ครม.ไฟเขียวขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 5-22 บาท

ทำเนียบฯ 30 ม.ค. – ครม.รับทราบการปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำ 5-22 บาทต่อวัน มีผล 1 เมษายน 61 หลายหน่วยงานร่วมออก 3 มาตรการ บรรเทาผลกระทบเอสเอ็มอี นายกรัฐมนตรีกำชับดูแลราคาสินค้าห้ามแพงเกินจริง 


นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบการกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำตามที่คณะกรรมการค่าจ้างประกาศให้ปรับเพิ่มขึ้น 5-22 บาทต่อวัน หรือตั้งแต่ 308-330 บาทต่อวัน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2561 ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงออก 3 มาตรการบรรเทาผลกระทบผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เพราะเห็นว่าสัดส่วนที่ปรับเพิ่มขึ้นเอกชนรายใหญ่ยังพอรับภาระได้ ซึ่งข้อเสนอดังกล่าวเป็นความเห็นจากทั้ง 3 ฝ่ายได้ข้อยุติร่วมกัน 

สำหรับกระทรวงการคลังออกมาตรการภาษี เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำ กำหนดให้นายจ้างนำรายจ่ายค่าจ้างรายวันที่จ่ายให้ลูกจ้างมาหักลดหย่อนภาษีในการคำนวนกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้ 1.15 เท่า จากมาตรการเดิมหักลดหย่อน 1 เท่า บังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน – 31 ธันวาคม 2561 โดยมีเงื่อนไข คือ บริษัทและห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีรายได้จากการขายสินค้าและให้บริการในรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกิน 100 ล้านบาท และมีการจ้างแรงงานไม่เกิน 200 คน รวมทั้งอัตราค่าจ้างรายวันที่จ่ายจะต้องสูงกว่าอัตราค่าจ้างรายวันเดิม มาตรการดังกล่าวรัฐบาลเสียรายได้ 5,400 ล้านบาทต่อปี แต่จะเป็นการลดภาระรายจ่ายและเพิ่มการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี นับว่าเป็นการช่วยลดภาระคนละครึ่งระหว่างเอกชนและรัฐบาลประมาณ 9-10 บาท 


ส่วนกระทรวงอุตสาหกรรมออกมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการบริหารธุรกิจเอสเอ็มอี ในการลดผลกระทบจากการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ หวังให้เอสเอ็มอีสามารถดำเนินธุรกิจต่อไป โดยมีผลิตภาพเพิ่มขึ้น สามารถลดค่าใช้จ่ายของกิจการ เพื่อไปชดเชยภาระค่าแรงที่เพิ่มขึ้น เพิ่มศักยภาพของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้มีขีดความสามารถในการดำเนินธุรกิจ กำหนดระยะเวลาดำเนินโครงการปี 2561-2563 ใช้งบประมาณรวม 5,000 ล้านบาท โดยปี 2561 จะเริ่มตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-กันยายน ใช้งบประมาณ 500 ล้านบาท ปี 2562 ใช้งบ 2,500 ล้านบาท และปี 2563 ใช้งบ 2,000 ล้านบาท ด้วยการส่งคณะทำงาน ประกอบด้วย ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคการศึกษา และสถาบันการเงิน ที่มีบทบาทหน้าที่ส่งเสริมเอสเอ็มอี ลงพื้นที่เพื่อวิเคราะห์สภาพปัญหา กำหนดแนวทาง และหลักเกณฑ์ผู้เข้าร่วมโครงการ 

โดยจะเปิดรับสมัครและคัดเลือกสถานประกอบการเข้าร่วมโครงการ พร้อมจัดสัมมนาชี้แจงแนวทางการดำเนินการ, จัดทำฐานข้อมูลโครงการ, สำรวจสถานประกอบการ ตลอดจนจัดฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ ทั้งนี้เบื้องต้นกำหนดเอสเอ็มอีเป้าหมาย โดยจังหวัดขนาดใหญ่ 25 จังหวัด จังหวัดละ 100 กิจการ, จังหวัดขนาดกลาง 33 จังหวัด จังหวัดละ 60 กิจการ และ จังหวัดขนาดเล็ก 19 จังหวัด จังหวัดละ 28 กิจการ ทั้งนี้กระทรวงอุตสาหกรรมคาดว่าการปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำปี 2561 จะกระทบทางตรงต่อต้นทุนของเอสเอ็มอีเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5-1 ของต้นทุนทั้งหมด แต่เอสเอ็มอีที่เข้าร่วมโครงการจะสามารถลดต้นทุนได้ร้อยละ 10  เพื่อช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายหรือลดต้นทุนได้ร้อยละ 3-5 ของต้นทุนรวมทั้งหมด คาดว่าภายใน 3 ปี มีกลุ่มเป้าหมายเอสเอ็มอี 50,000 กิจการ และบุคลากรเอสเอ็มอีได้รับการถ่ายทอดความรู้ 250,000 คน 

