จุฬาฯจัดเวทีเสวนา เรื่องเพศในโรงเรียน

จุฬาฯ 6 ก.พ.-ในเวทีเสวนา”ปัญหาหรือตัณหา:ธรรมาภิบาลกับเรื่องเพศในโรงเรียนไทย” นักวิชาการการศึกษาชี้ปัญหาซ้ำซากเหตุวัฒนธรรมการเป็นใหญ่ในโรงเรียน ด้านนักกฎหมายเเนะสร้างมาตรฐานกระบวนการทำคดีทางเพศ ขณะที่ตัวเเทนสื่อชวนสื่ออย่าผลิตซ้ำสร้างทัศนคติเดิมให้คนในสังคม


จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจัดเวทีจุฬาฯ เสวนาครั้งที่10″ปัญหาหรือตัณหา :ธรรมาภิบาลกับเรื่องเพศในโรงเรียนไทย” เพื่อเป็นเวทีวิชาการสาธารณะ เผยแพร่องค์ความรู้จากนักวิชาการและผู้ทรงคุณวุฒิ เเละเเลกเปลี่ยนความเห็นเพื่อหาทางออกปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างครูเเละศิษย์ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเพศในโรงเรียน 


นายอรรถพล อนันตวรสกุล อาจารย์ประจำคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า เรื่องเหล่านี้ไม่เคยหายไปจากสังคมไทย มีการผลิตซ้ำเป็นประจำเเละไม่มีการเเก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม เด็กที่เป็นเหยื่อต้องยอมจำนนหรือเอาตัวรอดเอง เมื่อมองสถิติ 5 ปีที่ผ่านมา พบมีการฟ้องร้องเรื่องครูเเละเด็กกว่า  200 ราย เเต่มีครูที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาตเพียง 4ราย จังหวัดสมุทรสาครจังหวัดเดียวถึง 53 ราย เเต่ที่ไม่มีการฟ้อง ร้องมีจำนวนมาก


ส่วนสถิติทั่วโลกพบเด็กชาย 1 ใน 6 ถูกล่วงละเมิดทางเพศ เเละส่วนใหญ่ไม่กล้าออกมาเรียกร้อง ขณะที่เด็กหญิง 1 ใน 4 ถูกคุกคามเเละล่วงละเมิดทางเพศ ปัญหาทั้งหมดเป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง ตนมองว่าโรงเรียนคือสังคมจำลอง ฉายภาพอำนาจนิยมที่ชัดเจนในระบบการศึกษา ครู หรือ ผอ.เป็นใหญ่ เด็กมีอำนาจต่อรองน้อยโดยเฉพาะเมื่อเกิดเรื่องเพศ ปัญหาสะท้อนว่า เด็กต้องช่วยเหลือตัวเอง ครูหรือผู้ปกครองช่วยไม่ได้ ระบบตรวจสอบหรือการตั้งคณะกรรมการสอบสวนของส่วนกลางมีผลเเค่ไหน โรงเรียนอาจไม่ใช่สถานที่ปลอดภัยอีกต่อไป จึงควรเเก้วัฒนธรรมในโรงเรียนทั้งเรื่องค่านิยมชายหญิง สร้างสังคมใหม่ เคารพสิทธิการเเตะต้องเนื้อตัวของทุกคนให้ความสำคัญกับเสียงของเด็กหากเกิดปัญหาอย่าซุกใต้พรม ต้องเเก้ปัญหาจริงจัง โรงเรียนเตรียมความพร้อมให้เด็กมีทักษะชีวิต การปฏิเสธ ต่อรองสอนให้เด็กเข้าใจเเละปฏิบัติตามได้ ไม่ใช่เเค่สอนเเต่เด็กไม่เข้าใจ,ครูต้องมองว่าตัวเองมีหน้าที่มากว่าการสอนคือต้องเปลี่ยนเเปลงวัฒนธรรมในโรงเรียน ต้องสร้างเครือข่าย รับฟังความเห็น ดึงครูเเนะเเนวเเละด้านจิตวิทยาเข้ามาดูเเลเด็กมากขึ้น 

ด้านนางปารีณา ศรีวณิชย์  คณบดีคณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นตัณหาของมนุษย์ที่ทำให้เกิดปัญหาในสังคม เมื่อมองฐานความผิดทางเพศ อาทิ กระทำชำเรา กระทำอนาจาร พรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจาร เป็นต้น ในทางกฏหมายมุ่งเน้นคุ้มครองผู้เยาว์ ยิ่งอายุไม่ถึง 15 ปี ยิ่งมีการดูเเลอย่างเข้มข้น เเม้เด็กจะยินยอม ผู้ที่ล่วงละเมิดก็ต้องมีความผิด โดยเฉพาะครูที่กระทำทางเพศต่อศิษย์ ซึ่งอยู่ในการดูเเลเเต่ในทางการพิจารณาโทษ มีข้อกำหนดที่อาจจะทำให้การกระทำชำเราเป็นเพียงการละเมิด ซึ่งเป็นความผิดลหุโทษเท่านั้น ,คดีทางเพศเป็นคดีที่ยากในการดำเนินคดี ผู้ถูกกระทำกลัว อาย กังวลว่าหากลุกขึ้นมาสู้ สังคมจะมองว่าอย่างไร ยิ่งหากเกิดขึ้นกับเด็กยิ่งต้องดูเเลเด็กให้มากกว่าปกติ เรื่องนี้ทุกภาคส่วนต้องเปลี่ยนเเปลง ต้องมีมาตรฐานในการทำคดีเรื่องเพศ ทั้งในโรงเรียนการสอบครู การดูเเลเด็ก สถานีตำรวจ การสอบปากคำเด็ก ควรมีนักสังคมสงเคราะห์กรือนักจิตวิทยาดูเเลอย่างไรหรือโรงพยาบาล 

