คดี 6 รุ่นพี่ล่วงละเมิดทางเพศรุ่นน้อง ม.1

ชุมพร 27 ม.ค.61- คดีผู้ปกครองแจ้งความกรณีนักเรียนสาวชั้น ม.1 จำนวน 3 คน ถูก 6 นักเรียนชายรุ่นพี่ร่วมอนาจารที่รีสอร์ตแห่งหนึ่ง ในอำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร 


ความคืบหน้าคดีนักเรียนรุ่นพี่ 6 คน ล่วงละเมิดทางเพศนักเรียนรุ่นน้อง ม.1 ที่จังหวัดชุมพร เมื่อวานนี้ (26 ม.ค.61) พล.ต.ต.สนธิชัย อาวัฒนกุลเทพ ผบก.ภ.จ.ชุมพร ลงพื้นที่ สภ.หลังสวน เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีเด็กนักเรียนรุ่นพี่ 6 คน ล่วงละเมิดทางเพศเด็กนักเรียนหญิงรุ่นน้อง โดยเชิญผู้ปกครอง 3 คน และเด็กนักเรียนหญิงชั้น ม.2 ทั้ง 3 คน เข้าพูดคุยทำความเข้าใจ ถึงขั้นตอนการทำงานของตำรวจ เนื่องจากเป็นคดีเด็กและเยาวชน ต้องมีฝ่ายสหวิชาชีพและหน่วยงานเกี่ยวข้องร่วมกันสอบปากคำเด็กทั้งหมด พร้อมกับกำชับให้ตำรวจทำงานอย่างตรงไปตรงมาตามพยานหลักฐานและข้อเท็จจริง ซึ่งทั้งผู้ปกครองและเด็กนักเรียนผู้เสียหายทั้งต่างก็เข้าใจกันด้วยดี  รวมทั้งเชิญผู้อำนวยการโรงเรียน ครูฝ่ายปกครองเข้าให้ข้อเท็จจริง 

จากแนวทางการสืบสวนสอบสวนและจากการรวบรวมพยานหลักฐาน พยานบุคคลทั้งจากฝ่ายผู้เสียหาย ฝ่ายผู้ก่อเหตุ และครู อาจารย์ ของโรงเรียนดังกล่าวพบว่า วันเกิดเหตุทางโรงเรียนได้มีการกวดขันเรื่องระเบียบวินัยนักเรียน ทั้งการแต่งกายและทรงผม ทำให้นักเรียนชาย หญิงจำนวนหนึ่งมีทั้งรุ่นน้องรุ่นพี่จำนวน 17 คน ต่างพากันหลบหนีไม่เข้าโรงเรียนเนื่องจากกลัวถูกทำโทษทางวินัย แต่ละกลุ่มก็ได้ชักชวนกันไปอยู่ตามสถานที่ต่างๆ ซึ่งไม่ได้ไปรวมอยู่ที่เดียวกันทั้ง 17 คน แต่กลุ่มนักเรียนที่ก่อเหตุได้แยกกันไปเช่าห้องพักของโรงแรมรวม 9 คน ซึ่งอยู่ห้องเดียวกันเป็นชาย 5 คน หญิง 4 คน บางคนก็เข้าไปเล่นเกมโทรศัพท์มือถือ แต่นักเรียนชายบางคนในกลุ่มมีพฤติกรรมหยอกล้อลวนลามอนาจารนักเรียนหญิงบางคน โดยมีเพื่อนที่ถูกจับกุมทั้ง 6 คน พูดจายุยงส่งเสริมด้วยความสนุกสนานคึกคะนอง จนกระทั่งรู้ถึงผู้ปกครองและไปแจ้งความดำเนินคดี จนเป็นข่าวเกิดขึ้นดังกล่าว ยืนยันมีผู้ก่อเหตุเพียง 6 คน ไม่ได้มากถึง 17 คน ตามที่เป็นข่าว 


ส่วนนักเรียนชาย 5 คน นักเรียนหญิง 1 คน ที่ก่อเหตุ ก็ได้แจ้งข้อกล่าวหานำตัวส่งศาลเด็กและครอบครัวจังหวัดชุมพรไปแล้ว ซึ่งศาลได้อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว และตนได้สั่งกำชับพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีไปตามข้อเท็จจริง ผิดถูกว่ากันไปตามพยานหลักฐาน และให้จัดกำลังเจ้าหน้าที่คอยให้ความคุ้มครองผู้ปกครองและนักเรียนผู้เสียหายทั้งหมดด้วยเพื่อให้เกิดความสบายใจ

