ชุมพร 27 ม.ค.61- คดีผู้ปกครองแจ้งความกรณีนักเรียนสาวชั้น ม.1 จำนวน 3 คน ถูก 6 นักเรียนชายรุ่นพี่ร่วมอนาจารที่รีสอร์ตแห่งหนึ่ง ในอำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร
ความคืบหน้าคดีนักเรียนรุ่นพี่ 6 คน ล่วงละเมิดทางเพศนักเรียนรุ่นน้อง ม.1 ที่จังหวัดชุมพร เมื่อวานนี้ (26 ม.ค.61) พล.ต.ต.สนธิชัย อาวัฒนกุลเทพ ผบก.ภ.จ.ชุมพร ลงพื้นที่ สภ.หลังสวน เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีเด็กนักเรียนรุ่นพี่ 6 คน ล่วงละเมิดทางเพศเด็กนักเรียนหญิงรุ่นน้อง โดยเชิญผู้ปกครอง 3 คน และเด็กนักเรียนหญิงชั้น ม.2 ทั้ง 3 คน เข้าพูดคุยทำความเข้าใจ ถึงขั้นตอนการทำงานของตำรวจ เนื่องจากเป็นคดีเด็กและเยาวชน ต้องมีฝ่ายสหวิชาชีพและหน่วยงานเกี่ยวข้องร่วมกันสอบปากคำเด็กทั้งหมด พร้อมกับกำชับให้ตำรวจทำงานอย่างตรงไปตรงมาตามพยานหลักฐานและข้อเท็จจริง ซึ่งทั้งผู้ปกครองและเด็กนักเรียนผู้เสียหายทั้งต่างก็เข้าใจกันด้วยดี รวมทั้งเชิญผู้อำนวยการโรงเรียน ครูฝ่ายปกครองเข้าให้ข้อเท็จจริง
จากแนวทางการสืบสวนสอบสวนและจากการรวบรวมพยานหลักฐาน พยานบุคคลทั้งจากฝ่ายผู้เสียหาย ฝ่ายผู้ก่อเหตุ และครู อาจารย์ ของโรงเรียนดังกล่าวพบว่า วันเกิดเหตุทางโรงเรียนได้มีการกวดขันเรื่องระเบียบวินัยนักเรียน ทั้งการแต่งกายและทรงผม ทำให้นักเรียนชาย หญิงจำนวนหนึ่งมีทั้งรุ่นน้องรุ่นพี่จำนวน 17 คน ต่างพากันหลบหนีไม่เข้าโรงเรียนเนื่องจากกลัวถูกทำโทษทางวินัย แต่ละกลุ่มก็ได้ชักชวนกันไปอยู่ตามสถานที่ต่างๆ ซึ่งไม่ได้ไปรวมอยู่ที่เดียวกันทั้ง 17 คน แต่กลุ่มนักเรียนที่ก่อเหตุได้แยกกันไปเช่าห้องพักของโรงแรมรวม 9 คน ซึ่งอยู่ห้องเดียวกันเป็นชาย 5 คน หญิง 4 คน บางคนก็เข้าไปเล่นเกมโทรศัพท์มือถือ แต่นักเรียนชายบางคนในกลุ่มมีพฤติกรรมหยอกล้อลวนลามอนาจารนักเรียนหญิงบางคน โดยมีเพื่อนที่ถูกจับกุมทั้ง 6 คน พูดจายุยงส่งเสริมด้วยความสนุกสนานคึกคะนอง จนกระทั่งรู้ถึงผู้ปกครองและไปแจ้งความดำเนินคดี จนเป็นข่าวเกิดขึ้นดังกล่าว ยืนยันมีผู้ก่อเหตุเพียง 6 คน ไม่ได้มากถึง 17 คน ตามที่เป็นข่าว
ส่วนนักเรียนชาย 5 คน นักเรียนหญิง 1 คน ที่ก่อเหตุ ก็ได้แจ้งข้อกล่าวหานำตัวส่งศาลเด็กและครอบครัวจังหวัดชุมพรไปแล้ว ซึ่งศาลได้อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว และตนได้สั่งกำชับพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีไปตามข้อเท็จจริง ผิดถูกว่ากันไปตามพยานหลักฐาน และให้จัดกำลังเจ้าหน้าที่คอยให้ความคุ้มครองผู้ปกครองและนักเรียนผู้เสียหายทั้งหมดด้วยเพื่อให้เกิดความสบายใจ
