บุรีรัมย์ 20 พ.ค. – เจ้าของร้านหมูกระทะหอบหลักฐานร้องทนายความให้ช่วยเหลือ หลังถูกพนักงานแบงก์ลวงช่วยกู้เงินทำยอดเกือบ 7 แสนบาท สุดท้ายเงินโอนคืนให้หมดแล้วแต่พนักงานคนดังกล่าวยักยอกเงินไปกิน เที่ยว เปย์เด็ก จี้ธนาคารรับผิดชอบ
เจ้าของร้านหมูกระทะใน จ.บุรีรัมย์ หอบหลักฐานร้องทนายความ หลังพนักงานสินเชื่อหลอกให้กู้เงิน 700,000 บาท อ้างว่าแค่ทำยอดเพื่อให้ได้ค่าคอมมิชชั่นจากธนาคาร แต่กลับยักยอกเงินไปกิน เที่ยว เปย์เด็ก ไม่นำเงินเข้าระบบสินเชื่อ ทั้งที่ตนเองชำระครบแล้ว พอตนเองแจ้งตำรวจก็รับปากจะทยอยคืนแต่หายเข้ากลีบเมฆ หนำซ้ำธนาคารแค่ไล่ออก สุดท้ายกลับมาเร่งรัดทวงหนี้กับตนเองทั้งที่เป็นผู้เสียหาย วอนธนาคารตรวจสอบช่วยเหลือ
น.ส.พัชรา เจ้าของร้านหมูกระทะแห่งหนึ่งใน จ.บุรีรัมย์ ระบุว่ารู้จักพนักงานฝ่ายสินเชื่อคนดังกล่าวจากกลุ่มเพื่อน แล้วมาตีสนิทหลอกล่อให้ช่วยทำเรื่องกู้เงิน อ้างว่าแค่ทำยอดเพื่อให้ได้ค่าคอมมิชชั่นจากการปล่อยสินเชื่อ ตนเองเลยยอมทำเรื่องกู้เงินให้ตามที่พนักงานสินเชื่อคนดังกล่าวขอ ทั้งที่ตอนนั้นไม่ได้มีความจำเป็นต้องใช้เงิน แต่คิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไร เพราะคนที่ขอให้กู้ก็ทำงานธนาคารและดูแลเกี่ยวกับการปล่อยสินเชื่อเอง
ต่อมาผ่านการอนุมัติจากธนาคาร และเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2566 ธนาคารโอนเงินเข้าบัญชีให้กับตนเอง ซึ่งเป็นผู้ยื่นกู้จำนวน 699,645 บาท จากยอดที่ทำเรื่องกู้ไป 700,000 บาท ส่วนต่างที่เหลือธนาคารหักประกันเงินกู้ แต่หลังจากได้รับเงินจากธนาคารโอนมาวันที่ 19 ก.ย. 2566 ตนเองได้โอนกลับไปให้พนักงานสินเชื่อ ยอดแรกในวันที่ 21 ก.ย. 2566 จำนวน 400,000 บาท และที่เหลือทยอยโอนไปครั้งละ 5,000-60,000 บาท จนครบตามยอดที่กู้มาภายในระยะเวลา 6 เดือน โดยยอดเงินทั้งหมดโอนเข้าบัญชีพนักงานฝ่ายสินเชื่อคนดังกล่าว ซึ่งบอกว่าจะเป็นคนนำเงินเข้าระบบชำระคืนของธนาคารเอง
กระทั่งช่วงเดือน ส.ค. 2567 มีเจ้าหน้าที่จากฝ่ายเร่งรัดหนี้ของธนาคารโทรมาแจ้งว่าตนเองค้างชำระเงินกู้ก็ตกใจ เพราะเข้าใจมาตลอดว่าเงินที่โอนให้พนักงานสินเชื่อไปจะนำเข้าระบบชำระหนี้ของธนาคาร จึงรีบโทรติดต่อพนักงานสินเชื่อคนดังกล่าวทันที แต่อ้างอีกว่าเอาเงินเข้าโอนลอยไว้แล้วแต่ยังไม่ได้นำเข้าระบบ จะจัดการเอง ผู้เสียหายก็เริ่มไม่สบายใจจึงตรวจสอบกับธนาคาร พบว่ามีการชำระเงินที่กู้ไปแค่แสนกว่าบาทเท่านั้น ที่เหลือยังค้างชำระอยู่ จึงตัดสินนำหลักฐานเข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองบุรีรัมย์
ด้านนายวีรยุทธ ทนายความที่รับเรื่องร้องเรียน ระบุว่า กรณีธนาคารไม่ได้ดำเนินการกับพนักงานที่กระทำความผิดเลย แค่แจ้งว่าไล่ออกไปแล้ว และมาเร่งรัดทวงหนี้กับผู้เสียหาย จึงได้มาร้องขอความเป็นธรรม ให้ธนาคารแสดงความรับผิดชอบด้วยการไปติดตามหนี้จากพนักงานคนที่ยักยอกเงินไป ไม่ใช่แค่บอกว่าไล่ออกแล้วก็มาตามหนี้จากผู้เสียหายอีกก็จะเป็นการซ้ำเติมผู้เสียหายต้องหาเงินไปจ่ายเพิ่มอีก มองว่าไม่มีความเป็นธรรม เพราะไม่ใช่ผู้กระทำผิด เบื้องต้นได้ทำเรื่องไปยังธนาคารให้ชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ทั้งให้ระงับการดำเนินคดีกับผู้เสียหาย และธนาคารควรจะไปติดตามเงินจากพนักงานคนดังกล่าว ส่วนเรื่องคดีที่ผู้เสียหายไปแจ้งความร้องทุกข์ไว้ ล่าสุดทราบว่ามีการออกหมายจับพนักงานฝ่ายสินเชื่อคนดังกล่าวแล้ว.-สำนักข่าวไทย