นางสาววัลภา แก้วสวี พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.ชุมพร เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่สอบปากคำนักเรียนหญิงทั้ง 3 คน ซึ่งเป็นผู้เสียหาย ต่อหน้าผู้ปกครองและทางตำรวจ โดยนักเรียนหญิงทั้งสามให้การตรงกันว่า วันเกิดเหตุหนีเรียนมาหาแฟน ที่ห้องเช่ารีสอร์ตดังกล่าว โดยเพื่อนหญิงไปด้วย 2 คน เมื่อมาถึงก็ได้เข้าไปอยู่ในห้องเดียวกันหลายคน โดยมีการหยอกล้อกันบนพื้นห้อง มีหอมแก้ม และจูบกันเท่านั้น และอยู่ในเสื้อผ้าที่ปกปิดมิดชิด และไม่ได้ทำเกินไปกว่านี้

นางสาววัลภา แก้วสวี พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.ชุมพร กล่าวว่า ผู้ปกครองนำตัวผู้เสียหายไปให้แพทย์ทำการตรวจช่องคลอด ซึ่งผลก็พบว่าไม่มีการล่วงละเมิดทางเพศแต่อย่างใด แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเป็นคดีแล้วก็ต้องไปพิสูจน์กันในชั้นศาลต่อไปว่านักเรียนผู้ที่ตกเป็นผู้ต้องหาจะผิดถูกอย่างไร


ขณะที่ผู้ปกครองของนักเรียน 6 คนเป็นนักเรียนชาย 5 คนและนักเรียนหญิง 1 คน ที่ตกเป็นผู้ต้องหาร่วมกันพรากผู้เยาว์ ทำอนาจารและกักขังหน่วงเหนี่ยว นักเรียนหญิงรุ่นน้องโรงเรียนเดียวกัน ไปรายตัวต่อเจ้าหน้าที่พนักงานของสถานพินิจเด็กและครอบครัว จ.ชุมพร ทำการสืบเสาะประวัติเป็นรายบุคคล ก่อนจะส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สืบเสาะครอบครัวและแวดล้อม แล้วบันทึกข้อมูลจากการให้ปากคำ จัดเก็บข้อมูลทั้งหมดรอบด้าน สรุปทำเป็นสำนวนเพื่อส่งศาลเด็กและเยาวชนพิจารณาคำพิพากษา แก่นักเรียนทั้ง 6 คน ซึ่งเป็นการสอบปากคำและทำประวัติตามกฎหมายการคุ้มครองเด็กและเยาวชน ควบคู่ไปกับสำนวนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนจะเดินทางกลับ

จากการตรวจสอบเอกสารการขออนุญาตเปิดโรงแรม พบว่ามีการขออนุญาตเปิดโรงแรมตาม พ.ร.บ.โรงแรมถูกต้อง ดังนั้น จะต้องไปตรวจสอบว่า วันที่เกิดเหตุมีการปฏิบัติในการเปิดห้องพักของนักเรียนกลุ่มนี้ว่า ได้ทำถูกต้องตามที่กฎหมายระบุหรือไม่ ยังจะพิจารณาว่าโรงแรมมีการกระทำผิดกฎหมายเรื่องใดอีกบ้าง เช่น การปล่อยให้มีการกระทำความผิดทางอาญาภายในโรงแรม 

ขณะที่โรงแรมดังกล่าวตั้งอยู่บนถนนเดียวกันทางเข้าโรงเรียนมัธยม ได้ปิดตัวเงียบคงเปิดแต่ทางเข้าออกไว้เท่านั้น ไม่มีพนักงานภายในโรงแรม แต่ไม่ได้มีป้ายปิดประกาศว่าเปิดหรือปิด ผู้สื่อข่าวได้สังเกตพบว่าไม่มีผู้ใดเข้าใช้บริการ รวมถึงสอบถามชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียง ทราบว่า ตั้งแต่มีข่าวไม่มีใครเข้ามาใช้บริการ และยังไม่เห็นหน้าเจ้าของโรงแรม.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“สุชาติ” จ่อลาออก สส. ให้สภามี สส.ทำงาน

