กรุงเทพฯ 3 ธ.ค. – นักวิชาการ ม.รังสิตประเมินผลช้อปช่วยชาติ 19 วัน เงินสะพัดไม่ถึงหมื่นล้านบาท กลุ่มได้ประโยชน์ค่อนข้างจำกัด แนะออกมาตรการช่วยคนยากจน
นายอนุสรณ์ ธรรมใจ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ และคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า มาตรการช้อปช่วยชาติ 19 วัน ระหว่างวันที่ 13 พฤศจิกายน-6 ธันวาคม 2560 ต่อการกระตุ้นการใช้จ่ายและเศรษฐกิจค่อนข้างต่ำเม็ดเงินสะพัดไม่ถึง 10,000 ล้านบาท และส่วนใหญ่เป็นการใช้จ่ายที่ต้องจ่ายตามปกติอยู่แล้ว จะก่อให้เกิดการชะลอการบริโภคระยะต่อไป มีกลุ่มคนได้ประโยชน์ค่อนข้างจำกัดเพียงร้อยละ 7 ของผู้เสียภาษี จึงอยากให้มุ่งเป้าไปที่การมีมาตรการช่วยเหลือคนยากจน โดยคนยากจนเพิ่มขึ้นเกือบ 1 ล้านคน คิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 ในช่วงปี 2558-2559
นอกจากนี้ สนับสนุนเลื่อนการเพิ่มอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม เพื่อประคับประคองให้เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างเข้มแข็ง แต่ต้องปรับโครงสร้างภาษีให้มีสัดส่วนภาษีทางตรงเพิ่มขึ้น หากเพิ่มภาษีทางอ้อมมากเกินไปจะส่งผลกระทบต่อผู้มีรายได้น้อยและชนชั้นกลาง อย่างไรก็ตาม การปรับเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่มยังมีความจำเป็น เนื่องจากการขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลต่อเนื่องมามากกว่า 10 ปีแล้ว และอาจมีความเสี่ยงทางการคลังในอนาคต
ขณะเดียวกันยังเสนอให้ปรับกรอบความยั่งยืนการทางคลังใหม่ เนื่องจากไม่สามารถทำได้ตามเป้าหมายที่เคยกำหนดไว้เมื่อปี 2553 ที่ต้องการให้จัดทำงบประมาณสมดุลปี 2560-2561 โดยอาจเลื่อนให้สามารถดำเนินการให้ได้ภายในปี 2568-2570 โดยต้องเร่งอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจเป็นไปตามศักยภาพที่ระดับร้อยละ 4-5 เป็นอย่างน้อย ปรับโครงสร้างภาษีและเพิ่มภาษีทางตรงเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะภาษีที่มีฐานจากทรัพย์สินและภาษีบาป เพิ่มประสิทธิภาพรัฐวิสาหกิจเพื่อให้สามารถส่งรายได้เข้าคลังเพิ่มขึ้น แปรรูปรัฐวิสาหกิจ ลดการรั่วไหลทุจริตคอร์รัปชั่น รวมทั้งเสนอปฏิรูประบบการคลังโดยปฏิรูปกรมจัดเก็บภาษีใหม่ ไม่จัดสรรงบประมาณให้กรมจัดเก็บ แต่ให้มีรายได้จากผลงานการจัดเก็บภาษี หากไม่สามารถทำให้เศรษฐกิจขยายตัวสูงขึ้น ไม่หาทางเก็บภาษีเพิ่มหรือแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ปล่อยให้ภาวการณ์ขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้นไปอีก 3-5 ปีข้างหน้า คาดว่าจะเกิดความเสี่ยงทางการคลังเพิ่มขึ้นอย่างมาก .-สำนักข่าวไทย