นางสาววัลภา แก้วสวี พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.ชุมพร เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่สอบปากคำนักเรียนหญิงทั้ง 3 คน ซึ่งเป็นผู้เสียหาย ต่อหน้าผู้ปกครองและทางตำรวจ โดยนักเรียนหญิงทั้งสามให้การตรงกันว่า วันเกิดเหตุหนีเรียนมาหาแฟน ที่ห้องเช่ารีสอร์ตดังกล่าว โดยเพื่อนหญิงไปด้วย 2 คน เมื่อมาถึงก็ได้เข้าไปอยู่ในห้องเดียวกันหลายคน โดยมีการหยอกล้อกันบนพื้นห้อง มีหอมแก้ม และจูบกันเท่านั้น และอยู่ในเสื้อผ้าที่ปกปิดมิดชิด และไม่ได้ทำเกินไปกว่านี้
นางสาววัลภา แก้วสวี พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.ชุมพร กล่าวว่า ผู้ปกครองนำตัวผู้เสียหายไปให้แพทย์ทำการตรวจช่องคลอด ซึ่งผลก็พบว่าไม่มีการล่วงละเมิดทางเพศแต่อย่างใด แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเป็นคดีแล้วก็ต้องไปพิสูจน์กันในชั้นศาลต่อไปว่านักเรียนผู้ที่ตกเป็นผู้ต้องหาจะผิดถูกอย่างไร
ขณะที่ผู้ปกครองของนักเรียน 6 คนเป็นนักเรียนชาย 5 คนและนักเรียนหญิง 1 คน ที่ตกเป็นผู้ต้องหาร่วมกันพรากผู้เยาว์ ทำอนาจารและกักขังหน่วงเหนี่ยว นักเรียนหญิงรุ่นน้องโรงเรียนเดียวกัน ไปรายตัวต่อเจ้าหน้าที่พนักงานของสถานพินิจเด็กและครอบครัว จ.ชุมพร ทำการสืบเสาะประวัติเป็นรายบุคคล ก่อนจะส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สืบเสาะครอบครัวและแวดล้อม แล้วบันทึกข้อมูลจากการให้ปากคำ จัดเก็บข้อมูลทั้งหมดรอบด้าน สรุปทำเป็นสำนวนเพื่อส่งศาลเด็กและเยาวชนพิจารณาคำพิพากษา แก่นักเรียนทั้ง 6 คน ซึ่งเป็นการสอบปากคำและทำประวัติตามกฎหมายการคุ้มครองเด็กและเยาวชน ควบคู่ไปกับสำนวนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนจะเดินทางกลับ
จากการตรวจสอบเอกสารการขออนุญาตเปิดโรงแรม พบว่ามีการขออนุญาตเปิดโรงแรมตาม พ.ร.บ.โรงแรมถูกต้อง ดังนั้น จะต้องไปตรวจสอบว่า วันที่เกิดเหตุมีการปฏิบัติในการเปิดห้องพักของนักเรียนกลุ่มนี้ว่า ได้ทำถูกต้องตามที่กฎหมายระบุหรือไม่ ยังจะพิจารณาว่าโรงแรมมีการกระทำผิดกฎหมายเรื่องใดอีกบ้าง เช่น การปล่อยให้มีการกระทำความผิดทางอาญาภายในโรงแรม
ขณะที่โรงแรมดังกล่าวตั้งอยู่บนถนนเดียวกันทางเข้าโรงเรียนมัธยม ได้ปิดตัวเงียบคงเปิดแต่ทางเข้าออกไว้เท่านั้น ไม่มีพนักงานภายในโรงแรม แต่ไม่ได้มีป้ายปิดประกาศว่าเปิดหรือปิด ผู้สื่อข่าวได้สังเกตพบว่าไม่มีผู้ใดเข้าใช้บริการ รวมถึงสอบถามชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียง ทราบว่า ตั้งแต่มีข่าวไม่มีใครเข้ามาใช้บริการ และยังไม่เห็นหน้าเจ้าของโรงแรม.-สำนักข่าวไทย