จุฬาฯจัดเวทีเสวนา เรื่องเพศในโรงเรียน

จุฬาฯ 6 ก.พ.-ในเวทีเสวนา”ปัญหาหรือตัณหา:ธรรมาภิบาลกับเรื่องเพศในโรงเรียนไทย” นักวิชาการการศึกษาชี้ปัญหาซ้ำซากเหตุวัฒนธรรมการเป็นใหญ่ในโรงเรียน ด้านนักกฎหมายเเนะสร้างมาตรฐานกระบวนการทำคดีทางเพศ ขณะที่ตัวเเทนสื่อชวนสื่ออย่าผลิตซ้ำสร้างทัศนคติเดิมให้คนในสังคม


จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจัดเวทีจุฬาฯ เสวนาครั้งที่10″ปัญหาหรือตัณหา :ธรรมาภิบาลกับเรื่องเพศในโรงเรียนไทย” เพื่อเป็นเวทีวิชาการสาธารณะ เผยแพร่องค์ความรู้จากนักวิชาการและผู้ทรงคุณวุฒิ เเละเเลกเปลี่ยนความเห็นเพื่อหาทางออกปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างครูเเละศิษย์ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเพศในโรงเรียน 


นายอรรถพล อนันตวรสกุล อาจารย์ประจำคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า เรื่องเหล่านี้ไม่เคยหายไปจากสังคมไทย มีการผลิตซ้ำเป็นประจำเเละไม่มีการเเก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม เด็กที่เป็นเหยื่อต้องยอมจำนนหรือเอาตัวรอดเอง เมื่อมองสถิติ 5 ปีที่ผ่านมา พบมีการฟ้องร้องเรื่องครูเเละเด็กกว่า  200 ราย เเต่มีครูที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาตเพียง 4ราย จังหวัดสมุทรสาครจังหวัดเดียวถึง 53 ราย เเต่ที่ไม่มีการฟ้อง ร้องมีจำนวนมาก


ส่วนสถิติทั่วโลกพบเด็กชาย 1 ใน 6 ถูกล่วงละเมิดทางเพศ เเละส่วนใหญ่ไม่กล้าออกมาเรียกร้อง ขณะที่เด็กหญิง 1 ใน 4 ถูกคุกคามเเละล่วงละเมิดทางเพศ ปัญหาทั้งหมดเป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง ตนมองว่าโรงเรียนคือสังคมจำลอง ฉายภาพอำนาจนิยมที่ชัดเจนในระบบการศึกษา ครู หรือ ผอ.เป็นใหญ่ เด็กมีอำนาจต่อรองน้อยโดยเฉพาะเมื่อเกิดเรื่องเพศ ปัญหาสะท้อนว่า เด็กต้องช่วยเหลือตัวเอง ครูหรือผู้ปกครองช่วยไม่ได้ ระบบตรวจสอบหรือการตั้งคณะกรรมการสอบสวนของส่วนกลางมีผลเเค่ไหน โรงเรียนอาจไม่ใช่สถานที่ปลอดภัยอีกต่อไป จึงควรเเก้วัฒนธรรมในโรงเรียนทั้งเรื่องค่านิยมชายหญิง สร้างสังคมใหม่ เคารพสิทธิการเเตะต้องเนื้อตัวของทุกคนให้ความสำคัญกับเสียงของเด็กหากเกิดปัญหาอย่าซุกใต้พรม ต้องเเก้ปัญหาจริงจัง โรงเรียนเตรียมความพร้อมให้เด็กมีทักษะชีวิต การปฏิเสธ ต่อรองสอนให้เด็กเข้าใจเเละปฏิบัติตามได้ ไม่ใช่เเค่สอนเเต่เด็กไม่เข้าใจ,ครูต้องมองว่าตัวเองมีหน้าที่มากว่าการสอนคือต้องเปลี่ยนเเปลงวัฒนธรรมในโรงเรียน ต้องสร้างเครือข่าย รับฟังความเห็น ดึงครูเเนะเเนวเเละด้านจิตวิทยาเข้ามาดูเเลเด็กมากขึ้น 

ด้านนางปารีณา ศรีวณิชย์  คณบดีคณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นตัณหาของมนุษย์ที่ทำให้เกิดปัญหาในสังคม เมื่อมองฐานความผิดทางเพศ อาทิ กระทำชำเรา กระทำอนาจาร พรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจาร เป็นต้น ในทางกฏหมายมุ่งเน้นคุ้มครองผู้เยาว์ ยิ่งอายุไม่ถึง 15 ปี ยิ่งมีการดูเเลอย่างเข้มข้น เเม้เด็กจะยินยอม ผู้ที่ล่วงละเมิดก็ต้องมีความผิด โดยเฉพาะครูที่กระทำทางเพศต่อศิษย์ ซึ่งอยู่ในการดูเเลเเต่ในทางการพิจารณาโทษ มีข้อกำหนดที่อาจจะทำให้การกระทำชำเราเป็นเพียงการละเมิด ซึ่งเป็นความผิดลหุโทษเท่านั้น ,คดีทางเพศเป็นคดีที่ยากในการดำเนินคดี ผู้ถูกกระทำกลัว อาย กังวลว่าหากลุกขึ้นมาสู้ สังคมจะมองว่าอย่างไร ยิ่งหากเกิดขึ้นกับเด็กยิ่งต้องดูเเลเด็กให้มากกว่าปกติ เรื่องนี้ทุกภาคส่วนต้องเปลี่ยนเเปลง ต้องมีมาตรฐานในการทำคดีเรื่องเพศ ทั้งในโรงเรียนการสอบครู การดูเเลเด็ก สถานีตำรวจ การสอบปากคำเด็ก ควรมีนักสังคมสงเคราะห์กรือนักจิตวิทยาดูเเลอย่างไรหรือโรงพยาบาล 

,การฟื้นฟูเยียวยาเหยื่อ กระบวนการบำบัดทำอย่างไร กระบวนการการศึกษาให้เด็กสามารถกลับไปใช้ชีวิตในสังคมหรือในโรงเรียน ด้านกฎหมายต้องคุ้มครองรอบด้านเเละรัดกุม ในต่างประเทศมีการขึ้นทะเบียนตัดโอกาสผู้กระทำความผิดทางเพศไม่ให้อยู่ในสถานศึกษา ขณะที่สื่อก็ต้องช่วยปรับทัศนคติของคนในสังคม ไม่ควรเปิดเผยตัวตน

ขณะที่น.ส.ณัฏฐา โกมลวาทิน บรรณาธิการข่าวสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส กล่าวว่า ในเเง่ของสื่อในการนำเสนอข่าว เรื่องนี้ละเอียดอ่อน ต้องใช้ความระมัดระวัง ไม่ผลิตซ้ำในเรื่องการละเมิดเด็กหรือทุกคนในสังคม นำเเสดงทัศนคติเดิมๆของคนในสังคม ที่เป็นความผิดของผู้หญิงเองที่ทำให้ตนเองเป็นเหยื่อก็จะทำให้เกิดปัญหาซ้ำๆในปัจจุบันสังคมออนไลน์มีความสำคัญ เเละอาจง่ายต่อการล่วงละเมิดทางเพศ ขณะเดียวกันอาจเป็นการช่วยรณรงค์หรือปรับเปลี่ยนทัศนคติในสังคม อย่างต่างประเทศ กรณี Weinstein Effect ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง ล่วงละเมิดผู้หญิงหลายราย จนดารานักเเสดงออกมาเรียกร้องเเละรณรงค์ ซึ่งได้ผลเป็นอย่างดี ดังนั้นสื่อควรคัดกรอง ทำงานเชิงลึกเเละไม่ทำให้ทุกการนำเสนอข่าวเป็นตราบาปที่ติดตัวเด็กไปตลอดชีวิต 

ส่วนนางจิตติมา ภาณุเดชะ มูลนิธิสร้างความเข้าใจเรื่องสุขภาพผู้หญิง กล่าวว่า เด็กส่วนใหญ่เมื่อเกิดปัญหาจะเล่าให้เพื่อนฟัง ตามมาคือพ่อเเม่เเละครู ขณะที่กระทรวงศึกษาธิการมีวิธีการทำงานยังรวมอยู่ที่ส่วนกลาง อีกทั้งไม่มีเเนวทางในการร้องเรียนเรื่องนี้หรือไม่มีหน่วยงานที่ดูเเลเเก้ปัญหาอย่างชัดเจน กระทรวงศึกษาฯ ต้องกล้าหาญที่จะมีนโยบาย ปล่อยให้โรงเรียนหรือพื้นที่ได้เเก้ปัญหาพร้อมทั้งต้องกล้าหาญทุ่มงบประมาณลงทุนพัฒนาบุคลากรอย่างเป็นระบบในการดูเเลเด็ก 

