จัดระเบียบเงินบริจาควัด ตอน 1

กรุงเทพฯ 30 พ.ย.-ปัญหาเงินบริจาคและเงินทอนวัดส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจากการบริหารบัญชีการเงินวัดที่ไม่เป็นระบบ มีช่องโหว่จนเกิดการทุจริตได้ ล่าสุดมีการหามาตรการให้วัดที่มีกว่า 40,000 วัดทั่วประเทศ บริหารเงินให้โปร่งใสขึ้น และมีฐานข้อมูลเพื่อตรวจสอบได้ โดยกรมสรรพากรเตรียมนำระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ หรือ อี-โดเนชั่น มาใช้บันทึกข้อมูล เริ่มนำร่องที่น่านในเดือนธันวาคม และไปดูวัดต้นแบบในกรุงเทพฯ วัดหนึ่งที่จัดทำบัญชีการเงินได้อย่างเป็นระบบ


ป้ายเชิญชวนบริจาคสมทบทุนการศึกษา บูรณปฏิสังขรณ์ศาสนสถาน ค่าภัตตาหาร ติดไว้ด้านหน้าวัดดาวดึงษาราม เขตบางพลัด กรุงเทพฯ วัดขนาดกลางวัดนี้ มีพระภิกษุและสามเณรกว่า  64 รูป ด้านในวัดมีการตั้งตู้รับบริจาคหลายจุด โดยแต่ละเดือนวัดมีรายรับรวมกว่า 400,000 บาท ส่วนค่าใช้จ่าย มีค่าน้ำค่าไฟ ค่าภัตตาหารและอื่นๆ ซึ่งพอมีเงินเหลือสำรองในบัญชีบ้าง


เจ้าอาวาสวัดดาวดึงษารามบอกว่า เงินบริจาคทุกรายการจะบันทึกลงในบัญชีวัดอย่างละเอียด โดยวัดนี้เป็นวัดตัวอย่างที่มีการทำบัญชีแบบใหม่ และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเตรียมนำรูปแบบนี้ไปทดลองใช้กับวัดทั่วประเทศ แยกบัญชีออกเป็น 6 ประเภท คือ สมุดบัญชีรายรับรายจ่ายประจำวัน บัญชีเงินฝาก บัญชีแยกรายรับ แยกรายจ่าย บัญชีสรุปรายเดือน และรายงานประจำปี ทุกรายการจะถูกบันทึกทันทีที่มีการจ่ายหรือรับเงิน และออกใบสำคัญเพื่อเก็บเป็นหลักฐานทุกครั้ง สรุปยอดรวมติดประกาศอย่างเปิดเผยทุกเดือน


การเบิกจ่ายแต่ละครั้งทำโดยไวยาวัจกรและพระภิกษุผู้ดูแลบัญชีการเงิน แต่หากเบิกจ่ายจำนวนมาก ต้องมีหนังสือแจ้งเจ้าอาวาสรับทราบทุกครั้ง หรือแม้แต่การออกใบอนุโมทนาบัตร ก็ต้องกรอกตัวเลขตามจริง

เจ้าอาวาสยอมรับว่า เคยมีลูกศิษย์ขอให้ช่วยกรอกตัวเลขเกินจริงถึงหลักแสนบาทในใบอนุโมทนาบัตร เพื่อนำไปหักลดหย่อนภาษี แต่วัดปฏิเสธ เพราะเป็นการทุจริตและอาจถูกตรวจสอบย้อนหลังได้

ในอนาคตมีหลายแนวทางที่จะช่วยให้วัดวางระบบเงินที่ได้จากการบริจาค ให้ใช้ได้อย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้ เช่น การที่กรมสรรพากรกำลังทำระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ หรืออี-โดเนชั่น แทนการออกใบอนุโมทนาบัตรแบบกระดาษ โดยวัดจะมีเลขประจำตัวหน่วยรับบริจาค ซึ่งกรมสรรพากรออกให้ เพื่อเข้าใช้งานและกรอกรายละเอียดให้ผู้บริจาคนำไปลดหย่อนภาษีได้

นักวิชาการกรมสรรพากรบอกว่า แม้ระบบนี้จะไม่ได้หวังตรวจสอบการทุจริตการเงินของวัดโดยตรง แต่จะทำให้มีฐานข้อมูลกลางของวัดและผู้บริจาค ที่ตรวจสอบระหว่างกันได้ ลดขั้นตอนการขอคืนภาษีที่กรมไปสุ่มตรวจภายหลัง ระบบนี้จะเริ่มทดลองใช้ในเดือนธันวาคมที่ จ.น่าน มีกลุ่มตัวอย่างเป็นวัดและสถานศึกษากว่า 30 แห่ง ก่อนประเมินผลและนำไปใช้จริงกับวัดทั่วประเทศในปี 61  

