สุดสลด!ผัวยิงเมียดับก่อนจ่อยิงหัวตัวเองตายตาม

ชุมพร 25 พ.ย.-เกิดเหตุสลดใจ ผัวจ่อยิงเมียขณะนอนหลับดับคาที่นอน ก่อนลั่นไกเจาะหน้าผากตัวเองตายตามอีกศพ คาดสาเหตุจากปัญหาหนี้สิน จนเกิดความเครียดหาทางออกไม่ได้ ตัดสินใจจบชีวิตคู่ ทิ้งลูกชาย 2 คนเผชิญโลกกันเอง


กลางดึกที่ผ่านมา ตำรวจ สภ.บ้านวิสัยเหนือ อ.เมือง จ.ชุมพร รับแจ้งเหตุฆ่ากันตายภายในบ้านเลขที่ 39/1 หมู่ 1 ต.วิสัยเหนือ จึงพร้อมด้วยแพทย์ รพ.ชุมพรเขตอุดมศักดิ์ และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์ รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่าบ้านที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว อยู่ริมถนนสายเอเชีย 41 ขาขึ้นกรุงเทพฯ 

จุดเกิดเหตุอยู่ภายในห้องนอน พบศพนายสุพัฒน์ อายุ 39 ปี สภาพนอนหงายเสียชีวิตอยู่ในมุ้งบนที่นอน มีรอยกระสุนปืนที่หน้าผากเหนือคิ้ว เลือดทะลักแห้งกรังติดเต็มที่นอน ข้างศพพบอาวุธปืนยาวขนาด .22 ติดลำกล้องวางอยู่ ติดกันพบศพนางนันทนา อายุ 37 ปี สภาพนอนตะแคงหันหลังให้นายสุพัฒน์ ซึ่งเป็นสามี มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนชนิดเดียวกัน กระสุนเจาะเข้าขมับขวาจำนวน 1 นัด


จากการสอบสวนญาติผู้เสียชีวิตในเบื้องต้น ทราบว่า ช่วงเย็นก่อนเกิดเหตุผู้ตายทั้งสองนั่งกินข้าวพร้อมกับลูกชาย 2 คนและพ่อตาในครัว จากนั้นลูกชายคนเล็กอายุ 14 ปี ได้ออกไปหาปลากับเพื่อน ส่วนลูกชายคนโตอายุ 18 ปี เข้าห้องนอนซึ่งอยู่ติดกับห้องพ่อแม่ ต่อมาเวลาประมาณ 21.00 น.ลูกชายคนเล็กได้กลับมาจากหาปลาแล้วไปเคาะประตูเรียกพ่อแม่ แต่ไม่ได้ยินเสียงตอบ คิดว่าคงจะหลับแล้ว จึงไม่ได้เอะใจอะไร ต่อมามีโทรศัพท์โทรมาหาลูกชายคนโตบอกว่าญาติเสีย ลูกชายคนโตจึงเดินไปเคาะประตูเรียกพ่อแม่ แต่ก็เงียบ จึงเปิดประตูห้องเข้าไปพบว่าทั้งคู่เสียชีวิตแล้ว

เจ้าหน้าที่ระบุว่า จากการสอบปากคำลูกทั้งสองคนและญาติๆ ทราบว่านายสุพัฒน์อาจจะเครียดกับปัญหาเรื่องหนี้สินที่ไม่สามารถหาทางออกได้ จึงจบปัญหาด้วยการจ่อยิงนางนันทนาภรรยาขณะนอนหลับจนเสียชีวิต จากนั้นจึงใช้ปืนกระบอกเดียวกันปลิดชีวิตตัวเองตายตามไปอีกคน เนื่องจากพบว่าปืนกระบอกดังกล่าวถูกยิงไปแล้ว 2 นัด และยังมีกระสุนปืนเหลืออยู่ในแม็กกาซีน จำนวน 5 นัด อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะส่งศพผู้เสียชีวิตทั้งสองคนไปชันสูตรที่ รพ.ชุมพรเขตรอุดมศักดิ์อย่างละเอียดอีกครั้ง หากผลการชันสูตรชี้ชัดว่าเป็นการฆ่าตัวตายจริง ก็จะมอบศพให้ญาตินำไปบำเพ็ญกุศลต่อไป.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน อากาศเย็นในตอนเช้า ภาคใต้ฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก