นักวิชาการชี้กระเบนราหูแม่กลองตายเพราะสารเคมี


สมุทรสงคราม 11 ต.ค.-จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถระบุสาเหตุการตายที่แน่ชัดของกระเบนราหูในลำน้ำแม่กลองได้ ต้องรอผลตรวจวิเคราะห์ตะกอนดินและน้ำเพื่อยืนยันอีกครั้ง ซึ่งจะทราบผลเร็วสุด 14 ตุลาคม ขณะที่สัตวแพทย์ชี้ชัดสาเหตุมาจากสารเคมี และจำนวนตายจริงอาจสูงถึง 150 ตัว

11-10-2559 20-35-26 11-10-2559 20-36-40


ในการประชุมหารือแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหากระเบนราหูตายในลำน้ำแม่กลองในวันนี้ ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม และอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ร่วมประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคประชาชนในพื้นที่ โดยที่ประชุมยังไม่สามารถชี้ชัดได้ถึงสาเหตุที่แท้จริงของการการตายของกระเบนราหู ซึ่งขณะนี้มีตัวเลขเพิ้มขึ้นเป็น 45 ตัวแล้ว แต่สัตวแพทย์หญิงนันทริกา ชันซื่อ จากจุฬาฯ ชี้ชัดว่า จากการผ่าซากกระเบน5 ตัว พบค่าไตสูงกว่าปกติถึง 20 เท่า ซึ่งบ่งชี้ว่าไม่ได้ตายจากสารธรรมชาติ แต่ตายเพราะสารเคมีบางชนิด ที่มีผลให้ตายเฉียบพลัน หลังได้รับสารเคมี 12-24 ชั่วโมง และจำนวนกระเบนราหูที่ตายจริงอาจสูงมากกว่าจำนวนที่พบซากแล้วหลายเท่า หรืออาจสูงถึง 150 ตัว

11-10-2559 20-37-01 11-10-2559 20-37-08  11-10-2559 20-37-52 11-10-2559 20-38-13

ขณะที่ภาคประชาชนส่วนใหญ่ให้ความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า ความผิดปกติที่เกิดขึ้นในลำน้ำแม่กลอง เนื่องจากน้ำเสียจากที่ปล่อยจากโรงงานอุตสาหกรรมทางตอนเหนือของลำน้ำ จนทำให้ปลากระเบนราหู ซึ่งเป็นสัตว์น้ำที่อ่อนไหวต่อสิ่งแวดล้อม ตายมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยกรมควบคุมมลพิษได้เก็บตัวอย่างน้ำและตะกอนดิน รวมทั้งน้ำเสียจากบ่อบัดของโรงงานต้องสงสัยหลายแห่งไปตรวจสอบแล้ว ซึ่งผลวิเคราะห์จะออกมาเร็วสุดในวันที่ 14 ตุลาคมนี้


วิกฤติกระเบนราหูลำน้ำแม่กลองเริ่มส่งสัญญาณมาตั้งแต่ 2 กันยายน และช่วง 10 วันที่ผ่านมา ได้ทยอยตายเพิ่ม พบซากล่าสุดเมื่อวานนี้เป็นตัวที่ 45 ขนาดใหญ่สุดกว้าง 3 เมตร ยาวสุด 4 เมตร โดยทีมกู้ชีพของจังหวัดยังคงเฝ้าระวังต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง

11-10-2559 20-38-48 11-10-2559 20-38-42

ส่วนปัญหาหอยตายจำนวนมากที่ดอนหอยหลอดได้รับการยืนยันว่า ไม่ได้เกิดจากน้ำเสียจากลำน้ำแม่กลอง แต่เกิดจากปรากฏการณ์แพลงตอนบลูม หรือปรากฏการณ์ขี้ปลาวาฬ ซึ่งจากภาพถ่ายดาวเทียมช่วงวันที่ 2-4 ตุลาคม เห็นชัดในอ่าวไทย บริเวณ จ.สมุทรสงคราม และเมื่อน้ำลดทำให้แพลงก์ตอนไปอุดรูหายใจของหอยจนตาย

