน้อยแค่ไหน โดยใช้เวทีสภาเป็นเรื่องดีที่สุด หรือหากต้องการความรวดเร็ว ก็เห็นว่าการออกพระราชกำหนดก็เป็นวิถีทางหนึ่ง แต่ถ้าอยากให้รอบคอบก็ออกเป็นพระราชบัญญัติโดยทำให้เร็วได้ และเป็นหนทางที่ดีที่สุด แต่ยังไม่เห็นว่ารัฐบาลขยับตัวอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในขณะที่ฝ่ายค้านขยับแล้ว แต่รัฐบาลยังอ้างเหตุต่างๆ ซึ่งตนเองก็ไม่เข้าใจ

ส่วนกรณีพรรคก้าวไกลยื่นร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ซึ่งหมายรวมเรื่องของคนกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ด้วยนั้น นายวันชัย กล่าวว่า ให้ใช้เวทีของสภาเป็นที่ถกแถลง ว่าให้นิรโทษกรรมโดยรวมความผิดมาตรา 112 หรือไม่ และรวมความผิดฐานก่อการรัฐประหารหรือไม่ ซึ่งกรณีการทำรัฐประหารก็ได้นิรโทษกรรมไปแล้ว และรัฐบาลไม่ควรลอยไปลอยมา แล้วอ้างโน่นนี่ สงสัยว่ารัฐบาลเกรงจะกระทบกับอำนาจของตนเองหรือไม่ หากไม่กลัวก็ควรเดินหน้าอย่าปล่อยให้ผู้ได้รับผลกระทบเจ็บปวดเช่นนี้

“เห็นว่าคนที่ไม่ทำเรื่องนี้ถือว่าใจดำเกินไป และเมื่อกฎหมายพิจารณามาถึงชั้นวุฒิสภาก็จะพิจารณาด้วยความรอบคอบ เหตุการณ์ต่างๆ ผ่านมาเกือบ 20 ปีแล้ว ควรจะอภัยต่อกัน และจบกันได้  เชื่อว่าวุฒิสภาคงไม่มีปัญหา เพราะได้ประโยชน์ทุกกลุ่ม เวลานี้ทุกสีก็มาเป็นรัฐบาลร่วมกัน จึงไม่มีเหตุใดที่สภาต้องมาขัดแย้งกัน”นายวันชัย กล่าว

นายวันชัย ยังเผยว่า ในที่ประชุมวุฒิสภาวันนี้(24 ต.ค.)ได้เสนอแนวทางการสร้างความปรองดอง โดยพูดในภาพรวมว่าความขัดแย้งเกิดจากอะไร จะแก้ปัญหาอย่างไร และควรมีมาตรการอย่างไรในอนาคต ซึ่งเป็นภาพกว้าง และไม่ได้พูดถึงกฎหมายนิรโทษกรรมที่เป็นรูปธรรมแต่อย่างใด

“เชื่อว่า การเสนอกฎหมายดังกล่าวจะไม่ลามปามจนเป็นวิกฤตของบ้านเมือง แม้กระทั่งเหตุการณ์ในอิสราเอลยังยอมลงทุนเพื่อช่วยเหลือคนไทยให้ปลอดภัย ดังนั้น ต่อเหตุการณ์ในประเทศก็ควรต้องลงทุนในการช่วยเหลือเยียวยาและออกกฎหมายเพื่อให้เกิดความปรองดอง เพราะถือเป็นภัยทางการเมือง แต่กลับผลัดวันประกันพรุ่ง มองว่าถึงเวลาประนอมอำนาจและปรองดองกันได้แล้ว ซึ่งตอนนี้เป็นวันเวลาที่เหมาะสมที่รัฐบาลชุดนี้ควรต้องทำที่สุด”นายวันชัย กล่าว