,การฟื้นฟูเยียวยาเหยื่อ กระบวนการบำบัดทำอย่างไร กระบวนการการศึกษาให้เด็กสามารถกลับไปใช้ชีวิตในสังคมหรือในโรงเรียน ด้านกฎหมายต้องคุ้มครองรอบด้านเเละรัดกุม ในต่างประเทศมีการขึ้นทะเบียนตัดโอกาสผู้กระทำความผิดทางเพศไม่ให้อยู่ในสถานศึกษา ขณะที่สื่อก็ต้องช่วยปรับทัศนคติของคนในสังคม ไม่ควรเปิดเผยตัวตน

ขณะที่น.ส.ณัฏฐา โกมลวาทิน บรรณาธิการข่าวสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส กล่าวว่า ในเเง่ของสื่อในการนำเสนอข่าว เรื่องนี้ละเอียดอ่อน ต้องใช้ความระมัดระวัง ไม่ผลิตซ้ำในเรื่องการละเมิดเด็กหรือทุกคนในสังคม นำเเสดงทัศนคติเดิมๆของคนในสังคม ที่เป็นความผิดของผู้หญิงเองที่ทำให้ตนเองเป็นเหยื่อก็จะทำให้เกิดปัญหาซ้ำๆในปัจจุบันสังคมออนไลน์มีความสำคัญ เเละอาจง่ายต่อการล่วงละเมิดทางเพศ ขณะเดียวกันอาจเป็นการช่วยรณรงค์หรือปรับเปลี่ยนทัศนคติในสังคม อย่างต่างประเทศ กรณี Weinstein Effect ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง ล่วงละเมิดผู้หญิงหลายราย จนดารานักเเสดงออกมาเรียกร้องเเละรณรงค์ ซึ่งได้ผลเป็นอย่างดี ดังนั้นสื่อควรคัดกรอง ทำงานเชิงลึกเเละไม่ทำให้ทุกการนำเสนอข่าวเป็นตราบาปที่ติดตัวเด็กไปตลอดชีวิต 

ส่วนนางจิตติมา ภาณุเดชะ มูลนิธิสร้างความเข้าใจเรื่องสุขภาพผู้หญิง กล่าวว่า เด็กส่วนใหญ่เมื่อเกิดปัญหาจะเล่าให้เพื่อนฟัง ตามมาคือพ่อเเม่เเละครู ขณะที่กระทรวงศึกษาธิการมีวิธีการทำงานยังรวมอยู่ที่ส่วนกลาง อีกทั้งไม่มีเเนวทางในการร้องเรียนเรื่องนี้หรือไม่มีหน่วยงานที่ดูเเลเเก้ปัญหาอย่างชัดเจน กระทรวงศึกษาฯ ต้องกล้าหาญที่จะมีนโยบาย ปล่อยให้โรงเรียนหรือพื้นที่ได้เเก้ปัญหาพร้อมทั้งต้องกล้าหาญทุ่มงบประมาณลงทุนพัฒนาบุคลากรอย่างเป็นระบบในการดูเเลเด็ก 

ขณะที่โรงเรียนต้องทำงานใน 3 ระบบได้เเก่ หลักสูตรวิชาในห้องเรียนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเพศ สร้างให้เกิดกระบวนการเรียนรู้สุขภาวะทางเพศให้ได้มากกว่าเพศศึกษา, สร้างให้เด็กเท่าทันความรู้สึกตัวเอง เท่าทันสังคมเเละเท่าทันความสัมพันธ์ เด็กต้องมีทักษะขอความช่วยเหลือเเละเด็กเข้าถึงความบริการความปลอดภัยเรื่องเพศ ,ระบบสภาพเเวดล้อม มีกล่องรับฟังความเห็น เเละการสร้างเครือข่ายในการดูเเลเด็กอย่างเป็นระบบ .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง นายก อบจ.อุบลฯ เดือด ส่งท้ายปี

ใกล้เข้ามาทุกขณะสำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคมนี้ ซึ่งถือเป็นสนามเลือกตั้งท้องถิ่นขนาดใหญ่ส่งท้ายปีนี้ การแข่งขันดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครต่างเร่งหาเสียงกันอย่างเต็มที่ โดยมีผู้สมัคร 4 คน ลงชิงชัย ไปติดตามบรรยากาศโค้งสุดท้ายว่าใครจะเป็นผู้คว้าชัย

