กระทรวงเศรษฐกิจประสานเสียงพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล

รร.เซ็นทรัล ลาดพร้าว 10 ม.ค. – วงสัมมนา “พลิกโฉมเศรษฐกิจไทย สู่ยุคดิจิทัล” เตรียมตั้งไซเบอร์เยนซี่ ป้องกันการคุกคามทางอินเทอร์เน็ต รองรับเศรษฐกิจดิจิทัล นำร่อง 6 กลุ่มสำคัญ


นายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวในงานสัมมนา “พลิกโฉมเศรษฐกิจไทย สู่ยุคดิจิทัล” ว่า ขณะนี้ทั่วโลกถูกคุกคามทางอินเทอร์เน็ตจากกลุ่มมิจฉาชีพ จึงเตรียมตั้งไซเบอร์เยนซี่ พัฒนาแฮ็กเกอร์คนดีมาป้องกันระบบ นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญอย่างมาก เพราะไอทีเชื่อมโยงไปทุกส่วน ทั้งสถาบันการเงิน ตลาดหลักทรัพย์ พลังงาน สาธารณสุข จึงหวังนำร่องระบบป้องกันภัยไซเบอร์ 6 กลุ่มสำคัญ และต้องพัฒนาบุคลากรด้านซีเคียวริตี้ไซเบอร์ เพื่อรองรับสังคมเศรษฐกิจยุคดิจิทัล เนื่องจากเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญปี 2561 เป็นปีแห่งการเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคดิจิทัล เพื่อเป็นสะพานดิจิทัลบริดในการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ 

นายพิเชฐ กล่าวว่า ขณะนี้ระบบการสร้าง Connectivity คืบหน้ามาก รัฐบาลจึงต้องการวางระบบอินเทอร์ฟรีไวไฟความเร็วสูงครอบคลุมทั่วประเทศขนาด 30 เมกะบิทเป็นอย่างต่ำ จึงหารือบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และภาคเอกชนให้บริการ 349 บาทต่อเดือน เพื่อกระจายความเจริญให้อำนาจจ่ายค่าบริการได้ในภูมิภาค สำหรับกฎหมายเน้นคุ้มครองส่วนบุคคล กฎหมายธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และกระทรวงการคลังกำลังศึกษากฎหมายชำระเงิน รวมทั้งยังเน้นย้ำให้ดูแลตัวเอง เพราะยังมีช่องโหว่ เนื่องจากโลกไซเบอร์ต้องเน้นป้องกันภัยเพื่อความปลอดภัยส่วนตัว  เพื่อวางโครงสร้างพื้นฐานรองรับเทคโนโลยีดิจิทัล โดยผลักดันให้หมู่บ้านที่เหลืออีกร้อยละ 20 เข้าถึงอินเทอร์เน็ตภายในปีนี้ ผ่านโครงกานเน็ตประชารัฐ เพื่อช่วยให้ร้านค้าชุมชน โอท็อปและโชว์ห่วยสามารถค้าขายผ่านออนไลน์ง่ายขึ้น  หลังจากนี้รัฐจะวางอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ เคเบิ้ลใต้น้ำให้ครอบคลุม ตั้งเป้าฝึกอบรมแกนนำชุมชนให้ได้ 1 ล้านคนในปีนี้ เพื่อให้ความรู้คนในหมู่บ้าน 


นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย  กล่าวว่า ระบบการเงินเป็นข้อมูลดาต้าไม่ได้ใช้เงินผ่านธนบัตร ผ่านแบงก์ รัฐบาลได้หารือร่วมกันหลายหน่วยงานเกี่ยวกับวิธีการป้องกันระบบแฮ็กเกอร์ และทดลองเหตุการณ์ฉุกเฉินเพื่อหาแนวทางป้องกันหลายเหตุการณ์ เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นกับผู้ใช้บริการมากขึ้น  สำหรับสถาบันการเงินต้องเตรียมพร้อมรองรับนวัตกรรมใหม่ หากไม่ทำคนอื่นทำตนเองจะลำบาก ธนาคารจึงมุ่งเน้นสร้างความมั่นใจ ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากความผิดพลาดของบุคคลไม่ใช่ตัวระบบ 

นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ต้องเน้นด้านนวัตกรรมทั้งดิจิทัลและระบบเดิม จากนี้ไปบริษัทจดทะเบียนต้องใช้ Clould Service ยอมรับว่าภาษาอังกฤษสำคัญมากเป็นพื้นฐานสำคัญของการอ่านข้อมูลดิจิทัลและอย่าหลงเชื่อข้อมูลผ่านระบบไลน์ ต้องตรวจสอบความถูกต้อง ไม่เช่นนั้นจะตกเป็นเหยื่อจากการแสวงหาโอกาสของกลุ่มมิจฉาชีพหรือกลุ่มต่าง ๆ  อยากเน้นย้ำการมีดิจิทัลเป็นการสร้างโอกาสให้เอสเอ็มอีหรือรายย่อยตัวเล็กจากยุคเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลง ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการตัวเล็กเข้าถึงตลาดทุนได้มากขึ้น เพราะเทคโนโลยีเปิดให้ทุกฝ่ายเข้าถึงได้มากขึ้น 

นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า รัฐบาลต้องการเน้นพัฒนาผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เพื่อสร้างโอกาสใหม่ ๆ จากเอสเอ็มอีคนตัวเล็กและรายย่อย  เพราะประเทศกำลังพัฒนาต้องพัฒนาด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล การสร้างทรัพย์สินดิจิทัล เช่น ข้อมูลในรูปแบบ BigData จากทุกภาคส่วน เพราะข้อมูลด้านต่าง ๆ มีความสำคัญมาก ทั้งเรื่องจีดีพีของประเทศ บทวิเคราะห์ ผลผลิตอุตสาหกรรม ดัชนีทุกด้าน เมื่อข้อมูลได้รับการพัฒนาจะถูกนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ เพราะความท้าทายติดมากับโอกาส จึงต้องเสริมทักษะบุคลากรแรงงานให้มีคุณภาพ เพราะไทยมีแนวโน้มขาดแคลนแรงงาน เมื่อแรงงานต่างด้าวกลับประเทศต้องใช้ระบบอัตโนมัติ ระบบหุ่นยนต์ทำงานทดแทน จึงต้องพัฒนาระบบต้นทุนประกอบการ  


ดังนั้น ปี 2561 จึงต้องการให้ทุกส่วนร่วมกันปรับปรุงรองรับเทคโนโลยีที่กำลังเปลี่ยนแปลง จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล  เพื่อหวังเข้าไปพัฒนาทุกภาคส่วนทั้งอุตสาหกรรมขนาดใหญ่และผู้ประกอบการเอสเอ็มอี โดยภาครัฐพร้อมให้การสนับสนุนทั้งการฝึกอบรมและสินเชื่อ รวมทั้งดึงเอกชนรายใหญ่มาร่วมโครงการ Big brother นำเอกชนรายใหญ่  25 ราย ช่วยยกระดับให้กับรายเล็ก เพื่อใช้ประโยชน์จากดิจิทัลได้จริงและเป็นการทรานฟอร์มไปสู่ธุรกิจเทคโนโลยีขนาดใหญ่ขึ้น โดยมองว่าน่าจะใช้เวลาเป็น 10 ปีในการปรับตัวไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัลและจีดีพีโตได้อย่างยั่งยืนได้.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]