ขณะที่โรงเรียนต้องทำงานใน 3 ระบบได้เเก่ หลักสูตรวิชาในห้องเรียนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเพศ สร้างให้เกิดกระบวนการเรียนรู้สุขภาวะทางเพศให้ได้มากกว่าเพศศึกษา, สร้างให้เด็กเท่าทันความรู้สึกตัวเอง เท่าทันสังคมเเละเท่าทันความสัมพันธ์ เด็กต้องมีทักษะขอความช่วยเหลือเเละเด็กเข้าถึงความบริการความปลอดภัยเรื่องเพศ ,ระบบสภาพเเวดล้อม มีกล่องรับฟังความเห็น เเละการสร้างเครือข่ายในการดูเเลเด็กอย่างเป็นระบบ .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

ส่องความเสียหายน้ำท่วมหล่มสัก ชาวบ้านหวั่นท่วมซ้ำซาก

เพชรบูรณ์ 21 ก.ย. – แม้ว่าน้ำที่ท่วมชุมชนและย่านการค้าในเทศบาลเมืองหล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ จะลดลงจนเกือบเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว แต่ทิ้งความเสียหายเป็นวงกว้าง บ้านเรือนร้านค้าหลายร้อยหลังเจอน้ำท่วมซ้ำเป็นรอบที่ 2 ในช่วง 3 สัปดาห์ ทำให้ชาวบ้านกังวลหล่มสักจะกลายเป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก.-สำนักข่าวไทย

ไรเดอร์ร้องถูกชายอ้างเป็นตำรวจ ขี่รถประกบ-ข่มขู่

กทม. 21 ก.ย. – ไรเดอร์หนุ่ม สุดงง ถูกชายอ้างเป็นตำรวจสายสืบขี่รถตามประกบ ข่มขู่ดำเนินคดีเป็นไรเดอร์เถื่อน ขณะ สน.หนองแขม ยันไม่ใช่ตำรวจในสังกัด “ต๊ะ” ไรเดอร์วัย 27 ปี โพสต์คลิปบนเฟซบุ๊ก และนำมาร้องสื่อ โดยบอกว่า ชายคนนี้อ้างตัวเป็นตำรวจ ขี่รถมาประกบ และจอดขวางขณะกำลังขี่รถมาถึงปากซอยเพชรเกษม 81/5 เพื่อไปรับงานส่งลูกค้า ส่วนตอนคนที่อ้างเป็นตำรวจ เดินลงจากรถจักรยานยนต์ ก็อ้างว่าที่เรียกตรวจ เพราะเห็นว่าเป็นไรเดอร์ แต่ไม่มีกล่องใส่อาหารอยู่ท้ายรถ ซึ่งชายคนนี้ตามตัวมีครบทั้งวิทยุสื่อสาร ไฟฉาย และเสื้อที่ปักว่า “สืบ” มีอย่างเดียวที่ไม่เหมือนคือนิสัยที่ไม่เหมือนตำรวจ ทำให้ “ต๊ะ” ตัดสินใจถ่ายคลิปไว้ป้องกันตัวเอง เพราะเหตุเกิดขึ้นช่วงเที่ยงคืน หลังเกิดการโต้เถียงกัน สุดท้ายชายคนที่แอบอ้างเป็นตำรวจก็ไล่ “ต๊ะ” บอกจะไปไหนก็ไป เดี๋ยวโดนร้องเรียนเอง “ต๊ะ” จึงขี่รถกลับบ้านซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุ เพราะที่จะไปรับลูกค้าก็ไปไม่ได้แล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อขี่รถออกมา ชายที่อ้างตัวเป็นตำรวจยังขี่รถตามมา “ด่า” จนถึงปากซอยทางเข้าบ้าน แล้วก็ขี่รถฉีกออกไปมุ่งหน้าไปทางอ้อมใหญ่ ทำให้ “ต๊ะ” ค่อนข้างมั่นใจว่า ชายคนนี้ไม่ใช่ตำรวจ […]

