“อภิสิทธิ์” ชี้ การพัฒนาประเทศไปสู่ 4.0 ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี

กรุงเทพฯ 9 ธ.ค.- หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุ การพัฒนาประเทศไปสู่ 4.0 ไม่ได้ขึ้นอยู่กับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี หรือ การอยู่ยาวของรัฐบาล แต่ขึ้นอยู่กับนโยบายสาธารณะที่สังคมต้องการมากกว่า ชี้ ต้องปรับทัศนคติผู้มีอำนาจ ไม่ใช่ใช้อำนาจมาปรับทัศนคติคนในสังคม 


นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์  ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “เสถียรภาพทางการเมืองเเละขีดความสามารถของคนในชาติ มีผลมากน้อยต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไปสู่ 4.0”  ให้แก่ผู้สำเร็จการศึกษาของหลักสูตร “ขุมทรัพย์อาเซียนนักบริหารรุ่นใหม่ยุคดิจิตอลระดับสูง” รุ่นที่ 1 วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต  

นายอภิสิทธิ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า  รัฐบาลริเริ่มใช้คำว่า ไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งเป็นเรื่องที่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงกับเศรษฐกิจและสังคมไทย แต่ที่น่าตกใจคือ  ประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจความหมายของคำว่า 4.0  ทั้งที่หากรัฐบาลสื่อสารว่า  ประเทศไทยไม่สามารถเดินไปข้างหน้าด้วยวิธีการเดิมได้แล้ว จะตรงประเด็นและเข้าใจง่ายมากกว่า 


นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หลายคนบอกว่า ประเทศไทยไม่ก้าวหน้า เพราะเปลี่ยนรัฐบาลบ่อย แต่ความจริงปัญหาคือ เราไม่เคยคิดจะแก้ปัญหาด้านนโยบายสาธารณะมากกว่า วันนี้ รัฐบาลบอกมียุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี  ถามจริงๆ ว่า มีใครในโลกสามารถบอกได้ว่า อีก 20 ปีอะไรจะเกิดขึ้น ถ้าไม่เชื่อ ลองคิดง่ายๆ ว่า ปีนี้ 2560 แล้วลองนึกภาพ 20 ปีที่แล้ว คือ คนในปลายปี 2540 จะวางยุทธศาสตร์ชาติให้เราได้หรือไม่  ทั้งที่สิ่งสำคัญคือ ทำให้กระบวนการทางการเมือง กลับมาที่นโยบายการขับเคลื่อนประเทศ ถ้านโยบายใดจำเป็น ต่อให้เปลี่ยนรัฐบาล ก็เปลี่ยนนโยบายนั้นไม่ได้ เพราะสังคมไม่ยอม 

“ดังนั้น ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ว่ารัฐบาลอยู่ยาว หรือมีกฎหมายบังคับ  แต่ประเด็นอยู่ที่นโยบายของรัฐบาลที่สังคมให้ความสนใจ วันนี้ เรามองการเมืองเป็นเรื่องของพรรคพวก ถ้าวันไหนผมพูดตรงกับพรรคเพื่อไทย ผมก็จะถูกดูว่า เป็นพวกเดียวกับเสื้อแดง ทั้งที่ผมพูดในสิ่งที่คือความจริงและถูกต้อง ถ้าคนในสังคมคิดเช่นนี้ ประเทศก็จะอยู่ในวังวนอย่างนี้เรื่อยๆ” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า  คนยุคใหม่ต้องเป็นคนเปลี่ยนแปลงสังคม หากไม่เปลี่ยน ก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจ การเมืองและสังคมได้ ซึ่งวันนี้ต้องไปปรับทัศนคติผู้มีอำนาจ ไม่ใช่เอาอำนาจมาปรับทัศนคติคนในสังคม  นักการเมืองก็ต้องปรับทัศนคติ เพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคมในโลก ไม่ใช่ปรับทัศนคติเพราะอำนาจ 


“คนรุ่นใหม่ต้องสร้างกระแสสังคมเพื่อไปกดดันผู้มีอำนาจ แม้ว่าผู้มีอำนาจจะอายุมากกว่าก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงกระแสสังคมได้  จึงขอให้ทุกคนช่วยกันเปลี่ยนแปลงสังคมไทยต่อไป” นายอภิสิทธิ์ กล่าว  .- สำนักข่าวไทย        

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“เหนือ-อีสาน-กลาง” อากาศเย็น ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ รายงานภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง