กรุงเทพฯ 10 ม.ค.- ยิ่งสาวยิ่งลึก ตำรวจพบเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์โผล่อีก 2 บัญชี รับโอนเงินเหยื่อซื้อที่ดินจ.ตาก เร่งตรวจสอบ ร่วมแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือไม่ ขณะที่นางสาวณิชา ยังไม่ชัดร่วมทำผิดหรือตกเป็นเหยื่อใช้ชื่อเปิดบัญชี พร้อมยืนยันตร.สภ.บ้านตาก เสนอศาลอขอหมายจับทำตามขั้นตอน
พลตำรวจเอกวิระชัย ทรงเทตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ประชุมวิดีโอคอนเฟอเร้นผ่านทางไกลกับ พล.ต.ต.ปริญญา วิศิษฐฎากุล ผบก.ภ.จ.ตาก และ พลตำรสจตรี ไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการกองปราบปราม และ คณะพนักงานสอบสวน คดีที่ นางสาวณิชา เกียรติธนะไพบูลย์ ตกเป็นผู้ต้องหาคดีเปิดบัญชีธนาคาร9แห่ง รับโอนเงินเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ว่า ผู้บังคับการตำรวจภูธรจ.ตาก มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสืบสวนสอบสวนคดีนี้ เนื่องจากนางสาวณิชา ซึ่งอยู่ในฐานะผู้ต้องหาเปิดบัญชี ก็เป็นผู้เสียหายแจ้งความถูกนำบัตรประชาชนไปเปิดบัญชีธนาคาร จึงต้องบูรณาการการสอบสวน โดยให้ สภ.บ้านตาก ทำสำนวนคดีในส่วนที่นางสาวณิชาตกเป็นผู้ต้องหา ขยายผลไปยังแก๊งคอลเซ็นเตอร์จ.ตาก ส่วนกองปราบปรามขยายผลในพื้นที่จังหวัดอื่น เนื่องจากการสอบสวนพบว่ายังมีการเปิดบัญชีรับโอนเงินจากผู้เสียหายอีก 2 บัญชี คือบัญชีชื่อ นายขวัญ ทองร้อย สาขาบิ๊กซีติวานนท์ รีบโอนเงินจากผู้เสียหาย 5 ครั้ง รวม 4แสนบาท และบัญชีชื่อนาย ธีรภัทร์นนท์ งามวงษ์ ธนาคารกรุงเทพ สาขาเดอะมอลงามวงศ์วาน รับโอนเงิน 2 ครั้ง รวม 6แสน 3หมื่นบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิสูจน์ทราบ ว่าบุคคลทั้ง 2อยู่ในภูมิลำเนาที่ใด และอยู่ในแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือไม่ หากไม่เกี่ยวข้องขอให้แสดงความบริสุทธิใจ โดยการไปพบผู้บังคับการตำรวจภูธรจ.ตาก หรือ ผู้บังคับการกองปราบปรามทันที
พลตำรวจเอกวิระชัย ยืนยัน การสอบสวนดำเนินคดีกับนางสาวณิชา ของตำรวจภูธรบ้านตากทำตามกฏหมาย ขั้นตอน ไม่มีสิ่งใดบกพร่อง เหตุที่นางสาวณิชาถูกออกหมายจับ เนื่องจากพนักงานสอบสวนออกหมายเรียกถึง 2 ครั้ง มีระยะเวลาประมาน 2 เดือน เพื่อให้นางสาวณิชาเข้าพบ และสอบปากคำ รวมถึงให้ข้อเท็จจริง แต่นางสาวณิชากลับเงียบหาย พนักงานสอบสวนจึงขออนุมัติศาลจังหวัดตาก ออกหมายจับในข้อหาฉ้อโกงประชาชน จากนี้จะต้องพิสูจน์ว่านางสาวณิชาเป็นเหยื่อในขบวนการคอลเซ็นเตอร์ หรือ ร่วมขบวนการกระทำความผิดหรือไม่
ล่าสุดพนักงานสอบสวนได้ประสานขอข้อมูลจากธนาคาร 9 แห่ง ที่มีชื่อนางสาวณิชาเปิดบัญชี แต่พบว่า ธนาคารบางแห่งไม่ให้ความร่วมมือ โดยอ้างว่าต้องขอมัติจากสำนักงานใหญ่ วันนี้ตนจึงจะประสานไปยังสำนักงานใหญ่เพื่อขอข้อมูลด้วยตนเอง
รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อธิบายเรื่องของคดีนี้ว่า เริ่มจากช่วงปลายปี 2560 ขบวนการคอลเซ็นเตอร์ อ้างว่าชื่อนายราลี่ สมิธ ชาวอังกฤษ ติดต่อ นางกาสิณี ยะเมาะ ทางเฟสบุ๊ค โดยอ้างว่าต้องการซื้อที่ดินในจ.ตาก ขอให้นางกาสิณี เป็นนายหน้าซื้อที่ดิน โดยนายราลี่จะส่งเงินจำนวน 30 ล้านบาท จากอังกฤษ ทางพัสดุไปรษณีย์มาให้ผู้เสียหาย แต่มีค่าทำเนียม 1ล้าน 3แสนบาท ที่ผู้เสียหายต้องจ่ายล่วงหน้าก่อน
จากนั้นขบวนการคอลเซ็นเตอร์อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ โทรหานางกาสิณี แจ้งถึงค่าทำเนียมที่ต้องชำระ ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงิน1ล้าน 3แสน 7หมื่นบาท เข้าบัญชีธนาคาร 3 แห่ง ประกอบด้วย บัญชีของ นางสาวนิชา 3 แสน 4หมื่นบาท 5 ครั้ง บัญชีนายขวัญ และ บัญชีนายธีรภัทรนนท์.-สำนักข่าวไทย