ทำเนียบ 7 ก.ค.-“สุชาติ” เผยเตรียมลาออก สส. เพื่อให้บัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้ขึ้นมา มองให้สภามี สส.ทำงาน นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงธรรมเนียมปฏิบัติของคนที่เป็น สส.ระบบบัญชีรายชื่อ จะลาออกเมื่อเป็นรัฐมนตรี หรือไม่ว่า ที่ผ่านมายังไม่มีการลาออกแต่โดยธรรมเนียมก็ควรจะลาออก เพราะการทำหน้าที่ของรัฐมนตรีก็เต็มเวลาอยู่แล้ว ไม่มีเวลาที่จะไปช่วยงานสภา ซึ่งขณะนี้สภาเสียงปริ่มน้ำ ซึ่งตนมีความตั้งใจที่จะลาออกจาก สส ระบบบัญชีรายชื่ออยู่แล้ว เพื่อให้ สส.ระบบบัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้เลื่อนขึ้นมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สส. ลำดับถัดไปที่จะขึ้นมาเป็น สส.แทนนายสุชาติ คือ นายเอกพร รักความสุข บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 38.-316.-สำนักข่าวไทย

พม.ร้องเอาผิด “จอนนี่ มือปราบ” สร้างรีสอร์ทรุกล้ำที่ส่วนกลาง

บก.ปทส. 7 ก.ค. – จนท.กรมพัฒนาสังคมฯ ร้องตำรวจป่าไม้ตรวจสอบปมรีสอร์ทของ “จอนนี่มือปราบ” อินฟลูชื่อดัง บุกรุกพื้นที่นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ในอุบลราชธานี และถูกข่มขู่ไม่ให้เข้าพื้นที่ นายวัชระ โกเสนตอ นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ ได้รับมอบอำนาจจากนายกันตพงศ์ รังษีสว่าง อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำหลักฐานเอกสารเข้าแจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. เพื่อให้ดำเนินคดีกับ ด.ต.ยุทธพล หรือ “จอนนี่ มือปราบ” อดีตตำรวจที่ผันตัวลาออกจากราชการมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ กรณีสร้างรีสอร์ทรุกเข้าไปในเขตนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ตำบลคำเขื่อนแก้ว อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี นายวัชระ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาสังคมฯ รับแจ้งจากนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ว่ามีผู้เข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินของนิคมโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยส่วนที่รุกล้ำเข้ามาเป็นพื้นที่ที่นิคมกันไว้เป็นป่าไม้ส่วนกลาง 20% รุกล้ำเข้ามาประมาณ 1 ไร่ และเริ่มก่อสร้างรีสอร์ทเมื่อปี 2564 เป็นต้นมา และทางกรมฯ ก็ได้ลงบันทึกประจำวันและมีหนังสือให้ระงับการดำเนินการรีสอร์ทมาตั้งแต่ปี 2565 แต่เจ้าของรีสอร์ทไม่ให้ความร่วมมือ และยังมาโวยวายที่นิคมฯ ข่มขู่เจ้าหน้าที่ ไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปที่รีสอร์ท ทั้งนี้นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย มีพื้นที่ตามแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสร้างตนเองฯ ชัดเจน เนื้อที่ […]

Camp Mystic after Texas floods

เปิดภาพความเสียหายน้ำท่วมแคมป์ในเท็กซัส

เท็กซัส 6 ก.ค.- ทีมกู้ภัย อาสาสมัครและตำรวจ ช่วยกันรื้อถอนเศษซากความเสียหายและซากต้นไม้กิ่งไม้ใกล้ที่ตั้งแคมป์ในรัฐเท็กซัสของสหรัฐ ซึ่งมีนักเรียนหญิง 27 คน สูญหายจากเหตุน้ำท่วมฉับพลันที่เกิดขึ้นเมื่อเช้ามืดวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น   ค่ายมิสติก (Camp Mystic) เป็นค่ายกิจกรรมนักเรียนหญิงล้วน มีนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมในค่าย 700 คน ในช่วงที่เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลันครั้งใหญ่ในเทศมณฑลเคอร์ ทางตอนกลางของรัฐเท็กซัส แคมป์แห่งนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำกัวดาลูปในแถบหุบเขาตอนกลางรัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นศูนย์กลางที่เกิดน้ำท่วม ก่อตั้งโดยโค้ชฟุตบอลมหาวิทยาลัยเท็กซัส เมื่อเกือบหนึ่งร้อยปีก่อนในปี 2469 เพื่อให้เยาวชนหญิงได้สัมผัสบรรยากาศแบบคริสเตียนในการพัฒนาตนเอง.-820(814).-สำนักข่าวไทย

กรมอุตุฯ เตือน 4 ภาครับมือฝนถล่ม ระวังน้ำท่วม-น้ำป่าไหลหลาก

กทม. 6 ก.ค.- กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง เตือน “เหนือ อีสาน ตะวันออก ใต้” รับมือฝนตกหนัก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณจังหวัดภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบนและลาวตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุโซนร้อน “ดานัส” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ไต้หวัน ในช่วงวันที่ 6–7 กรกฎาคม 2568 โดยไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย แต่จะทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

คุมได้แล้ว! เพลิงไหม้โรงงานผลิตยาง จ.สมุทรสาคร

สมุทรสาคร 7 ก.ค. – คุมได้แล้ว! ไฟไหม้โรงงานผลิตยาง จ.สมุทรสาคร พบต้นเพลิงเกิดขึ้นบริเวณท่อส่งน้ำมัน หวั่นอาคารพังถล่ม หลังโหมไหม้รุนแรง ภาพจากมุมสูงจะเห็นอาคารที่เกิดเหตุมีขนาดใหญ่เนื้อที่ราวๆ 3-4 ไร่ ต.บ้านเกาะ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ของบริษัทประกอบกิจการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ทำจากยาง เจ้าหน้าที่ต้องระดมรถน้ำของ อบต.บ้านเกาะ และพื้นที่ใกล้เคียงกว่า 20 คัน ฉีดน้ำสกัดเพลิงที่โหมลุกไหม้อย่างรุนแรง ควันสีดำพวยพุ่งขึ้นท้องฟ้า มีเสียงระเบิดดังขึ้นเป็นระยะ จุดต้นเพลิงเกิดขึ้นบริเวณท่อส่งน้ำมันที่ใช้ในกระบวนการผลิตภายในโรงงาน เนื่องจากมีเชื้อเพลิงไวไฟ ประกอบกับภายในมีสินค้าประเภทยางที่ผลิตแล้วเป็นจำนวนมาก ทำให้เพลิงลุกลามอย่างรวดเร็วจนอาคารเริ่มทรุดตัว มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 2 คน เป็นเจ้าหน้าที่ของโรงงาน 1 คน และเจ้าหน้าที่ดับเพลิง 1 คน เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง จึงควบคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้ แต่ไฟยังดับไม่สนิท เนื่องจากภายในมีทั้งเครื่องจักรที่ใช้ในกระบวนการผลิต วัตถุดิบไวไฟ และสินค้ายางยืดที่ผลิตเสร็จแล้วจำนวนมาก ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี จึงต้องฉีดน้ำหล่อเลี้ยงไปเรื่อยๆ พร้อมกับให้เจ้าหน้าที่ชุดผจญเพลิงนำอุปกรณ์เข้าไปดับไฟด้านใน ทั้งนี้ ต้องเฝ้าระวังความปลอดภัยจากตัวอาคารที่อาจพังถล่มลงมาได้ เนื่องจากถูกไฟลุกไหม้อย่างรุนแรงจนเสียหายเกือบทั้งหมด คนงานเล่าว่าเพลิงลุกที่ท่อส่งน้ำมันที่ส่งไปยังเครื่องจักร ซึ่งใช้ในกระบวนการผลิตสินค้าประเภทยาง แต่ไม่รู้ว่าเกิดจากอะไร […]

หนุ่มวัย 24 สารภาพผลักลูกเลี้ยงหัวฟาดพื้นดับ คุมทำแผนฯ

นนทบุรี 7 ก.ค. – ตำรวจคุมตัวพ่อเลี้ยงโหด ผลักลูกเลี้ยงวัย 2 ขวบ ล้มศีรษะฟาดพื้นเสียชีวิต ทำแผนฯ หลังเค้นสอบกว่า 6 ชั่วโมง จนยอมรับ อ้างโมโหเด็กส่งเสียงดังรบกวน ตำรวจ สภ.บางบัวทอง คุมตัวนายธนวัฒน์ อายุ 24 ปี ทำแผนประกอบคำรับสารภาพทำร้ายร่างกาย “น้องขงเบ้ง” อายุ 2 ขวบ 5 เดือน ลูกเลี้ยง จนเสียชีวิตภายในบ้านพัก ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี พร้อมให้การว่า เด็กส่งเสียงดังรบกวนจึงเกิดความโมโหผลักจนล้ม ทำให้บริเวณท้ายทอยกระแทกกับพื้น กระทั่งแน่นิ่งไป เหตุเกิดช่วงเวลาประมาณ 18.00-20.00 น. เมื่อวานนี้ (6 ก.ค.) ส่วนบาดแผลรอยจ้ำตามร่างกายและบาดแผลอื่นๆ นายธนวัฒน์ยังไม่รับสารภาพ ต้องรอผลการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ประกอบอีกครั้ง แม่ของเด็ก อายุ 25 ปี เล่าว่า ตนออกไปทำงานทุกวัน เวลา 4 โมงเย็น […]

