กรมการแพทย์26 ม.ค.- แพทย์เตือนไวรัสลงกระเพาะในเด็กอันตรายถึงขั้นเสียชีวิต แนะพ่อแม่ผู้ปกครองใส่ใจดูแล หากพบมีไข้ ตัวร้อน น้ำมูกไหล อาเจียน ท้องเสียถ่ายเหลวให้สงสัยไว้ก่อนและรีบพบแพทย์ทันที
นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.)เปิดเผยว่า ระยะนี้ประเทศไทยมีอากาศหนาวเย็นและชื้นทำให้เชื้อโรคชนิดต่างๆ สามารถแพร่กระจายได้ง่ายกว่าปกติ โดยเฉพาะในเด็กเล็กที่มีอายุระหว่าง 3 เดือนถึง 3 ขวบ จะมีภูมิคุ้มกันร่างกายน้อยกว่าเด็กทั่วไป ส่งผลให้เจ็บป่วยได้ง่าย ซึ่งโรคที่พบบ่อยคือโรคไวรัสลงกระเพาะหรือโรคกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ โดยเชื้อไวรัสที่เป็นต้นเหตุของโรคมีหลายชนิดแต่ที่พบได้บ่อยในเด็กเล็กตั้งแต่แรกเกิดถึง 5 ปีคือเชื้อไวรัสโรตา (Rotavirus) ซึ่งมีอัตราที่พบในเด็กร้อยละ 16 ถึง 58
เชื้อโรคชนิดนี้สามารถอยู่ในสภาวะแวดล้อมทั่วไปได้นาน แฝงอยู่กับสิ่งแวดล้อมรอบตัว เช่น จาน ชาม บริเวณพื้นที่ไม่สะอาด อาหารที่รับประทานเข้าไป หรือได้รับเชื้อจากผู้ป่วยโดยตรง โดยเฉพาะในเด็กที่ชอบหยิบสิ่งของเข้าปาก อมของเล่นที่มีเชื้อโรคเกาะอยู่ หลังจากได้รับเชื้อเด็กจะมีอาการเหมือนไข้หวัด คือ มีไข้ ตัวร้อน น้ำมูกไหล หรือไอร่วมด้วย อาการที่เด่นชัด คือ อาเจียน ตั้งแต่เล็กน้อยถึงขั้นรุนแรง ซึ่งอาจจะมีอาการท้องอืดร่วมด้วย นอกจากนี้ เด็กจะไม่อยากรับประทานอาหารและมีอาการถ่ายเหลวถ่ายบ่อยตามมาในระยะ1-2 วัน หรืออาจพบอุจจาระเป็นมูกแต่ไม่มีเลือดปนประมาณ5-7วัน
นพ.สมเกียรติ ลลิตวงศา ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (รพ.เด็ก) กล่าวว่า การรักษาโรคไวรัสลงกระเพาะส่วนใหญ่เป็นการรักษาตามอาการและการรักษาแบบประคับประคอง ผู้ปกครองสามารถดูแลบุตรหลานได้โดย 1.เมื่อมีไข้ ควรเช็ดตัว และให้ยาลดไข้ 2. ถ้าอาเจียน ถ่ายบ่อย อาจให้ดื่มผงน้ำตาลเกลือแร่ เพื่อรักษาและป้องกันภาวะขาดน้ำ 3. ดื่มนมและรับประทานอาหารที่ย่อยง่าย และที่สำคัญควรสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด หากมีอาการผิดปกติ เช่น เด็กไม่สามารถรับประทานอาหารได้ ปัสสาวะน้อยลงมีอาการซึม งอแง ถ่ายบ่อย อาเจียนบ่อยครั้ง ให้รีบพาไปพบแพทย์โดยเร็ว เพราะหากให้น้ำเกลือไม่ทัน อาจจะรุนแรงจนทำให้ช็อกและเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะเด็กที่อายุน้อยกว่า 2 ปี จะมีโอกาสเสี่ยงต่อการเสียชีวิตมากกว่าเด็กโต เนื่องจากภูมิต้านทานน้อยกว่า
ทั้งนี้ ปัจจุบันมีการผลิตวัคซีนที่ป้องกันโรคไวรัสลงกระเพาะจากเชื้อไวรัสโรตา สามารถลดการติดเชื้อ และลดความรุนแรงของอาการ แต่ยังมีราคาสูง ผู้ปกครองจึงควรมุ่งเน้นป้องกันด้วยการเลี้ยงดู เช่น สร้างภูมิคุ้มกันโรคให้แก่เด็กโดยการให้ดื่มนมแม่ เพราะในนมแม่มีสารต้านไวรัสและแบคทีเรียชนิดต่างๆ ช่วยเสริมภูมิต้านทานให้แก่เด็ก รับประทานอาหารปรุงสุกใหม่หรืออุ่นอาหารให้ร้อนก่อนรับประทาน ล้างมือบ่อยๆ โดยเฉพาะหลังขับถ่าย จัดสุขลักษณะภายในบ้านให้สะอาด หลีกเลี่ยงการพาเด็กไปในพื้นที่ที่มีคนหนาแน่น และที่สำคัญหากมีเด็กป่วยโรคไวรัสลงกระเพาะอยู่ภายในบ้านหรืออยู่ห้องเรียนเดียวกัน ผู้ปกครองหรือครูผู้ดูแล ควรแยกเด็กป่วยและเด็กปกติออกจากกัน เพราะเชื้อโรคสามารถปนเปื้อนมากับน้ำมูก น้ำลาย การไอจามรดกัน และการใช้ของร่วมกัน .-สำนักข่าวไทย