คมนาคมระบุตั๋วร่วมแมงมุม เริ่มใช้ระบบรถไฟฟ้า มิถุนายนปีหน้า

กรุงเทพฯ 18 ต.ค. – คมนาคม ยืนยันตั๋วร่วมแมงมุม เริ่มใช้ระบบรถไฟฟ้า มิถุนายนปีหน้า นำร่องรถเมล์-แอร์พอร์ตลิ้ง”เริ่มก่อน ส่วนรถไฟฟ้าmrt-bts–เรือ เริ่ม ตุลา61   


นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยหลังเป็นประธานลงนามความร่วมมือเพื่อดำเนินการเชื่อมต่อระบบตั๋วร่วม ระหว่างการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) ,บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด(มหาชน)(บีทีเอส)และบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด(มหาชน)(บีอีเอ็ม) ว่า ระบบตั๋วร่วม(บัตรแมงมุม)ถือเป็นนโยบายของรัฐบาลที่จะเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทางให้ประชาชนโดยใช้บัตรใบเดียวสามารถเดินทางเชื่อมต่อการขนส่งสาธารณะในทุกระบบ โดยในเดือน มิ.ย.2561 ประชาชนจะสามารถใช้ตั๋วร่วมกับ รถไฟฟ้าแอร์พอร์เรลลิ้งก์ กับ รถเมล์ ขสมก.ขององค์การขนส่งทวลชนกรุงเทพหรือ ขสมก.ได้ก่อน ส่วนรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน รถไฟฟ้าสายสีม่วง และ รถไฟฟ้าบีทีเอส นั้นประชาชนจะสามารถใช้ตั๋วร่วมได้ประมาณเดือน ต.ค.61  ส่วนระบบขนส่งทางน้ำ คาดว่าจะสามารถเข้ามาใช้ระบบตั๋วร่วมได้ในเดือน ต.ค.2561 เช่นกัน

“มั่นใจว่าประชาชนจะสามารถใช้ตั๋วร่วมตามกำหนดระยะเวลา  ไม่มีเลื่อนจากช่วงเวลาที่กำหนดอีก โดยในช่วงที่ตั๋วร่วมยังไม่สามารถใช้งานได้ ประชาชนสามารถขึ้นรถไฟ รถเมล์ ขสมก.ฟรีอยู่ แต่พอถึงวันที่ 1พ.ย.เป็นต้นไป ประชาชนที่มีบัตรสวัสดิการคนจน ก็สามารถใช้บัตรสวัสดิการกับ รถเมล์ ขสมก.ได้ทันที  ส่วนตั๋วร่วมที่จะใช้กับรถไฟฟ้าทั้งสายสีน้ำเงินและ รถไฟฟ้าสายสีม่วงนั้นจะสามารถใช้ได้พร้อมกันในเดือน ต.ค.ปี 61  อย่างไรก็ตามมั่นใจว่า หากเปิดระบบตั๋วร่วมให้ใช้ครบทุกระบบขนส่งสาธารณะ ในระยะยาวจะมีประชาชนเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้นมากขึ้นแน่นอน เพราะผู้โดยสารเริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรม หันมาใช้เดินทางโดยรถไฟฟ้ามากขึ้น และลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว ทั้งนี้จากการเจรจาระหว่างภาครัฐ และภาคเอกชนผู้เดินรถไฟฟ้าด้วยกัน ขณะนี้ยังไม่ได้มีการพูดถึงการลด หรือ ยกเว้นค่าแรกเข้าเมื่อใช้บริการเชื่อมต่อรถไฟฟ้าของผู้บริการรายอื่น แต่ในส่วนรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และสายสีชมพู ที่บีทีเอส เป็นให้บริการจะยังมีการยกเว้นค่าแรกเข้าอยู่”


นายฤทธิกา สุภารัตน์ รักษาการผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่าสำหรับความคืบหน้าการจัดตั้งบริษัทลูกเพื่อเข้ามา จัดการและบำรุงรักษาระบบตั๋วร่วม (CTC) ตลอดจนหน้าที่บริหารจัดการรายได้และกำหนดแนวทางดำเนินธุรกิจตั๋วร่วมนั้น ขณะนี้รฟม.อยู่ระหว่างการของบจากกระทรวงคมนาคมเพื่อนำไปจ้างที่ปรึกษาเพื่อศึกษาโครงสร้างองค์กรและสัดส่วนผู้ถือหุ้น คาดว่าจะดำเนินการร่างเอกสารประกวดราคา(ทีโออาร์) ภายในปีนี้เพื่อให้ได้ตัวเอกชนที่ปรึกษาโครงการภายในต้นปี 2561 ก่อนใช้ระยะเวลาศึกษาราว 4 เดือน ตลอดจนสรุปผลศึกษาฉบับสมบูรณ์รายงานสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ภายในมิ.ย. 61 หากได้รับการอนุมัติแล้วจะเร่งดำเนินการจัดตั้งบริษัทลูกใช้เวลาราว 8เดือน-12เดือน หรือจะก่อตั้งบริษัทแล้วเสร็จภายในปี 62

สำหรับเป้าหมายที่รมว.คมนาคมได้ให้เอาไว้ว่าจะต้องเร่งสรุปแนวทางรูปแบบธุรกิจของบริษัทลูกภายใน 3 เดือนนั้น ก็จะเร่งดำเนินการตามเป้าหมายเมื่อได้ข้อสรุปแล้วจะส่งเรื่องมายังกระทรวงคมนาคมตลอดจนนำข้อสรุปดังกล่าวไปรวมกับผลศึกษาของที่ปรึกษาโครงการเพื่อเสนอที่ประชุมสคร.ต่อไป

นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด(มหาชน)(บีทีเอส) กล่าวว่า ในส่วนของรถไฟฟ้านั้นทาง บีทีเอส และ บีอีเอ็ม ได้ลงทุนเพื่อดำเนินการพัฒนาระบบตั๋วร่วม กว่า 300 ล้านบาทในการพัฒนาระบบ มั่นใจว่าเมื่อเปิดให้บริการตั๋วร่วมอย่างเต็มรูปแบบจะเพิ่มความสะดวกสบายให้ผู้ใช้บริการได้อย่างมาก


ด้านนายเผด็จ ประดิษฐ์เพชร ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม สำนักนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยว่า สำหรับความคืบหน้าการติดตั้งตั๋วร่วมในระบบทางด่วนและมอเตอร์เวย์นั้น ล่าสุดกรมทางหลวง(ทล.)ได้รายงานว่าจะตั้งงบประมาณปี 2562 เพื่อดำเนินการติดตั้งระบบอ่านบัตรตั๋วร่วมและซอฟแวร์สำหรับการเก็บค่าใช้จ่าย โดยจะเริ่มดำเนินการจ้างเอกชนเพื่อติดตั้งระบบในช่วงเดือนต.ค.-พ.ย. 2561 ก่อนใช้เวลาติดตั้งราว 3 เดือนเพื่อเปิดใช้ระบบตั๋วร่วมในมอเตอร์เวย์สาย 7 ช่วงกรุงเทพ-พัทยาก่อนเป็นเส้นทางแรกภายในต้นปี 2562 ก่อนจะดำเนินการติดตั้งและเปิดใช้งานต่อไปในมอเตอร์เวย์สาย 9 บางปะอิน-บางนาต่อไป อย่างไรก็ตามการติดตั้งระบบตั๋วร่วมของมอเตอร์เวย์นั้นจะนำเครื่องอ่านบัตรไปติดตั้งในช่องเก็บเงินธรรมดา (Cash) โดยไม่รวมกับระบบคิดเงินในช่องผ่านทางอัตโนมัติ (M-Pass) เนื่องจากเป็นคนละระบบกัน ส่งผลให้ทล.อาจต้องดำเนินการรื้อย้ายด่านเก็บเงินในบางแห่งเพื่อปรับช่องเข้าด่านเก็บเงินในระหว่างดำเนินการติดตั้งระบบตั๋วร่วม

สำหรับการทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ.)นั้นคาดว่าจะเริ่มจ้างเอกชนเพื่อเข้ามาออกแบบและติดตั้งระบบตั๋วร่วมบนทางด่วนทุกสายได้ในช่วงปลายปีหน้าเช่นกัน หลังจากนั้นจะใช้เวลาการติดตั้งราว 4-5 เดือน เพื่อเปิดใช้งานได้ก่อนกลางปี 2562 โดยจะเป็นการติดตั้งระบบเครื่องอ่านบัตร (Reader) ในช่องเก็บเงินธรรมดา (Cash) โดยไม่รวมกับระบบคิดเงินในช่องผ่านทางอัตโนมัติ (Easy-Pass) อย่างไรก็ตามทางด้านการขนส่งทางน้ำอย่างเรือด่วนและเรือข้ามฟากนั้นเบื้องต้นมีเพียงเอกชนผู้ให้บริการเรือข้ามฟากเจ้าพระยาที่ได้ดำเนินการติดตั้งระบบอ่านบัตรไปบ้างแล้วในบางแห่งโดยเอกชนจะลงทุนติดตั้งประตูกั้นบริเวณท่าเรือใหม่ทั้งหมดโดยจะใช้ประตูกั้นใหม่คล้ายกับรถไฟฟ้าเพื่อให้รองรับกับระบบตั๋วร่วมและเครื่องอ่านบัตรที่จะติดตั้ง ขณะที่เรือด่วนคลองแสนแสบนั้นเอกชนผู้ให้บริการยังไม่ได้เข้ามาหารือจึงยังไม่มีความชัดเจนว่าจะได้เชื่อมต่อระบบตั๋วร่วมหรือไม่ – สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยืนยัน ทุ่นระเบิดเป็นของใหม่ เตรียมยื่นเรื่องไปที่ “ยูเอ็น”

19 ก.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันผลตรวจสอบทุ่นระเบิดบริเวณเนิน 481 เป็นของใหม่ พบในเขตประเทศไทย คาดยังมีอีกกว่าร้อยลูกในพื้นที่ วันนี้ ที่กองบัญชาการกองกำลังสุรนารี เมื่อเวลา 15.30 น. พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 นำแถลงผลการตรวจสอบทุ่นระเบิด บริเวณเนิน 481 จ.อุบลราชธานี โดย พันเอกสมโชค จันทาสี ผู้บังคับหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรมที่ 3 ระบุว่า ได้จัดเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบจำนวน 7 นาย โดยจุดแรกที่เจอได้มีการวางจำนวน 3 ทุ่น ลักษณะการวางผิวดิน รัศมีห่างกัน 40 เซนซิเมตร มีใบไม้ปกคลุม ส่วนจุดที่ 2 เจอจำนวน 5 ทุ่น รัศมีการวางกระจัดกระจาย รวมที่พบทั้งหมดจำนวน 8 ลูก ซึ่งจากการกู้ระเบิดทั้ง 8 ลูก ทุ่นระเบิดมีความใหม่ ตัวอักษรชัดเจน เพราะถ้าเป็นของเก่าจะมีวัชพืชปกคลุม […]

“ทักษิณ” ลั่นไม่มีอีกแล้ว ใช้สัมพันธ์ส่วนตัวคุย “ฮุนเซน”

วัดบ้านไร่ 19 ก.ค.-“ทักษิณ” ลั่นไม่มีอีกแล้ว ใช้สัมพันธ์ส่วนตัวคุย “ฮุนเซน” หวั่นโดนอัดเทปซ้ำรอย ชี้หากพิสูจน์ได้ทหารพรานเหยียบทุ่นระเบิดใหม่ต้องประท้วงตามกติกา ซัดหากเล่นนอกบทต้องดำเนินการ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ทหารพรานถูกเหยียบทุ่นระเบิด ที่ช่องบก อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ที่มีกระแสข่าวว่ากว่า 80% จากการตรวจสอบเป็นระเบิดใหม่ว่า ทั้งสองฝ่ายต้องพูดคุยกัน ถ้าไม่คุยกันอยู่อย่างนี้ไม่เป็นผลดี และขณะนี้อยู่ระหว่างการวิเคราะห์ว่าเป็นระเบิดใหม่หรือเก่า ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า แต่ล่าสุดกระแสข่าวจากภาคสองยืนยันว่ากว่า 80% เป็นระเบิดใหม่ นายทักษิณ กล่าวว่าก็ต้องว่ากันไป ก็ต้องประท้วงตามกติกา และประท้วงเสร็จก็ต้องมาคุยกันทั้งสองฝ่าย ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า ฝั่งกัมพูชามักเล่นนอกเกมบ่อยๆ เราต้องรับมืออย่างไร นายทักษิณ ระบุว่าก็ว่ากันไปตามสิ่งที่ควรจะเป็น ถ้าเขาทำอะไรที่นอกกติกา เราก็ต้องดำเนินการ เมื่อถามว่าถ้าพิสูจน์ได้แล้วเป็นเรื่องจริง จะร้ององค์กรโลกหรือไม่ เนื่องจากมีสนธิสัญญาออตตาวา ว่าด้วยเรื่องทุ่นระเบิด นายทักษิณ ระบุว่าที่จริงแล้ว เรามีสนธิสัญญาหลายฉบับ แต่ไม่ได้หยิบขึ้นมาใช้ เมื่อถามย้ำว่าหลังจากนี้จะไม่เจรจาโดยใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวแล้วใช่หรือไม่ นายทักษิณ ยืนยันด้วยเสียงหนักแน่นว่าไม่มีอีกแล้ว เพราะกลัวโดนอัดเทปเหมือนกัน.-313.-สำนักข่าวไทย

