ร้อยเอ็ด 3 ธ.ค. – รัฐมนตรีพาณิชย์เผยติดตั้งเครื่องอีดีซีครบตามเป้าหมาย 18,000 แห่ง เดินหน้าเฟส 2 ดึงสินค้าโอทอป สินค้าชุมชนและร้านขายยาเข้าร่วมโครงการธงฟ้าประชารัฐ
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ภายหลังตรวจเยี่ยมการดำเนินงานตามโครงการธงฟ้าประชารัฐในจังหวัดร้อยเอ็ด ว่า สำหรับจังหวัดร้อยเอ็ดกำหนดเป้าหมายให้มีร้านธงฟ้าประชารัฐ 467 ร้านค้า และมีร้านที่ติดตั้งเครื่องรับชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (อีดีซี) 481 เครื่อง ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่กำหนด ขณะที่ความคืบหน้าของโครงการธงฟ้าประชารัฐล่าสุดสิ้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาสามารถติดตั้งเครื่องอีดีซีได้ครบตามเป้าหมาย 18,000 แห่งแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างประเมินการให้บริการทั้งประเทศว่ายังมีพื้นที่ใดมีความจำเป็นจะต้องมีเครื่องหรือร้านค้าเพิ่มขึ้นหรือไม่ เพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้กับผู้มีรายได้น้อยมากที่สุด
สำหรับการดำเนินการระยะที่ 2 เรื่องการผลักดันให้นำสินค้าชุมชน สินค้าโอทอป เข้าไปขายในร้านธงฟ้าประชารัฐ ได้สั่งพาณิชย์จังหวัดลิสรายการสินค้าโอทอป รวมถึงสินค้าชุมชุนที่ได้มาตรฐาน เพื่อนำไปกระจายสู่ร้านค้าประชารัฐ คาดจะเสร็จภายในเดือนธันวาคมนี้ ส่วนการดึงร้านยาเข้าร่วมโครงการธงฟ้าประชารัฐ ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ ร้านยาที่ประสงค์จะเข้าร่วมโครงการยังสามารถสมัครได้ ในส่วนของกรุงเทพฯ ให้แจ้งความประสงค์ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าสายด่วน 1570 และต่างจังหวัดแจ้งได้ที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัด ล่าสุดมีผู้สมัครร่วมโครงการแล้ว 105 แห่ง และในจำนวนนี้ติดตั้งเครื่องอีดีซีแล้วกว่า 30 ร้าน ส่วนผลการใช้จ่ายผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2560 จนถึงปัจจุบัน มีมูลค่าการซื้อสินค้ามากกว่า 5,000 ล้านบาท
ด้านเจ้าของร้านร้อยเอ็ดไฮเปอร์มาร์ท ซึ่งเป็นร้านที่เข้าร่วมโครงการธงฟ้าประชารัฐ นิรันดร์ ปิยะอัษฎารัตน์ ระบุว่าโครงการธงฟ้าประชารัฐนอกจากจะช่วยผู้มีรายได้น้อยแล้วยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ดี โดยไตรมาส 4 บรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยคึกคักมากกว่าไตรมาสที่ผ่านมา ผู้ถือบัตรผู้มีรายได้น้อยส่วนใหญ่ที่เข้ามาใช้บริการที่ร้านจะซื้อเครื่องอุปโภคบริโภค เช่น ข้าวสาร ไข่ไก่ สบู่ ยาสระผม และขณะนี้กำลังติดต่อประสานงานกับทางชุมชน เพื่อนำสินค้าที่เป็นโอทอป รวมถึงสินค้าของชุมชนที่มีมาตรฐานมาวางจำหน่ายในร้านเป็นการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าได้อีกทางหนึ่ง
ทั้งนี้ ยอมรับว่า 2 เดือนที่ผ่านมามีผู้ถือบัตรสวัสดิการมาใช้บริการจำนวนมาก ทำให้บางช่วงประชาชนต้องใช้เวลานานในการต่อคิวเพื่อชำระเงิน ดังนั้น จึงอยากให้รัฐพิจารณาเพิ่มเครื่องอีดีซีในร้านค้าที่มีขนาดใหญ่จากเดิม 1 ร้านค้าต่อ 1 เครื่อง. – สำนักข่าวไทย