ทอ.ส่ง F-16 ขึ้นบินป้องน่านฟ้า หลังมีอากาศยานไม่ทราบฝ่าย เหนือชายแดนไทย-เมียนมา

กองทัพอากาศส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 ขึ้นบิน เพื่อพิสูจน์ฝ่ายและสกัดกั้นอากาศยานไม่ทราบฝ่าย บริเวณแนวชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก

อุตุฯ เผยอีสาน-เหนือ อากาศหนาว กทม.อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย

กรมอุตุฯ เผยภาคอีสาน ภาคเหนือ มีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ตอนบน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็น

lightened Christmas tree in front of U.S. Capitol

รู้จัก “ชัตดาวน์” ของสหรัฐและผลกระทบ

วอชิงตัน 20 ธ.ค.- หน่วยงานจำนวนมากของรัฐบาลสหรัฐเสี่ยงต้องปิดทำการชั่วคราว หรือที่เรียกว่า กัฟเวิร์นเมนต์ ชัตดาวน์ (government shutdown) หลังผ่านพ้นเที่ยงคืนวันนี้ (20 ธันวาคม) ตามเวลาสหรัฐ หากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ทันเวลา หลังจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณฉบับใหม่เมื่อวานนี้ สาเหตุที่เสี่ยงชัตดาวน์ ปกติแล้วรัฐสภาสหรัฐ ซึ่งประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาจะต้องจัดสรรงบประมาณให้แก่หน่วยงานรัฐบาลกลางทั้งหมด 438 แห่งก่อนวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี แต่ที่ผ่านมาสมาชิกรัฐสภามักทำไม่ได้ตามกำหนดเวลา และมักผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวเพื่อให้หน่วยงานรัฐบาลสามารถดำเนินการได้ต่อไปในระหว่างที่สมาชิกรัฐสภาหารือกันเพื่อผ่านร่างงบประมาณจริง ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุเมื่อเข้าสู่เช้าวันเสาร์ตามเวลาสหรัฐ สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตเตรียมร่างกฎหมายที่จะขยายเวลาไปจนถึงวันที่ 14 มีนาคม 2568 แต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันลงมติไม่เห็นด้วย และเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณที่เสนอใหม่ ดังนั้นหากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ก่อนที่ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุ ก็จะเกิดการชัตดาวน์ เพดานหนี้ที่ทรัมป์ต้องการให้แก้ นายทรัมป์ยังต้องการให้สมาชิกรัฐสภาแก้ปัญหาเรื่องการกำหนดเพดานหนี้ประเทศให้รัฐบาลสามารถกู้ยืมได้มากขึ้น ก่อนที่เขาจะสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 มกราคม 2568 รัฐสภาสหรัฐเป็นผู้กำหนดเพดานหนี้สาธารณะที่อนุญาตให้รัฐบาลก่อหนี้ แต่เนื่องจากรัฐบาลมักใช้จ่ายมากกว่ารายได้ที่ได้จากการจัดเก็บภาษี สมาชิกรัฐสภาจึงต้องคอยแก้ปัญหานี้เป็นครั้งคราว รัฐสภาสหรัฐกำหนดเพดานหนี้สาธารณะครั้งแรกในปี 2482 โดยกำหนดไว้ที่ 45,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.55 ล้านล้านบาทในปัจจุบัน) และนับจากนั้นเป็นต้นมาได้ขยายเพดานหนี้แล้วทั้งหมด 103 […]

ข่าวแนะนำ

ฟรีคอนเสิร์ต “มหานครคัลเลอร์ฟูลปาร์ตี้ 2025” ส่งสุขรับปีใหม่

ส่งความสุขรับปีใหม่ กับฟรีคอนเสิร์ต “มหานครคัลเลอร์ฟูลปาร์ตี้ 2025” ศิลปินลูกทุ่งเกือบ 100 ชีวิต ร่วมโชว์จัดเต็ม

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลฯ “กานต์” ส่อเข้าป้าย

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี “กานต์” หมายเลข 1 จากเพื่อไทย ส่อเข้าป้าย ด้าน ปชน. แถลงยอมรับยังไม่เป็นที่ไว้วางใจ ส่วนอุตรดิตถ์ “ชัยศิริ” อดีตนายก อบจ. ส่อเข้าวิน

เด้ง ตร.จราจร ปมคลิปรับเงินแลกไม่เขียนใบสั่ง

ผบก.ภ.จว.นนทบุรี สั่งย้าย “รอง สว.จร.สภ.รัตนาธิเบศร์” เซ่นคลิปรับเงินแลกไม่ออกใบสั่ง พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงภายใน 3 วัน ด้านเจ้าตัวอ้างไม่เห็นเงินที่วางบนโต๊ะในตู้ควบคุมสัญญาณไฟจราจร