นายวันชัย ยังมองว่า กรณีอดีตแกนนำพันธมิตรถูกพิทักษ์ทรัพย์ ถือเป็นการกระทำที่โหดร้าย วันนั้นเห็นเขาเป็นนักต่อสู้ วันนี้เป็นซากศพ ล้มละลาย แต่รัฐบาลไม่ทำอะไร โดยอ้างว่ายังพิจารณาอยู่ ก็อยากถามว่าจะให้เกิดการรัฐประหารก่อนแล้วค่อยมาคิดกันหรืออย่างไร เวลาที่รัฐบาลได้เข้ามาทำงานเป็นเดือนแล้ว ควรจะต้องมาคิดเรื่องเหล่านี้กัน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนขับแท็กซี่ตายคารถ กว่าจะรู้ผ่านไปหลายชม.

รถแท็กซี่จอดอยู่ป้ายรถเมล์ตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น มีผู้โดยสารขึ้นรถ แล้วก็ลงมา แถมถูกบีบแตรไล่ จนพ่อค้าขายข้าวโพดต้มเข้าไปเรียกพบคนขับนอนคอพับเสียชีวิต

ถอนตัวWHO

“ทรัมป์” ลงนามในคำสั่งให้สหรัฐถอนตัวจากการเป็นสมาชิกอนามัยโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววานนี้ว่า สหรัฐจะออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก โดยเขาระบุว่า องค์การอนามัยโลกดำเนินการผิดพลาดในการรับมือกับโรคโควิด-19

พิตบูลขย้ำหัวพระ

“อเมริกันบูลลี่” ขย้ำหัวพระ-กัดข้อมือหาย มรณภาพคากุฏิ

สลด! หลวงพี่ เลขาเจ้าอาวาสวัด เลี้ยงอเมริกันบูลลี่ไว้ตั้งแต่เป็นลูกสุนัข ผ่านไปปีกว่า ถูกขย้ำหัวมรณภาพคากุฏิ ข้อมือขาดหายไป ยังหาไม่พบ

ข่าวแนะนำ

จำคุกทนายเดชา

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” ปมไลฟ์หมิ่น “อ.อ๊อด”

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” คดีหมิ่น “อ.อ๊อด” ปรับ 1 แสนบาท ปมไลฟ์ด่าเสียหาย ให้รอลงอาญา โจทก์เตรียมอุทธรณ์ต่อขอให้ติดคุกจริง

ตรวจสอบสิทธิ์เงินหมื่น

ตรวจสอบสิทธิ์เงินหมื่นคนอายุ 60+ ผ่านแอป “ทางรัฐ” ได้แล้ว

“จิรายุ” ย้ำเงินหมื่นเฟส 2 มอบคนอายุ 60+ รัฐบาลพร้อมโอนไม่มีเปลี่ยนแปลงแล้ววันจันทร์ที่ 27 ม.ค.นี้แน่นอน สามารถตรวจสอบสิทธิ์ผ่านแอป “ทางรัฐ” ได้แล้ววันนี้ ส่วนคนไม่มีสมาร์ทโฟนฝากลูกหลานช่วยด้วย

นายกฯหารือบริษัทยา

นายกฯ ถกบริษัทยา Astrazeneca พร้อมร่วมมือด้านวิจัยและพัฒนาในไทย

บริษัทยาระดับโลก Astrazeneca หารือ นายกฯ ยืนยันไทยยังเป็นพันธมิตรที่ดีมายาวนาน พร้อมร่วมมือด้านวิจัยและพัฒนาในไทยอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ นายกฯ มั่นใจการแพทย์ของไทยติดระดับในโลก ยืนยันหลายประเทศทั่วโลกบินมารักษาในประเทศไทยจำนวนมาก

ค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน

ค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน 60 จังหวัด สูงต่อเนื่องถึง 27 ม.ค.

กรมควบคุมมลพิษ เผยวันนี้ค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน 60 จังหวัด สูงต่อเนื่องถึง 27 ม.ค. ประสานทุกหน่วยงานยกระดับการแก้ไขปัญหา พร้อมเตือนประชาชนเฝ้าระวังสุขภาพและปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข