นนทบุรี 3 พ.ย.-เปิดใจ หญิงใจบุญ นักธุรกิจรถโม่ปูน สูญเงิน 100 ล้านเลี้ยงหมา-แมวจรจัด
เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 3 พ.ย.60 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางเข้าพบ นางกวิพร วินิจเถาปฐม อายุ 68 ปี นักธุรกิจรถโม่ปูน ที่บ้านใน ต.บางกร่าง อ.เมือง จ.นนทบุรี หญิงใจบุญที่รับเลี้ยง หมา-แมว จรจัดเกือบ 2,500 ตัว โดยเริ่มให้ความช่วยเหลือหมาจรจัดมาตั้งแต่ปลายปี 2546 ซึ่งหมาจรจัดส่วนใหญ่เป็นหมาในระแวกที่พักอาศัย ทุกวันต้องเตรียมอาหารเม็ด ข้าวสุก ตับ เนื้อไก่ มาคลุกเคล้าแล้วขับรถนำไปแจกจ่ายให้หมาตามสถานที่ต่างๆ ในต.บางกร่าง อ.เมือง จ.นนทบุรี
จากนั้นปี 2554 เกิดน้ำท่วมใหญ่จึงได้ขยับขยายสถานที่เลี้ยงไปที่ จ.สระบุรี ซื้อที่ดินจำนวน 30 ไร่เปิดเป็นโรงเลี้ยงชื่อ บ้านนางฟ้าของสัตว์จร รวมเวลาที่ดูแลหมา-แมว มาประมาณ 14 ปี ทยอยหมดเงินรวมประมาณ 100 ล้านบาท โดยการขายบ้าน ขายรถโม่ปูน จนทุกวันนี้บ้านที่อยู่อาศัยต้องเช่าทำออฟฟิศ ค่าเช่าเดือนละ 170,000 บาท จะหมดสัญญาสิ้นเดือน ม.ค.61 และต้องย้ายออกไปหาที่ใหม่
ที่บ้านหลังดังกล่าวสร้างอยู่บนพื้นที่ 3 ไร่ เป็นบ้านปูน 3 ชั้น ชั้นล่างเป็นที่ทำงานของบริษัทรถโม่ปูน ส่วนชั้นบนเป็นสถานที่เลี้ยงหมาและแมว ภายในรั้วบ้านยังมีรถโม่ปูนจำนวนนับสิบคันจอดอยู่ รวมทั้งยังมีร่องรอยสถานที่เลี้ยงหมา เช่นอ่างให้อาหาร กรง และอาหารต่างๆ หลายชนิด ยังพบว่ามีสุนัขหลงเหลืออยู่อีกประมาณ 15 ตัว มี 2 ตัวที่ได้รับบาดเจ็บอาศัยอยู่ในกรงรอการส่งไปรักษา และมีแมวอีกประมาณ 44 ตัวเตรียมขนย้ายไปดูแลที่ จ.สระบุรี พบคนงานกำลังเตรียมอาหารสำหรับไปให้หมาจรจัดในพื้นที่รอบๆบ้านพัก
นางกวิพร วินิจเถาปฐม ป้าใจบุญ เปิดเผยว่าเริ่มช่วยมาเมื่อปี 46 พอปี 47 ไปเจอหมาวัด สงสารมันทั้งผอมทั้งกลัว ตนเองก็ทำข้าวไปแจกมันและไปดูมัน จริงๆ ไม่อยากเอาเข้าบ้าน แค่เอาอาหารไปให้มันเพราะสภาพมันแย่ ดูแล้วหดหู่ อาทิตย์หนึ่งจะได้กินหรือไม่ น่าเวทนาจึงได้ช่วยมัน เหตุมาจากตนเองหาซื้อสุนัขให้ลูกสาวที่สอบเข้าได้ แต่มันแพง เพียรไปดูตลอดหนึ่งเดือนจนเขายอมขายให้ราคา 3,000 บาทแต่สภาพมันแย่มากแล้วไม่สบายต้องนำมารักษา ตนเองก็สงสาร มาตามร้านที่เขาขายไปดูและซื้อมาเลี้ยงเป็นจุดเริ่มต้นที่เลี้ยง เริ่มแรกเลี้ยงประมาณ 1,000 กว่าตัว ที่เลี้ยงที่นี่ก็มีสงเสียงดังบ้าง ข้างบ้านก็เข้าใจ เราเก็บมาดูแลทำหมัน ฉีดยา มีคนเอามาปล่อยบางทีก็ถูกรถชนเราก็อดไปช่วยเหลือไม่ได้ ที่ตรงนี้ขายไปแล้วจึงต้องย้ายเป็นหนี้เยอะ ตอนนี้ที่นี่เช่าเขาอยู่เดือนละ 170,000 บาท ตอนนี้ย้ายไปอยู่ที่ จ.