นนทบุรี 19 ก.พ. – กระทรวงพาณิชย์สรุปตัวเลขคาดการณ์ปี 61 ต่อการประชุมร่วมให้กับรองนายกรัฐมนตรียังเติบโตต่อเนื่องร้อยละ 8 ย้ำทุกตลาดยังมีโอกาสสูง ด้าน “สมคิด” เน้นย้ำทูตพาณิชย์ทำงานหนักขึ้น
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ได้ประเมินสถานการณ์การส่งออก หลังจากรับฟังข้อมูลการค้าจากทูตพาณิชย์ทั่วโลกแล้ว โดยตั้งเป้าหมายจะผลักดันการส่งออกปีนี้ให้ขยายตัวร้อยละ 8 มูลค่ากว่า 255,630 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แยกเป็นตลาดจีนและฮ่องกงโตร้อยละ 10 ตลาดยุโรป โตร้อยละ 5 รัสเซียโตร้อยละ 30 ตลาดเอเชียตะวันออก เช่น ไต้หวัน โตร้อยละ 7 ญี่ปุ่นโตร้อยละ 8 เกาหลีใต้โตร้อยละ 12 ตลาดอาเซียนโตร้อยละ 6.5 แยกเป็นอาเซียนบวก 5 โตร้อยละ 5.5 และ CLMV โตร้อยละ 6 ตลาดเอเชียใต้โตร้อยละ 8 ตลาดแอฟริกาโตร้อยละ 11 ตลาดตะวันออกกลางโตร้อยละ 5 ตลาดอเมริกาเหนือโตร้อยละ 7 และตลาดลาตินอเมริกาโตร้อยละ 3 โดยจะเน้นการผลักดันส่งออกไปเมืองรองและตลาดใหม่ โดยเฉพาะประทศจีนเพื่อเพิ่มมูลค่า และการส่งออกสินค้าผลไม้ตามยุทธศาสตร์ที่จะผลักดันให้ไทยเป็นมหานครผลไม้ของโลก
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อยากให้กระทรวงพาณิชย์เร่งผลักดันตามยุทธศาสตร์ที่เสนอมาเพื่อให้การส่งออกไม่ต่ำกว่า เป้าหมายที่กำหนดไว้ว่าจะขยายตัว ร้อยละ 8 ก็อยากให้กระทรวงพาณิชย์ทำให้ได้ตามที่ประกาศไว้ เพราะเชื่อว่าโอกาสเจาะตลาดของไทยทุกตลาดมีสูง และไม่อยากเห็นข้าราชการมักจะนั่งรอจะทำอะไรติดขัดไม่มีงบประมาณ กำลังคนไม่มี ซึ่งเคยกำชับหลายครั้ง หากกำลังคนไม่พอให้ทบทวนกำลังคนภายในหน่วยงานของกระทรวงมาใหม่ เพราะเชื่อว่าคนของกระทรวงพาณิชย์มีคุณภาพ ดังนั้น จะต้องสร้างนักรบคนรุ่นใหม่และส่งไปเจรจาค้าขายในกลุ่มประเทศต่าง ๆ ซึ่งทุกตลาดมีโอกาสที่จะเร่งขยายการค้าได้อย่างแน่นอน จึงอยากฝากให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมมือกับภาคเอกชนที่จะเดินหน้าขยายตลาด โดยเฉพาะจะต้องดึงกลุ่มภาคธุรกิจเอสเอ็มอีของไทยมีศักยภาพสูงที่จะเร่งขยายไปตลาดต่าง ๆ ทั่วโลกได้
อย่างไรก็ตาม มองว่าบทบาทและรูปแบบการทำงานของ สคร.ต่อจากนี้จะต้องทำงานเชิงรุกมากขึ้น และบูรณาการทำงานร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) สนับสนุนผู้ประกอบการเข้าไปลงทุนและให้เพิ่ม สคร.ทุกภูมิภาคในประเทศญี่ปุ่น และจีน รวมทั้งการเสริมกำลังคนใน ฮ่องกง ไต้หวัน และเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อสูง โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณางบประมาณและรูปแบบการจัดสรรบุคลากรเพิ่ม
ส่วนค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอาจทำให้ปีนี้การส่งออกของไทยอาจจะเจอปัญหานั้น เรื่องนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ดูแลอย่างเต็มที่ แต่คงจะไม่เข้าไปแทรกแซงมากเกินไป ซึ่งที่ผ่านมาเชื่อว่าทุกฝ่ายเข้าใจดี และกระทรวงการคลังโดยเฉพาะกรมสรรพากรกำลังศึกษาหามาตรการจูงใจ หากมีการส่งเงินปันผลในการลงทุนจากต่างประเทศกลับมาไทยมากขึ้นจะให้ลดหย่อนภาษีมากขึ้นและอีกหลายแนวทางด้วยกัน
นอกจากนี้ ยังมอบนโยบายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าและกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศร่วมมือในการนำเทคโนโลนีเข้ามาเพิ่มช่องทางการค้าในรูปแบบอี-คอมเมิร์ซ เพื่อให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีนำสินค้าเข้าไปขายได้จริง นอกเหนือจากการพาไปโรดโชว์และการจับคู่ธุรกิจ พร้อมทั้งจะต้องมีศูนย์ดาต้าเกี่ยวข้องด้านการค้า เพื่อเป็นข้อมูลเชื่อมโยงระหว่างหน่วยงานด้วยกัน และจะเป็นประโยชน์ในการเจาะตลาดการค้าอีกด้วย ดังนั้น ตนจะมีการประเมินผลงานของทุกหน่วยงาน ดังนั้น จึงขอให้ทุกฝ่ายลงมือทำอย่างจริงจังกันต่อไป.-สำนักข่าวไทย