สำนักงาน กกต.8 ก.พ.- “สมชัย” จี้จับตาความเห็นแย้งร่างกฎหมาย ส.ว.อาจนำไปสู่การยื้อเลือกตั้ง ไม่น้อยกว่า 6 เดือน
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตั้งประเด็นให้สังคมจับตา มองการทำความเห็นแย้งของ กรธ. เกี่ยวกับ พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. ว่า หาก กรธ.ทำความเห็นแย้งใน 3 ประเด็น คือ การจำแนกประเภทผู้สมัครเป็นสองกลุ่มคือ สมัครอิสระและเป็นตัวแทนองค์กร การลดกลุ่มอาชีพจาก 20 กลุ่ม เหลือ 10 กลุ่ม และประเด็นเปลี่ยนวิธีการเลือกไขว้ข้ามกลุ่มมาเป็นการเลือกในกลุ่มอาชีพเดียวกัน จะกลายเป็นประเด็นสำคัญ เพราะเท่ากับเกือบจะเป็นการต้องเปลี่ยนแปลงกฎหมายใหม่ ที่ สนช.ลงมติผ่านไปแล้วเกือบทั้งฉบับ เพราะการออกแบบเรื่องการแบ่งกลุ่มและการเลือกไขว้เป็นหัวใจของการออกแบบที่สำคัญที่สุดของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.ที่ กรธ.ออกแบบมา
นายสมชัย ยังระบุ หากที่ประชุมกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่าย จำนวน 11 คน ซึ่งประกอบด้วย กรธ. 5 คน สนช. 5 คน และประธาน กกต.อีก 1 คน กรธ.สามารถแสดงเหตุผลและโน้มน้าว ฝ่าย สนช. หรือ กกต.ได้เพิ่มเพียงแค่เสียงเดียว ก็สามารถโหวตชนะในประเด็นดังกล่าวได้ และต้องไปลงมติใน สนช.อีกครั้ง หาก สนช.ทั้งสภา ลงมติด้วยเสียง 2 ใน 3 ไม่เห็นด้วย พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. ก็จะตกไปทั้งฉบับ ต้องมีการยกร่างกันใหม่
“การยกร่างใหม่ ก็จะมีประเด็นว่า ใครจะเป็นผู้ร่าง ซึ่งโดยสิทธิเป็นหน้าที่ของ กรธ. แต่อาจมีผู้ขอให้ กรธ.แสดงสปิริตความรับผิดขอบต่อการยกร่างกฎหมายที่มีปัญหา อาจต้องตั้ง กรธ.ชุดใหม่ขึ้นยกร่าง ใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 เดือน เข้าสนช.อีก 60 วัน หากความเห็นเแย้งก็ต้องใช้เวลาอีกประมาณหนึ่งเดือน ซึ่งแปลว่า การเลือกตั้งได้ยืดออกไปหกเดือนเป็นอย่างน้อย สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เป็นไปได้ ดังนั้นต้องจับตาว่า กรธ.จะทำความเห็นแย้งเรื่องใด และ สนช.จะยืนยันความเห็นอย่างไร และหากมีการตั้งกรรมาธิการร่วมสามฝ่าย ประธาน กกต.ซึ่งเป็นเสียงเดียวจะเอนเอียงไปทางใด ทั้งหมดเป็นหนังตัวอย่าง หนังจริงสนุกกว่านี้”นายสมชัยกล่าว.-สำนักข่าวไทย