สระบุรี มีหมา-แมว ประมาณ 2,500 ตัว ค่าใช้จ่ายประมาณเดือนละ 800,000-1,000,000 บาท มีคนงานดูแล 19 คนย้ายไปหลังปี 54 ที่น้ำท่วม ตอนนั้นที่นี่มีแต่กรงเลี้ยงหมาเต็มไปหมด พอน้ำท่วมก็หาที่ใหม่ซื้อที่ไปราคาประมาณ 8 ล้าน ค่าก่อสร้างอีกรวมหมดไปประมาณ 30 ล้าน ตนเองไม่ได้คิดจะทุ่มเงินเยอะ แต่ถ้าน้ำท่วมตรงนี้อีกสัตว์พวกนี้จะทำยังไง ก็หาที่ที่ปลอดภัย ตนเองไม่ได้หมดทีเดียว 100 ล้านไม่ได้มีเงินทีเดียว ค่อยๆ หมดไปทีละนิด เงินจากธุรกิจบ้าง ขายทองบ้าง ตนเองไม่มีทองก็ไม่เป็นไร แต่สัตว์มันหิว ตนเองอยู่กับสัตว์ก็รู้สึกสบายใจ ใครมาขอก็ให้แต่ก็มีตามไปดูบ้าง ถ้าตนเองไม่ช่วยมันมันจะตาย เป็นหนี้ก็ยังมีกินสัตว์มันไม่เจ้าเลห์ อยากให้คนที่เลี้ยงสุนัขช่วยดูและเขาให้ดีอย่าทิ้งขว้างมัน อยากให้คนช่วยตรงนี้มากกว่า
ขณะที่ นายอนันต์ธรณ์ วินิจเถาปฐม อายุ 29 ปี บุตรชายนางกวิพร และเป็นฝ่ายประชาสัมพันธ์ บ้านนางฟ้าของสัตว์จร เปิดเผยว่า แม่ช่วยเหลือหมาจรจัดมาตั้งแต่ปี 46 จนถึงปัจจุบันก็ประมาณ 14 ปี ที่หมดเงินไป 100 ล้านมันไม่ใช่หมดครั้งเดียว มันทยอยไปเรื่อยๆ กว่า 10 ปี สะสมเป็นค่าอาหาร ค่ายา ค่ารักษา ค่าเดินทาง ค่าขนส่ง และค่าก่อสร้างบ้านนางฟ้าของสัตว์จร ค่าคนงาน ที่ทำตรงนี้หลักๆ คือแม่ ตนเองและพ่อแรกๆ ไม่ได้คิดอะไรมากเพราะไม่คิดว่าจะเยอะขนาดนี้ พอเริ่มเยอะขึ้นก็เริ่มรู้ตัวกันว่าไม่ไหว ครอบครัวเดียวดูแลหมาแมวเป็นพันๆ ตัวไม่ไหว ตนเองก็มีพยายามคุยและก็เคยทะเลาะกันเหมือนกัน ไม่ได้รังเกียจที่แม่ทำแบบนี้และก็รู้สึกดีที่ได้ช่วยแม่ทำ แต่ว่ามันต้องทำให้เราเอาตัวรอดให้ได้ด้วย ตอนนี้แม่ก็เริ่มรู้แล้วว่ามันลำบากจริงๆ ต้องขายทรัพย์สิน ขายรถ เพื่อพยุงตรงนี้ให้มันไปรอดทั้งส่วนตัวและโครงการ แต่เราเปิดเป็นมูลนิธิก็มีคนพยายามติดต่อเอาหมาแมวมาให้ตลอด เราก็ปฎิเสธตลอด ถึงเราไม่รับก็จะมีคนนำมาทิ้งไว้ที่ด้านหน้าบ้านนางฟ้าตลอด เดือนหนึ่งก็ประมาณ 10-20 ตัว ส่วนผู้ที่ใจบุญที่จะช่วยเหลือหรือบริจาคสามารถติดต่อได้ที่ เพจบ้านนางฟ้าของสัตว์จร และนายอนันต์ธรณ์ วินิจเถาปฐม โทร.0890996000 หรือหมายเลขบัญชี.-สำนักข่าวไทย