นายแบงก์ห่วงบาทแข็งกระทบส่งออกสินค้าเกษตร

กรุงเทพฯ  8 ม.ค. – ธนาคารไทยพาณิชย์ห่วงบาทแข็งทำสินค้าเกษตรไทยแข่งขันยาก โดยเฉพาะเวียดนาม แต่เชื่อส่งออกยังโตร้อยละ 5 หนุนจีดีพีโตร้อยละ 4


นายพชรพจน์ นันทรามาศ ผู้อำนวยการเศรษฐกิจมหภาค Economic Intelligence Center (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า การที่เงินบาทแข็งค่าขึ้นตั้งแต่เริ่มต้นปี 2561 เป็นการแข็งค่าต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา คาดว่าเงินบาทจะอยู่ที่ 32-33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ ซึ่งเชื่อว่าภาคเอกชนมีการปรับตัวระยะหนึ่งแล้วเพราะเห็นแนวโน้มเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง แต่ที่กังวล คือ อาจจะกระทบต่อการกำหนดราคาส่งออกสินค้าเกษตร เช่น ยางพารา และข้าว เนื่องจากประเทศคู่แข่ง เช่น เวียดนาม มีการส่งออกสินค้าเหมือนกับไทย และหากเทียบเงินบาทกับเงินดองเวียดนามแข็งค่าถึงร้อยละ 10 และหากเทียบกับเงินหยวนของจีน เงินบาทแข็งค่ากว่าร้อยละ 5 ทำให้ความสามารถในการกำหนดราคาสินค้าเกษตรของผู้ส่งออกไทยลดลง 

อย่างไรก็ตาม เงินบาทที่แข็งค่าไม่กระทบต่อตัวเลขการส่งออกปีนี้ ซึ่งคาดว่าขยายตัวร้อยละ 5 เนื่องจากเศรษฐกิจโลกขยายตัวดี และมีความต้องการสินค้าจากต่างประเทศ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญทำให้เศรษฐกิจไทยปี 2561 จะเติบโตร้อยละ 4 เท่ากับปี 2560 นอกจากนี้ การลงทุนภาคเอกชนเริ่มขยับฟื้นตัว หลังจากหดตัวในช่วง 3 ปีก่อนหน้านี้ คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 3 จากการส่งออกที่ขยายตัวดี บวกกับธนาคารพาณิชย์และค้าปลีกจะมีการลงทุนรองรับการเปลี่ยนแปลงสู่เศรษฐกิจดิจิทัลและภาครัฐหนุนการลงทุนในอีอีซี


ขณะที่ยังได้แรงหนุนจากภาคการท่องเที่ยวที่คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 7.9 เป็นการขยายตัวเต็มศักยภาพ ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาไทย 38 ล้านคน หลังจากพ้นช่วงไว้อาลัย และไทยพ้นโทษแบนจากองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ หรือ ICAO ส่วนการบริโภคภาคเอกชน คาดว่าจะค่อย ๆ ฟื้นตัว โดยมีแนวโน้มดีขึ้นเพียงบางกลุ่ม เช่น กลุ่มผู้มีรายได้สูง และกลุ่มผู้ซื้อรถคันแรกที่ทยอยหมดภาระการผ่อนที่จะช่วยให้สินค้าและบริการที่เจาะกลุ่มชนชั้นกลางยังคงขยายตัวได้ คาดว่าการบริโภคภาคเอกชนจะเติบโตร้อยละ 3 ส่วนการลงทุนภาครัฐ คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 2.5 ตามเม็ดเงินจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล

ส่วนแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย คาดว่าจะทรงตัวร้อยละ 1.5 เพื่อประคับประคองเศรษฐกิจที่ยังเติบโตไม่ทั่วถึง ประกอบกับเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นเล็กน้อยตามราคาน้ำมันและราคาสินค้า คาดว่าเงินเฟ้ออยู่ที่ร้อยละ 1.1 

ด้านความเสี่ยงหลักปี 2561 คือ ราคาสินค้าเกษตรทรงตัวอยู่ในระดับต่ำจากผลผลิตที่ออกมามากจะกระทบกับรายได้ของครัวเรือนส่วนใหญ่ เป็นการส่งผลซ้ำเติมต่อกำลังซื้อที่ยังไม่ได้ฟื้นตัว การขาดแคลนแรงงานทั้งแรงงานต่างด้าวและแรงงานทักษะขั้นสูง ซึ่งความเสี่ยงนี้เป็นปัจจัยสำคัญอาจทำให้แนวโน้มการฟื้นตัวของการลงทุนสะดุดลงได้ ความไม่แน่นอนทางการเมืองที่มีโอกาสส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจ และสภาพคล่องในตลาดการเงินโลกจะเริ่มลดน้อยลง หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และอีกหลายประเทศเริ่มลดการอัดฉีดเม็ดเงินและปรับขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งจะกระทบดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับลงได้. – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ข่าวแนะนำ

ซุ้มไฟเฉลิมพระเกียรติฯ สุดตระการตา รับประเพณียี่เป็ง

ยามค่ำคืนในตัวเมืองเชียงใหม่ ประดับประดาด้วยแสงไฟรับประเพณียี่เป็ง หรือลอยกระทงเชียงใหม่ โดยเฉพาะบนถนนท่าแพ มีการสร้างซุ้มประดับไฟเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จำนวน 14 ซุ้ม ยาวกว่า 200 เมตร.

“ฟิล์ม รัฐภูมิ” ตั้งโต๊ะแจงปมรีดทรัพย์ รับอ้างชื่อ “หนุ่ม กรรชัย” เพื่อขายงาน

“ฟิล์ม รัฐภูมิ” ตั้งโต๊ะแจงปมเรียกรับเงิน 20 ล้านบาท จากดิไอคอน ยอมรับอ้างชื่อ “หนุ่ม กรรชัย” เพราะต้องการขายงาน

คุมตัว “ตี่ลี่ฮวงจุ้ย” ฝากขัง เจ้าตัวเงียบรีบเดินขึ้นรถตู้

ตำรวจกองปราบคุมตัว “ตี่ลี่ฮวงจุ้ย” ฝากขัง ผู้ต้องหาปัดตอบสื่อ ด้านพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว เพราะมีพฤติการณ์หลบหนี