11-10-2559 20-39-07 11-10-2559 20-39-17

ในการประชุมครั้งนี้ภาคประชาชนยังเรียกร้องให้มีการยกปัญหาวิกฤติมลพิษในลำน้ำแม่กลองเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาอย่างยังยืนต่อไปด้วย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผ่าไชน่า เรลเวย์ คว้า 3 โครงการรัฐในภูเก็ต

เหตุการณ์ตึก สตง.ถล่ม กลายเป็นปฐมบทในการปูพรมตรวจสอบบริษัท ไชน่า เรลเวย์ หลังพบเป็นผู้ชนะการประมูลโครงการก่อสร้างตึก สตง. และโครงการรัฐหลายแห่งทั่วประเทศ ล่าสุดที่ จ.ภูเก็ต ตรวจพบ 3 โครงการ และหนึ่งในนั้นกำลังมีปัญหาก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน

มหาสงครามโลก

นักวิชาการชี้ “มหาสงครามโลกครั้งที่ 3” เกิดแน่ถ้าโลกยังตึงเครียด

นักวิชาการด้านความมั่นคงและการต่างประเทศระดับแนวหน้าของไทย มีความเห็นตรงกันว่า หากผู้นำชาติมหาอำนาจไม่เร่งลดระดับความตึงเครียดสถานการณ์โลก

กู้ภัยนานาชาติ เครือข่าย USAR ถอนกำลังแล้ว

กู้ภัยนานาชาติ เครือข่าย USAR ถอนกำลังแล้ว หลังอยู่ปฏิบัติภารกิจค้นหา-กู้ชีพ สนับสนุนกู้ภัยไทย เหตุตึก สตง.ถล่ม กว่า 1 สัปดาห์

ธรรมชาติใต้ดินเปลี่ยนไป หลังแผ่นดินไหว 1 สัปดาห์

แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ส่งแรงสั่นสะเทือนในหลายพื้นที่ของภาคเหนือ แม้บนพื้นผิวดินจะไม่ได้สร้างความเสียหายมากนัก แต่พบความเปลี่ยนแปลงสภาพใต้ดินจนเกิดปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งหลุมยุบขนาดใหญ่ น้ำพุร้อนที่เคยพุ่งจากใต้ดินหายไป แต่น้ำตกที่แห้งในหน้าแล้งกลับมีน้ำไหลออกมา ซึ่งนักธรณีวิทยายืนยันเป็นผลพวงจากแผ่นดินไหวครั้งนี้

ข่าวแนะนำ

“ไฮโซกำมะลอ” กระโดดชั้น 3 สน.โคกคราม

“ไฮโซเก๊” โลก 2 ใบ เครียดปีนตึก หลังถูก “คะน้า” ดาราสาว ออกมาแฉกลางรายการดัง จนตำรวจต้องเข้าเกลี้ยกล่อมพาไปโรงพัก แต่ยังวิ่งหนีการควบคุม กระโดดลงมาจากชั้น 3 สน.โครกคราม บาดเจ็บ

วันที่ 11 ปฏิบัติการกู้ซากตึก สตง. ถล่ม

วันที่ 11 ของปฏิบัติการกู้ซากตึก สตง. พังถล่ม เจ้าหน้าที่เดินหน้าใช้เครื่องจักรหนักเข้า เคลียร์ซากต่อเนื่อง โดยเฉพาะโซนบี และซี ที่คาดว่าเป็นจุดที่มีผู้ติดค้างอยู่จำนวนมาก

ชุดค้นหาลงโพรงโซน B, C ลึก 5-6 เมตร ได้กลิ่นแรง ไม่พบผู้สูญหาย

“กู้ภัย” เผยเจาะโพรงพื้นที่โซน B และ C ได้แล้ว พร้อมส่งชุดค้นหาลงโพรงไปตรวจสอบลึก 5-6 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหายเพิ่ม แต่ได้กลิ่นแรง เร่งเดินหน้าเครื่องจักรหนักเคลียร์ซากต่อเนื่อง ยันจะช่วยเหลือจนกว่านำร่างสุดท้ายออกมาครบ