สำหรับมาตรการที่ 3 สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ออกมาตรการลดผลกระทบจากการลดการใช้แรงงาน โดยแบ่งเป็น 2 มาตรการ คือ มาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตเพื่อปรับเปลี่ยนเครื่องจักร โดยสามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้ร้อยละ 50 ของราคาเครื่องจักร และการปรับปรุงมาตรการให้สิทธิและประโยชน์เพิ่ม เพื่อพัฒนาความสามารถจากการแข่งขันเดิมของปี 2557 โดยจะขยายให้ครอบคลุมการอบรมบุคลากรให้มีทักษะเพิ่มขึ้น โดยการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ 2 เท่า ของเงินลงทุนหรือค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเป็นระยะเวลา 3 ปี  มาตรการลงทุนจากเดิมช่วยเหลือด้านวิจัยและพัฒนา เทคโนโลยีชั้นสูง วัตถุดิบ บรรจุภัณฑ์ ขยายเพิ่มเป็น ด้าน Big Daata, Internet ได้รับยกเว้นภาษี 2 เท่าเช่นเดียวกัน


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กำชับในที่ประชุม ครม.มอบหมายให้หน่วยงานต่าง ๆ เร่งหามาตรการช่วยเหลือร้านค้าและผู้ประกอบการขนาดเล็ก เพื่อลดผลกระทบที่จะได้รับจากการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ ก่อนการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำจะมีผลบังคับใช้ไม่ให้ฉวยโอากาสเพิ่มราคาสินค้าสูงเกินจริง เพราะค่าแรงปรับเพิ่มขึ้นสัดส่วนน้อยมาก เพื่อไม่ให้ผู้บริโภคได้รับผลกระทบ. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบช.น.ยอมรับการอบรมอาสาตำรวจให้คนจีนมีจริง-ตร.แค่เป็นวิทยากร

ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยอมรับการอบรมอาสาตำรวจให้กับคนจีนมีจริง แต่เจ้าของโครงการ ไม่ใช่ตำรวจนครบาล 3 เพียงแต่ถูกเชิญไปเป็นวิทยากรเท่านั้น ส่วนเจ้าของโครงการ เป็นมหาวิทยาลัยชื่อดังย่านฝั่งธนบุรี

ชายวัย 53 เมาคว้าปืนลูกซองยิงเพื่อนบ้านวัย 60 ดับ ฉุนฉลองปีใหม่

ชายวัย 53 ปี อารมณ์ร้อน คว้าปืนลูกซองยิงชายวัย 60 ปี เสียชีวิต ฉุนนั่งย่างเนื้อให้ลูกๆ ที่กลับมาเยี่ยมบ้านฉลองปีใหม่

ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ

นึกว่าแจกฟรี ก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋น เมืองเชียงใหม่

เอาใจสายเนื้อ ขึ้นเหนือไปกินก๋วยเตี๋ยวเนื้อ ย่านถนนราชดำเนิน กลางเมืองเชียงใหม่ ขายดิบขายดี นึกว่าแจกฟรี ลูกค้าต่อแถวยาวเหยียด

ข่าวแนะนำ

กต.เผยเมียนมาปล่อยตัวนักโทษไทย 152 คน-ไม่มี 4 ลูกเรือประมงไทย

กระทรวงการต่างประเทศ เผยเมียนมาปล่อยตัวนักโทษชาวไทย 152 คน แต่ยังไม่มี 4 ลูกเรือประมง ยืนยันพยายามอย่างเต็มที่

นายหน้าลอยแพ 250 แรงงานไทย ไร้ตั๋วบินทำงานต่างประเทศ

ฝันสลาย แรงงานไทย 250 ชีวิต เหมารถมาสนามบินเก้อ หวังได้ไปทำงานในต่างประเทศ สุดท้ายไม่มีตั๋วบิน รวมตัวแจ้งความตำรวจ หวั่นถูกหลอกสูญเงินกว่า 12 ล้านบาท

ตร.-ผอ.รพ.แจงวิสามัญผู้ป่วยคลั่ง ทำตามยุทธวิธี

ตำรวจ-รพ. แถลงเหตุวิสามัญผู้ป่วยไส้ติ่งอักเสบ คลั่งกลาง รพ.สุรินทร์ ตำรวจแจงทำตามยุทธวิธี แต่ผู้ป่วยมีอาการคลั่ง ไม่สงบ จึงจำเป็นต้องใช้อาวุธปืนยิงเพื่อระงับเหตุ ด้าน รพ. เผยเหตุดังกล่าวเกือบเสียคนไข้อีกคน ส่วนกล้องวงจรปิด พบว่าใช้การไม่ได้ อยู่ระหว่างการเปลี่ยน

เพลิงไหม้โรงงานผลิตเม็ดพลาสติก เสียหายไม่ต่ำกว่า 10 ล้าน

ไฟไหม้โรงงานผลิตเม็ดพลาสติกสำเร็จรูป อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร จนท.ใช้เวลาเกือบ 1 ชั่วโมง จึงควบคุมเพลิงได้ คาดเสียหายไม่ต่ำกว่า 10 ล้าน