เปิดใจป้าใจบุญ สูญเงิน 100 ล้านเลี้ยงหมา-แมวจรจัด

นนทบุรี 3 พ.ย.-เปิดใจ หญิงใจบุญ นักธุรกิจรถโม่ปูน สูญเงิน 100 ล้านเลี้ยงหมา-แมวจรจัด


เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 3 พ.ย.60 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางเข้าพบ นางกวิพร วินิจเถาปฐม อายุ 68 ปี นักธุรกิจรถโม่ปูน ที่บ้านใน ต.บางกร่าง อ.เมือง จ.นนทบุรี หญิงใจบุญที่รับเลี้ยง หมา-แมว จรจัดเกือบ 2,500 ตัว โดยเริ่มให้ความช่วยเหลือหมาจรจัดมาตั้งแต่ปลายปี 2546 ซึ่งหมาจรจัดส่วนใหญ่เป็นหมาในระแวกที่พักอาศัย ทุกวันต้องเตรียมอาหารเม็ด ข้าวสุก ตับ เนื้อไก่ มาคลุกเคล้าแล้วขับรถนำไปแจกจ่ายให้หมาตามสถานที่ต่างๆ ในต.บางกร่าง อ.เมือง จ.นนทบุรี 


จากนั้นปี 2554 เกิดน้ำท่วมใหญ่จึงได้ขยับขยายสถานที่เลี้ยงไปที่ จ.สระบุรี ซื้อที่ดินจำนวน 30 ไร่เปิดเป็นโรงเลี้ยงชื่อ บ้านนางฟ้าของสัตว์จร รวมเวลาที่ดูแลหมา-แมว มาประมาณ 14 ปี ทยอยหมดเงินรวมประมาณ 100 ล้านบาท โดยการขายบ้าน ขายรถโม่ปูน จนทุกวันนี้บ้านที่อยู่อาศัยต้องเช่าทำออฟฟิศ ค่าเช่าเดือนละ 170,000 บาท จะหมดสัญญาสิ้นเดือน ม.ค.61 และต้องย้ายออกไปหาที่ใหม่

ที่บ้านหลังดังกล่าวสร้างอยู่บนพื้นที่ 3 ไร่ เป็นบ้านปูน 3 ชั้น ชั้นล่างเป็นที่ทำงานของบริษัทรถโม่ปูน ส่วนชั้นบนเป็นสถานที่เลี้ยงหมาและแมว ภายในรั้วบ้านยังมีรถโม่ปูนจำนวนนับสิบคันจอดอยู่ รวมทั้งยังมีร่องรอยสถานที่เลี้ยงหมา เช่นอ่างให้อาหาร กรง และอาหารต่างๆ หลายชนิด ยังพบว่ามีสุนัขหลงเหลืออยู่อีกประมาณ 15 ตัว มี 2 ตัวที่ได้รับบาดเจ็บอาศัยอยู่ในกรงรอการส่งไปรักษา และมีแมวอีกประมาณ 44 ตัวเตรียมขนย้ายไปดูแลที่ จ.สระบุรี พบคนงานกำลังเตรียมอาหารสำหรับไปให้หมาจรจัดในพื้นที่รอบๆบ้านพัก