การหาผลประโยชน์จากวัด เช่น ปัญหาเงินทอนวัด การทุจริตเงินบริจาค ทำให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติหาแนวทางจัดระเบียบบัญชีการเงินวัดให้เป็นระบบ ต้องตรวจสอบย้อนหลังได้ เคยมีการศึกษาวิจัยปัญหาการบริหารงานการเงินวัด จากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือนิด้า ที่พบว่าข้อมูลทางบัญชีของวัดจะถูกตรวจสอบเมื่อพบปัญหาเกิดขึ้น และหากบัญชีไม่มีความละเอียด อาจส่งผลให้การบริหารวัดไม่โปร่งใส.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผ่าไชน่า เรลเวย์ คว้า 3 โครงการรัฐในภูเก็ต

เหตุการณ์ตึก สตง.ถล่ม กลายเป็นปฐมบทในการปูพรมตรวจสอบบริษัท ไชน่า เรลเวย์ หลังพบเป็นผู้ชนะการประมูลโครงการก่อสร้างตึก สตง. และโครงการรัฐหลายแห่งทั่วประเทศ ล่าสุดที่ จ.ภูเก็ต ตรวจพบ 3 โครงการ และหนึ่งในนั้นกำลังมีปัญหาก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน

มหาสงครามโลก

นักวิชาการชี้ “มหาสงครามโลกครั้งที่ 3” เกิดแน่ถ้าโลกยังตึงเครียด

นักวิชาการด้านความมั่นคงและการต่างประเทศระดับแนวหน้าของไทย มีความเห็นตรงกันว่า หากผู้นำชาติมหาอำนาจไม่เร่งลดระดับความตึงเครียดสถานการณ์โลก

กู้ภัยนานาชาติ เครือข่าย USAR ถอนกำลังแล้ว

กู้ภัยนานาชาติ เครือข่าย USAR ถอนกำลังแล้ว หลังอยู่ปฏิบัติภารกิจค้นหา-กู้ชีพ สนับสนุนกู้ภัยไทย เหตุตึก สตง.ถล่ม กว่า 1 สัปดาห์

ธรรมชาติใต้ดินเปลี่ยนไป หลังแผ่นดินไหว 1 สัปดาห์

แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ส่งแรงสั่นสะเทือนในหลายพื้นที่ของภาคเหนือ แม้บนพื้นผิวดินจะไม่ได้สร้างความเสียหายมากนัก แต่พบความเปลี่ยนแปลงสภาพใต้ดินจนเกิดปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งหลุมยุบขนาดใหญ่ น้ำพุร้อนที่เคยพุ่งจากใต้ดินหายไป แต่น้ำตกที่แห้งในหน้าแล้งกลับมีน้ำไหลออกมา ซึ่งนักธรณีวิทยายืนยันเป็นผลพวงจากแผ่นดินไหวครั้งนี้

ข่าวแนะนำ

“ไฮโซกำมะลอ” กระโดดชั้น 3 สน.โคกคราม

“ไฮโซเก๊” โลก 2 ใบ เครียดปีนตึก หลังถูก “คะน้า” ดาราสาว ออกมาแฉกลางรายการดัง จนตำรวจต้องเข้าเกลี้ยกล่อมพาไปโรงพัก แต่ยังวิ่งหนีการควบคุม กระโดดลงมาจากชั้น 3 สน.โครกคราม บาดเจ็บ

วันที่ 11 ปฏิบัติการกู้ซากตึก สตง. ถล่ม

วันที่ 11 ของปฏิบัติการกู้ซากตึก สตง. พังถล่ม เจ้าหน้าที่เดินหน้าใช้เครื่องจักรหนักเข้า เคลียร์ซากต่อเนื่อง โดยเฉพาะโซนบี และซี ที่คาดว่าเป็นจุดที่มีผู้ติดค้างอยู่จำนวนมาก

ชุดค้นหาลงโพรงโซน B, C ลึก 5-6 เมตร ได้กลิ่นแรง ไม่พบผู้สูญหาย

“กู้ภัย” เผยเจาะโพรงพื้นที่โซน B และ C ได้แล้ว พร้อมส่งชุดค้นหาลงโพรงไปตรวจสอบลึก 5-6 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหายเพิ่ม แต่ได้กลิ่นแรง เร่งเดินหน้าเครื่องจักรหนักเคลียร์ซากต่อเนื่อง ยันจะช่วยเหลือจนกว่านำร่างสุดท้ายออกมาครบ