กรุงเทพฯ 17 ต.ค. – คปภ.เร่งผลักดันการแก้ไขกฎหมายประกันภัย เพิ่มบทบัญญัติฐานความผิดฉ้อฉลประกันภัย พร้อมเข้มงวดการออกใบอนุญาต หลังโบรกเกอร์เถื่อนตุ๋นมีผู้เสียหาย 200 ราย
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (16 ต.ค.) ได้มอบหมายให้นายตนุภัทร รัตนพูลชัย รองเลขาธิการ คปภ.ด้านกฎหมาย คดีและคุ้มครองสิทธิประโยชน์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ สายกฎหมายและคดี สำนักงาน คปภ.นำประชาชนกว่า 30 คน ที่ได้รับความเสียหายจากบริษัท เอส.เอ็ม.พี อินชัวร์ จำกัด เข้าแจ้งความกองปราบปราม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย เนื่องจากได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนว่าบริษัท เอส.เอ็ม.พี อินชัวร์ จำกัด ได้เสนอขายประกันภัยรถยนต์ของบริษัทประกันภัยหลายแห่งผ่านทางโทรศัพท์ให้แก่ประชาชนและเป็นผู้เสียหายประมาณ 200 รายทั่วประเทศ
“การกระทำของบริษัทฯ และพฤติกรรมของกลุ่มคนดังกล่าวสร้างความเสียหายกับประชาชนหลายพื้นที่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะพื้นที่ภาคอีสานและภาคกลางมีผู้เสียหายจำนวนมาก จึงสั่งการให้สำนักงาน คปภ.ที่มีประชาชนได้รับความเสียหายรวบรวมข้อมูลการกระทำความผิด ตลอดจนติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของประชาชนอย่างเต็มที่ พร้อมให้บังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำผิดอย่างเคร่งครัด ส่วนการป้องกันปัญหาระยะยาว คือ การเร่งผลักดันการแก้ไขกฎหมายประกันภัย โดยเพิ่มบทบัญญัติฐานความผิดเรื่องการฉ้อฉลประกันภัยและเข้มงวดการออกใบอนุญาตและกำกับดูแลคนกลางประกันภัยให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น” นายสุทธิพล กล่าว
ด้านนายตนุภัทร กล่าวเพิ่มเติมว่า เลขาฯ คปภ.ให้ความสำคัญและห่วงใยประชาชนที่ได้รับความเสียหาย จึงสั่งให้เฝ้าจับตามองพฤติกรรมของกลุ่มคนดังกล่าวอย่างใกล้ชิดและให้สำนักงาน คปภ.ทุกพื้นที่ที่ประชาชนได้รับความเสียหายรวบรวมข้อมูลหลักฐานให้รัดกุมดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้กระทำความผิด ส่วนกรณีบริษัท เอส.เอ็ม.พี อินชัวร์ จำกัด กรรมการผู้รับผิดชอบในการดำเนินการของบริษัทกระทำการโฆษณาในเว็บไซต์ www.smpinsure.com โดยมีการใช้ข้อความอันเข้าลักษณะเป็นการชี้ช่องให้ผู้เสียหายเข้าทำสัญญากับบริษัทประกันภัยหลายแห่ง ทั้งที่บริษัท เอส.เอ็ม.พี อินชัวร์ จำกัด ไม่ได้รับใบอนุญาตเป็นนายหน้าประกันวินาศภัยแต่อย่างใด ประกอบกับบริษัทประกันภัยหลายแห่งไม่ได้เป็นคู่สัญญากับบริษัท เอส.เอ็ม.พี อินชัวร์ จำกัด และ/หรือนางสาววราพร บุตรแสน และ/หรือนายชาญยุทธ โสมาศรี แต่อย่างใด อันอาจเป็นการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ตามมาตรา 14 (1) แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560.-สำนักข่าวไทย