นางกวิพร วินิจเถาปฐม ป้าใจบุญ เปิดเผยว่าเริ่มช่วยมาเมื่อปี 46 พอปี 47 ไปเจอหมาวัด สงสารมันทั้งผอมทั้งกลัว ตนเองก็ทำข้าวไปแจกมันและไปดูมัน จริงๆ ไม่อยากเอาเข้าบ้าน แค่เอาอาหารไปให้มันเพราะสภาพมันแย่ ดูแล้วหดหู่ อาทิตย์หนึ่งจะได้กินหรือไม่ น่าเวทนาจึงได้ช่วยมัน เหตุมาจากตนเองหาซื้อสุนัขให้ลูกสาวที่สอบเข้าได้ แต่มันแพง เพียรไปดูตลอดหนึ่งเดือนจนเขายอมขายให้ราคา 3,000 บาทแต่สภาพมันแย่มากแล้วไม่สบายต้องนำมารักษา ตนเองก็สงสาร มาตามร้านที่เขาขายไปดูและซื้อมาเลี้ยงเป็นจุดเริ่มต้นที่เลี้ยง เริ่มแรกเลี้ยงประมาณ 1,000 กว่าตัว ที่เลี้ยงที่นี่ก็มีสงเสียงดังบ้าง ข้างบ้านก็เข้าใจ เราเก็บมาดูแลทำหมัน ฉีดยา มีคนเอามาปล่อยบางทีก็ถูกรถชนเราก็อดไปช่วยเหลือไม่ได้ ที่ตรงนี้ขายไปแล้วจึงต้องย้ายเป็นหนี้เยอะ ตอนนี้ที่นี่เช่าเขาอยู่เดือนละ 170,000 บาท ตอนนี้ย้ายไปอยู่ที่ จ.สระบุรี มีหมา-แมว ประมาณ 2,500 ตัว ค่าใช้จ่ายประมาณเดือนละ 800,000-1,000,000 บาท มีคนงานดูแล 19 คนย้ายไปหลังปี 54 ที่น้ำท่วม ตอนนั้นที่นี่มีแต่กรงเลี้ยงหมาเต็มไปหมด พอน้ำท่วมก็หาที่ใหม่ซื้อที่ไปราคาประมาณ 8 ล้าน ค่าก่อสร้างอีกรวมหมดไปประมาณ 30 ล้าน ตนเองไม่ได้คิดจะทุ่มเงินเยอะ แต่ถ้าน้ำท่วมตรงนี้อีกสัตว์พวกนี้จะทำยังไง ก็หาที่ที่ปลอดภัย ตนเองไม่ได้หมดทีเดียว 100 ล้านไม่ได้มีเงินทีเดียว ค่อยๆ หมดไปทีละนิด เงินจากธุรกิจบ้าง ขายทองบ้าง ตนเองไม่มีทองก็ไม่เป็นไร แต่สัตว์มันหิว ตนเองอยู่กับสัตว์ก็รู้สึกสบายใจ ใครมาขอก็ให้แต่ก็มีตามไปดูบ้าง ถ้าตนเองไม่ช่วยมันมันจะตาย เป็นหนี้ก็ยังมีกินสัตว์มันไม่เจ้าเลห์ อยากให้คนที่เลี้ยงสุนัขช่วยดูและเขาให้ดีอย่าทิ้งขว้างมัน อยากให้คนช่วยตรงนี้มากกว่า

ขณะที่ นายอนันต์ธรณ์ วินิจเถาปฐม อายุ 29 ปี บุตรชายนางกวิพร และเป็นฝ่ายประชาสัมพันธ์ บ้านนางฟ้าของสัตว์จร เปิดเผยว่า แม่ช่วยเหลือหมาจรจัดมาตั้งแต่ปี 46 จนถึงปัจจุบันก็ประมาณ 14 ปี ที่หมดเงินไป 100 ล้านมันไม่ใช่หมดครั้งเดียว มันทยอยไปเรื่อยๆ กว่า 10 ปี สะสมเป็นค่าอาหาร ค่ายา ค่ารักษา ค่าเดินทาง ค่าขนส่ง และค่าก่อสร้างบ้านนางฟ้าของสัตว์จร ค่าคนงาน ที่ทำตรงนี้หลักๆ คือแม่ ตนเองและพ่อแรกๆ ไม่ได้คิดอะไรมากเพราะไม่คิดว่าจะเยอะขนาดนี้ พอเริ่มเยอะขึ้นก็เริ่มรู้ตัวกันว่าไม่ไหว ครอบครัวเดียวดูแลหมาแมวเป็นพันๆ ตัวไม่ไหว ตนเองก็มีพยายามคุยและก็เคยทะเลาะกันเหมือนกัน ไม่ได้รังเกียจที่แม่ทำแบบนี้และก็รู้สึกดีที่ได้ช่วยแม่ทำ แต่ว่ามันต้องทำให้เราเอาตัวรอดให้ได้ด้วย ตอนนี้แม่ก็เริ่มรู้แล้วว่ามันลำบากจริงๆ ต้องขายทรัพย์สิน ขายรถ เพื่อพยุงตรงนี้ให้มันไปรอดทั้งส่วนตัวและโครงการ แต่เราเปิดเป็นมูลนิธิก็มีคนพยายามติดต่อเอาหมาแมวมาให้ตลอด เราก็ปฎิเสธตลอด ถึงเราไม่รับก็จะมีคนนำมาทิ้งไว้ที่ด้านหน้าบ้านนางฟ้าตลอด เดือนหนึ่งก็ประมาณ 10-20 ตัว ส่วนผู้ที่ใจบุญที่จะช่วยเหลือหรือบริจาคสามารถติดต่อได้ที่ เพจบ้านนางฟ้าของสัตว์จร และนายอนันต์ธรณ์ วินิจเถาปฐม โทร.0890996000 หรือหมายเลขบัญชี.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เตือนทั่วไทยฝนตกต่อเนื่อง ‘ตะวันออก’ หนักสุด

กทม. 12 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกต่อเนื่อง เตือนภาคตะวันออกรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1 – 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น “โพดุล” (PODUL) บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก คาดว่าจะเคลื่อนผ่านเกาะไต้หวัน และเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณด้านตะวันออกของประเทศจีนในช่วงวันที่ 13 – 14 ส.ค. โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย

เสียงสะท้อนจากวีรบุรุษแนวหน้าถึงแนวหลัง

11 ส.ค. – แม้สถานการณ์สู้รบไทย-กัมพูชาเหมือนจะดีขึ้น แต่ยังวางใจไม่ได้ เช่นข่าวทหารไทยเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บอีก 3 นาย วันนี้จะพาไปดูความพร้อมของหน่วยแพทย์ในการดูแลทหารของชาติในฐานะวีรบุรุษ พร้อมข้อคิดจากจ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญชูกล้า หรือจ่าเต้ 1 ในวีรบุรุษ ฝากถึงแนวหลัง.-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” เล็งปิด​ ศบ.ทก. หลังถก​ สมช.​ เคาะสถานการณ์สงบจริง

เมืองทองธานี 11 ส.ค.- “ภูมิธรรม” ลั่น​ ก็จบ!! ​ หลัง “กองทัพ” ยืนยันแล้ว “แม่ทัพภาค 2” ไม่ได้พูดยึดปราสาทตาควาย ย้ำยังไม่มีอะไรผิดสัญญา เล็งปิด​ ศบ.ทก. หลังประชุม​ สมช.​ 13-14 ส.ค.นี้​ เคาะสถานการณ์สงบจริง​ นายภูมิธรรม​ เวชยชัย​ รอง​นายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​มหาดไทย​ รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี​ กล่าวถึงกรณีพลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2​ ออกมา ประกาศยึดคืนปราสาทตาควาย จะถือเป็นการละเมิดข้อตกลงไทย-กัมพูชาหรือไม่ ว่า​ ยังไม่ได้ยินแม่ทัพภาคที่ 2 พูด​ แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามข้อตกลง​ เมื่อถามว่าแม้กองทัพ จะออกมาปฏิเสธแล้ว​ แต่ทางกัมพูชา​อาจมองเป็นการกระตุ้นให้เกิดความขัดแย้ง และละเมิดข้อตกลง 13 ข้อ นายภูมิ​ธรรม​ กล่าวว่า​ ยังไม่มีอะไรผิดสัญญา กองทัพซึ่งเป็นตัวหลักได้ยืนยันแล้ว​ ก็จบตามนั้น​ เมื่อถามว่า​ สถานการณ์ชายแดน 2-3 วันที่ผ่านมา​ ถือว่าสงบนิ่งหรือไม่​ เนื่องจากมีกระแสข่าวว่าเหตุการณ์ความไม่สงบจะกลับมา​อีก […]

ทบ.ยัน ‘มทภ.2’ ไม่ได้กล่าวรุกล้ำอธิปไตยปมปราสาทตาควาย

11 ส.ค.- โฆษกกองทัพบกโต้กัมพูชา ยันแม่ทัพภาค 2 ไม่ได้กล่าวรุกล้ำอธิปไตยปมปราสาทตาควาย ย้ำไทยไม่มีความพยายาม “ยั่วยุ-วางแผน” ใช้กำลังทางทหารตามที่เขมรกล่าวอ้าง พลตรี​ วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ชี้แจงกรณีกระทรวงกลาโหมกัมพูชาแถลงการณ์ถึงคำสัมภาษณ์ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เรื่องของปราสาทตาควาย ว่า “ยืนยันว่าเนื้อหาที่แม่ทัพภาคที่ 2 พูด ไม่ได้มีความหมายในแบบที่โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชาได้แถลงไป โดยเฉพาะท่านไม่พูดเรื่องการเคลื่อนย้ายกำลัง เพื่อรุกล้ำอธิปไตยกัมพูชา สิ่งที่ท่านได้กล่าวในวันนั้นคือ ปราสาทตาควายอยู่ภายใต้อธิปไตยของไทย ในช่วงที่มีการปะทะที่ผ่านมาพยายามเข้าไปยึดด้วยการวางกำลัง แต่ยังไม่สำเร็จ จึงได้ทำการวางกำลังบริเวณด้านนอก ห่างจากตัวปราสาท 30 เมตร แต่ในอนาคตจะต้องพยายามนำกลับมาภายใต้การควบคุมของไทยให้ได้ ตามขั้นตอนที่เหมาะสม พร้อมกล่าวว่าเตรียมนำเรื่องต่างๆ ไปพูดคุยเจรจาในวงเจรจาในกรอบการประชุม RBC ที่จะเกิดขึ้นใน 2 สัปดาห์ และย้ำถึงจุดยืนว่าไทยจะไม่ถอยจากแนวการวางกำลังเดิม ขอยืนยันว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ไม่ได้พูดถึงเรื่องการใช้กำลังทางทหาร ไปดำเนินการอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นที่กล่าวไปในข้างต้น จึงไม่ใช่ความพยายามที่มีการยั่วยุและมีการวางแผนใช้กำลังทางทหารต่อกรณีปราสาทตาควายอย่างที่กัมพูชากล่าวอ้างแต่อย่างใด” -สำนักข่าวไทย