“บิ๊กเต่า” เผย “สีกา ก.” ให้ข้อมูลเป็นประโยชน์ เลือกเหยื่อรวย-เข้าถึงง่าย

7 ก.ค. – “บิ๊กเต่า” เรียกประชุมแบ่งภารกิจให้กองใต้สังกัด สืบสวนสอบสวนหาข้อมูลเพิ่ม เผยคืบหน้ากรณี “ทิดอาชว์” และนางสาว ก. เจ้าตัวยอมรับเลือกแต่คนรวย-เข้าถึงง่าย อ้างสำนึกผิด ยอมร่วมมือกับตำรวจ พร้อมจี้สำนักพุทธฯ ทำงานให้มากกว่านี้ เพื่อเรียกศรัทธาวงการสงฆ์กลับมา ความคืบหน้าในประเด็น อดีตพระเทพวชิรปาโมกข์ หรือ ทิดอาชว์ เจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพ เจ้าคณะภาค 14-15 สายธรรมยุต มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับนางสาว ก. จนถูกแบล็กเมล์รีดไถ่เงิน 7.3 ล้านบาท ล่าสุดวันนี้ เวลา 14.00 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. และ พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. ได้เรียกคณะทำงานเข้าประชุมวางแผนการทำงานในกรณีของทิดอาชว์และนางสาว ก. ซึ่งใช้เวลาประมาณกว่า 3 ชั่วโมง โดย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ได้ออกมาเผยความคืบหน้าว่า วันนี้เป็นการเรียกประชุมกองงานต่าง ๆ เพื่อแบ่งสายงานมอบหมายภารกิจให้แต่ละกองไปสืบสวนสอบสวนหาข้อมูลมาเพิ่มเติม ภายหลังจากที่ทำการสอบสวนนางสาว ก. และได้ข้อมูลมามากพอสมควร […]

Cambodia strongly rejects Thailand’s baseless claim over Ta Krabei Temple

กัมพูชาโต้ไทยอ้างปราสาทตาควายอยู่ในไทย

พนมเปญ 7 ก.ค.- กัมพูชาคัดค้านอย่างหนักว่า ไทยอ้างโดยไร้มูลว่า ปราสาทตาควายอยู่ในดินแดนไทย และตำหนิไทยว่าห้ามชาวกัมพูชาคล้องผ้าขาวม้าขึ้นปราสาทตาควาย เว็บไซตขแมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานว่า กระทรวงกลาโหมแห่งชาติของกัมพูชาได้ออกแถลงการณ์แสดงความคัดค้านอย่างหนักต่อการกล่าวอ้างอย่างไร้มูลและโอหังของสื่อไทย เจ้าหน้าที่ทหารไทย และพลเรือนชาวไทยบางกลุ่มที่ว่า ปราสาทตาควายตั้งอยู่ในดินแดนอธิปไตยของไทย แถลงการณ์ของกัมพูชาระบุว่า การกล่างอ้างดังกล่าวเป็นการบิดเบือนความจริงอย่างสิ้นเชิง เพราะไทยอ้างแผนที่ฝ่ายเดียวที่ไม่มีคุณค่าทางกฎหมายตามหลักการกฎหมายสากล กัมพูชายืนยันว่า ในทางภูมิศาสตร์แล้วปราสาทตาควายตั้งอยู่ในเทือกเขาดงรัก อำเภอบันเตียอัมปึล จังหวัดอุดรเมียนเจยหรืออุดรมีชัย ซึ่งทั้งหมดอยู่ในดินแดนและอธิปไตยของกัมพูชา โดยเป็นไปตามกฎหมายที่ได้รับการรับรองจากสากล แถลงการณ์ของกระทรวงกลาโหมกัมพูชายังระบุว่า ทหารไทยห้ามนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาคล้องผ้ากรอมาหรือผ้าขาวม้าติดธงชาติกัมพูชาขึ้นปราสาทตาควาย แต่กลับอนุญาตให้นักท่องเที่ยวชาวไทยสวมเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับติดธงชาติไทย ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงทวิภาคีที่เคยตกลงกันไว้.-814.-สำนักข่าวไทย