ศบ.ทก. เรียกถกด่วนพรุ่งนี้ นำหลักฐานฟ้องยูเอ็น

กทม. 19 ก.ค.-ศบ.ทก.เรียกถกด่วน 20 ก.ค. หารือ กต. นำหลักฐานฟ้องยูเอ็น กัมพูชาละเมิดอนุสัญญาออตตาวา พร้อมส่งทหารช่าง ปูพรมเก็บกู้วัตถุระเบิดช่องบก พื้นที่อธิปไตยไทย 19 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) เตรียมนัด ศบ.ทก.ประชุมในวันที่ 20 ก.ค.นี้ เวลา14.00 น. กำหนดแนวทางการดำเนินการ กรณีกำลังพลจากหน่วยร้อย ร.6021 ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบกและประสบเหตุเหยียบกับระเบิด ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ซึ่งจากหลักฐานพลว่าเป็นการวางกับระเบิดใหม่นั้น เบื้องต้น พล.อ.ณัฐพล ได้สั่งการกองทัพภาคที่2 เก็บข้อมูลหลักฐานทั้งหมด พร้อมให้แถลงข่าว และรายงานผลเป็นลายลักษณ์อักษรมาให้ทราบ เนื่องจากต้องเก็บทุกอย่างเป็นหลักฐาน เพื่อส่งให้กระทรวงการต่างประเทศต่อไป โดยในวันพรุ่งนี้ (20 ก.ค.) จะมีกระทรวงการต่างประเทศเข้ามาร่วมประชุม ศบ.ทก.ด้วย เพื่อมาให้คำแนะนำว่าขั้นตอนต่อไปในการดำเนินการ ควรจะทำอย่างไร ร่วมถึงตรวจสอบข้อมูลหลักฐานของแต่ละฝ่ายว่าตรงกันหรือไม่ เมื่อได้ข้อสรุปแล้วจะแถลงเป็นทางการ ในการประชุม ศบ.ทก. 21 ก.ค.นี้ […]

สำนักพุทธฯ สั่งเข้มทุกวัด เร่งจัดการบัญชีรายรับ-รายจ่าย ยึดตามมติ มส.

19 ก.ค.-สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ออกหนังสือเวียน กำชับไปยังทุกวัดทั่วประเทศ เร่งจัดการบัญชีรายรับ-รายจ่าย ยึดตามมติ มส. สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ออกหนังสือเวียน กำชับไปยังทุกวัดทั่วประเทศ ให้เร่งดำเนินการจัดทำบัญชีเงินฝาก รายรับ-รายจ่าย และงบดุลของวัด ให้ถูกต้องและเป็นระบบ ตามมติมหาเถรสมาคม ที่มีผลบังคับใช้แล้ว โดยการเปิดบัญชีและการเบิกถอนเงินฝากธนาคารของวัด จะต้องเปิดกับธนาคารที่มีสำนักงานตั้งอยู่ในเขตจังหวัดเดียวกับวัด และระบุชื่อบัญชีเงินฝากเป็นชื่อวัดเท่านั้น โดยมีรายชื่อผู้มีอำนาจถอนเงินอย่างน้อย 3 คน ซึ่งในการถอนเงินต้องมีผู้ลงนามจำนวน 2 ใน 3 และมีเจ้าอาวาสลงนามด้วยทุกครั้ง โดยใช้ใบถอนเงินของธนาคารและสมุดบัญชีเท่านั้น ในส่วนของบัญชีรายรับ-รายจ่าย ให้รายงานบัญชีของวัดทุกบัญชี สรุปเป็นรายเดือน จำนวน 12 เดือน ส่งสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ภายในวันที่ 20 มกราคมของปีถัดไป โดยสำเนาเอกสารไว้ที่วัดด้วยทุกฉบับ นอกจากนี้ทุกวัดควรพิจารณาใช้ระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ร่วมด้วย เพื่อแสดงข้อมูลบริจาคที่ครบถ้วน และให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ ติดตามอย่างเคร่งครัด โดยสำนักพระพุทธศาสนาฯ จะกำกับดูแล หรือประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการตรวจสอบบัญชี และรายงานการตรวจสอบให้มหาเถรสมาคมทราบ.-สำนักข่าวไทย