28 ม.ค. – “ประเสริฐ” ชี้คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลคือปัจจัยสำคัญต่อการพัฒนาประเทศในงาน DATA PRIVACY DAY 2025 พร้อมระบุหากทำผิด พ.ร.ก.ไซเบอร์ มีโทษจําคุก 5 ปี และปรับ 5 ล้านบาท
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เป็นประธานเปิดงาน DATA PRIVACY DAY 2025 หรือวันคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งจัดโดยสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) หรือ PDPC
นายประเสริฐ กล่าวว่า การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล คือปัจจัยสำคัญในการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ที่จะทำให้ธุรกิจมีความน่าเชื่อถือ สร้างความไว้วางใจให้กับผู้บริโภค และยังเป็นการส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศที่จะเข้ามาสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศได้ในภาพรวม โดยได้ย้ำถึง บทบาทที่สำคัญของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ว่าสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในหลายมิติ โดยเฉพาะในยุคเศรษฐกิจดิจิทัลที่ข้อมูลกลายเป็นทรัพยากรสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ
นายประเสริฐ ได้กล่าวถึงความสำคัญของการจัดงาน DATA PRIVACY DAY 2025 ในครั้งนี้ว่า การมีระบบบริหารจัดการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เข้มแข็ง จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมดิจิทัลและเทคโนโลยี และยังเป็นการส่งเสริมการพัฒนาธุรกิจ E-commerce และการทำธุรกรรมออนไลน์ เพราะผู้บริโภคมีความมั่นใจว่าข้อมูลส่วนตัวจะได้รับการปกป้อง ซึ่งจะส่งผลดีต่อการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัล และยังเป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ เพราะการมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นที่ยอมรับของสากล จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล และช่วยลดความเสี่ยงและความเสียหายทางธุรกิจที่อาจเกิดจากการรั่วไหลของข้อมูล นอกจากนี้ การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลยังช่วยส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรม เนื่องจากทุกองค์กรต้องปฏิบัติตามมาตรฐานเดียวกัน และไม่สามารถที่จะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลไปในทางที่ไม่เหมาะสมเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันทางการค้าได้ซึ่งในที่สุดแล้ว การพัฒนาและบังคับใช้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างมีประสิทธิภาพ จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศและสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจได้อย่างยั่งยืน
นายประเสริฐ กล่าวด้วยว่า วันนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบตามที่กระทรวงดีอีนำเสนอแก้ไขพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (พ.ร.ก.ไซเบอร์) โดยมีเหตุผลความเร่งด่วน หลังรัฐบาลพบว่าประชาชนยังได้รับความเสียหายเฉลี่ย 60 – 70 ล้านบาทต่อวัน จึงจำเป็นต้องมีมาตรการเร่งด่วนในการดำเนินการแก้ปัญหานี้
โดยมีสาระสำคัญ ในการเสนอการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.ก. ฉบับเดิม พ.ศ. 2566 เพิ่มอำนาจการดำเนินการกับแพลตฟอร์ม P2P ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด เพิ่มหน้าที่ให้ เครือข่ายโทรศัพท์มือถือ (Telco provider) ต้องระงับซิมที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด เพิ่มหน้าที่การส่งข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีม้าของธนาคารต่าง ๆ ไปยัง ปปง. เพื่อตรวจสอบและคืนเงินให้กับผู้เสียหายได้รวดเร็วมากขึ้น เพิ่มบทลงโทษแพลตฟอร์ม P2P รวมถึงธนาคารที่ไม่ปฏิเสธการเปิดบัญชีของคนร้าย เพิ่มบทลงโทษผู้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล และเพิ่มบทลงโทษให้สถาบันทางการเงิน เครือข่ายมือถือ สื่อสังคมออนไลน์ มีส่วนรับผิดชอบกับความเสียหายที่เกิดขึ้นซึ่งโทษสูงสุดจะมีการปรับเงิน 5 ล้านบาทและจำคุก 5 ปี ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาลโดยหลังจากที่ ครม.เห็นชอบ และมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วจะมีผลบังคับใช้ทันที ซึ่งเลขาธิการกฤษฎีกา ระบุจะใช้เวลาไม่เกิน 30 วัน คาดว่าประกาศบังคับใช้ได้ในเดือนกุมภาพันธ์นี้
ด้านนายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ รักษาการแทนเลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) หรือ PDPC กล่าวว่า การจัดงาน DATA PRIVACY DAY 2025 ของ สคส.ในครั้งนี้ เป็นการตอกย้ำถึงภารกิจที่สำคัญของสคส. ซึ่งเป็นองค์กรหลักในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ในการสนับสนุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลของประเทศโดยเฉพาะเรื่องของการจัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงและปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งเป็นหลักการสำคัญของกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ PDPA และเป็นเรื่องหนึ่งของ Cyber Security ในการป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ต่อข้อมูลส่วนบุคคล ป้องกันไม่ให้เกิดการรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคล อันเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้ ก็คือเรื่องของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ได้รับข้อมูลรั่วไหลเหล่านั้นแล้วไปหลอกลวงประชาชนทำให้เกิดความเสียหายสอดรับกับนโยบาย ข้อมูลรั่วไหลเป็น “0” ของสคส. ที่กำลังดำเนินการอย่างเข้มข้น เพื่อให้บรรลุถึงความปลอดภัยในการคุ้มครองข้อมูลแก่ประชาชนให้ได้ในที่สุด
การจัดงาน DATA PRIVACY DAY ในครั้งนี้ ประกอบด้วยกิจกรรมหลัก ๆ ที่สำคัญในด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ของ สคส. ได้แก่การมอบโล่รางวัลจากนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ให้แก่ผู้ชนะเลิศ ในโครงการตอบปัญหากฎหมายด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA Challenge 2024) และโครงการแข่งขันนวัตกรรมด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA Hackathon 2024) ซึ่งทาง สคส. ได้ร่วมมือกับธนาคารกรุงไทย โดยมีนิสิตนักศึกษาเข้าร่วมโครงการจากทั่วประเทศรวมถึงการประกาศความสำเร็จของโครงการ PDPC Privacy Maturity Model และ Privacy Index. -513-สำนักข่าวไทย