“อนุทิน” ขึ้นรถอีแต๊ก ยกทัพภูมิใจไทย หาเสียงรอบตลาดภูสิงห์

ศรีสะเกษ 21 ก.ย.-“อนุทิน” ขึ้นรถอีแต๊ก ยกทัพภูมิใจไทย หาเสียงรอบตลาดภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ พร้อมขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ประเทศ มั่นใจชนะแน่ ไม่ต้องรบกวนให้ท่านช่วย ด้าน “จ๋า ธนนนท์” ภรรยา ขอสานฝันวัยเด็ก อยากเป็นนางงามขึ้นรถแห่ช่วยหาเสียง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ภายหลังจากเสร็จสิ้นการปราศรัยช่วยหาเสียงให้ นางสาวจินณ์ตวรรณ ไตรสรณกุล หรือครูอีฟ ผู้สมัคร สส.ภูมิใจไทย ในการเลือกตั้งซ่อม สส.ศรีสะเกษ เขต 5 ได้ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำอำเภอภูสิงห์ อาทิ เทพารักษ์ ศาลหลักเมืองประจำอำเภอ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ได้ขอพรอะไรกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ นายอนุทิน เผยว่า ได้ขอพรให้ประเทศไทยร่มเย็นเป็นสุข เข้มแข็ง มีแต่ชัยชนะ ประชาชนอยู่ดีกินดี จริงๆ ก็ขอแค่นี้ เมื่อถามว่าได้ขอพรให้ชนะเลือกตั้งซ่อมหรือไม่ นายอนุทิน เผยด้วยความมั่นใจว่า ภูมิใจไทยชนะ ไม่รบกวนท่าน ไม่รบกวนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ถ้าจะขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ขอให้ประเทศไทยเข้มแข็ง ขอให้ประชาชนอยู่ดีมีสุขแค่นี้ ต่อมานายอนุทิน ได้เดินหาเสียงที่ตลาดภูสิงห์ ช่วยนางสาวจินณ์ตวรรณ […]

ทบ.ชี้ข้อมูลหลักเขตแดนที่ 42-43 เป็นไปตามกรอบ JBC

กทม. 21 ก.ย.-กองทัพบก ชี้ข้อมูลหลักเขตแดนที่ 42-43 เป็นไปตามกรอบ JBC พร้อมเรียกร้องกัมพูชาหยุดบิดเบือนความจริง และให้ชาวกัมพูชาที่รุกล้ำเขตไทยย้ายออกนอกพื้นที่ กรณีสำนักงานเลขาธิการว่าด้วยกิจการชายแดนกัมพูชา แถลงการณ์เมื่อ 21 ก.ย. 68 ว่า “พบการเผยแพร่ข้อมูลผ่านบัญชี Facebook Page ชื่อ “Royal Thai Army: Update” เมื่อ 19 กันยายน 2568 โดยใช้แผนผังที่แสดงลักษณะภูมิศาสตร์และตำแหน่งหลักเขตแดน ซึ่งเป็นบันทึกการประชุมลงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2017 (พ.ศ. 2560) และภาคผนวกของบันทึกการประชุมลงวันที่ 28 ธันวาคม 2016 (พ.ศ. 2559) ของคณะกรรมการรังวัดร่วมกัมพูชา–ไทย ซึ่งเป็นผลจากการสำรวจหาตำแหน่งที่แท้จริงของหลักเขตแดนหมายเลข 42 และหมายเลข 43 ในพื้นที่หมู่บ้านไปรจัน โดยมีการบิดเบือนให้เข้าใจผิดไปว่า คณะผู้บริหารของสำนักงานเลขาธิการว่าด้วยกิจการพรมแดน (ฯพณฯ ลาย เซียงลี) ได้ลงนามยอมรับเส้นเขตแดนอย่างเป็นทางการในพื้นที่หมู่บ้านไปรจัน ซึ่งอยู่ระหว่างหลักเขตแดนหมายเลข 42 และหมายเลข […]