รพ.ศิริราช 13 ต.ค.-องคมนตรี ปาฐกถาพิเศษ “รัชกาลที่9 เเละรัชกาลที่10 กับการศึกษาไทย” ทรงเน้นให้เด็กเป็นคนเก่งเเละคนดีควบคู่กัน เเนะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องน้อมนำพระบรมราโชวาทไปพัฒนาการศึกษาไทย
ศ.เกียรติคุณ นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี เเสดงปาฐกถาหัวข้อ”รัชกาลที่9เเละรัชกาลที่10 กับการศึกษาไทย”ภายในงาน ศิระกรานพระภูบาลนวมินทร์ ที่โรงพยาบาลศิริราช ร่วมกับกองทัพเรือจัดขึ้น เพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในโอกาสครบรอบ 1 ปีเเห่งการสวรรคต
องคมนตรี กล่าวว่า หากย้อนการปฏิรูปการศึกษาครั้งสำคัญของไทย เกิดขึ้นครั้งเเรกในสมัยรัชกาลที่ 5 ทรงเห็นความสำคัญ ส่งนักเรียนไทยไปศึกษาเล่าเรียนที่ต่างประเทศเพื่อนำความรู้มาพัฒนาบ้านเมือง ซึ่งทรงเน้นย้ำถึงเรื่องการศึกษาในหลายด้านผ่านพระราชหัตถเลขา ดังนี้ “เราไม่ได้มาเรียนเพื่อจะเป็นฝรั่ง เราเรียนเพื่อจะเป็นคนไทยที่มีความรู้เสมอด้วยฝรั่ง” ซึ่งที่ผ่านมาระบบการศึกษาของไทย ไม่ได้นำพระราชดำรัสนั้นมาทำเป็นนโยบายของชาติ ทำให้นักเรียนทุนหลายคนไม่ได้กลับมาพัฒนาประเทศ ส่วนด้านอื่นๆได้ทรงเห็นความสำคัญของครูเเละเน้นย้ำว่าความรู้กับคุณธรรมเป็นเรื่องเดียวกัน ที่จะต้องสอนเด็กให้มีทั้งสองอย่างเสมอกัน
ขณะที่รัชสมัยของในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงได้พระราชทานพระบรมราโชวาทที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาเป็นจำนวนมาก เรื่องหนึ่งคือ “ประเทศชาติของเราจะเจริญหรือเสื่อมลงนั้น ย่อมขึ้นอยู่กับการศึกษาของประชาชน , “การเป็นครูอาจารย์นั้น จะต้องรู้จักอบรมเด็กทั้งในจริยธรรม จรรยาเเละวัฒนธรรม รวมทั้งให้มีความสำนึกรับผิดชอบในหน้าที่เเละในฐานะที่จะเป็นพลเมืองดีของชาติต่อไปข้างหน้า” ขณะที่พระบรมราโชวาทในวันเด็กประจำปี 2530 “เด็กต้องเรียนความรู้ หัดทำการงานเเละทำความดี การทำความดีนั้นจะช่วยให้มีความสุข ความเจริญทั้งป้องกันตนไม่ให้ตกต่ำ” เเละล่าสุดเมื่อปี 2555 รัชกาลที่9 พระราชประสงค์ให้มีโครงการกองทุนการศึกษา ให้มีโรงเรียนสร้างคนดีให้เเก่บ้านเมือง หลังในช่วงนั้นเกิดการประท้วงเเละความวุ่นวายในประเทศ เเละมีพระราชระเเส ดังนี้ ให้ครูรักรักเรียน นักเรียนรักครู, ให้ครูสอนเด็กให้มีน้ำใจเเก่เพื่อน จากพระราชกระเเสนี้ เมื่อดูเทียบคะเเนนโอเน็ตทุกปี จะมีเด็กเเค่ร้อยละ 5 ที่ได้คะเเนนสูง เเต่เด็กที่เหลือได้คะเเนนต่ำสะท้อนว่าไม่มีการช่วยเหลือกัน ,เเละให้ครูจัดกิจกรรมให้เด็กเป็นหมู่คณะเพื่อเด็กจะได้เห็นคุณค่าของความสามัคคี จากพระราชประสงค์นั้น ได้มีการสนองพระบรมราโชวาท สร้างโรงเรียนคุณภาพเเละโรงเรียนคุณธรรม กว่า 155 เเห่งทั่วประเทศ
ขณะที่พระราชกระเเสของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ได้พระราชดำรัสถึงพระราชบิดาว่า หน้าที่ของพระเจ้าอยู่หัวมี2 ฐานะคือ ฐานะพระเจ้าเเผ่นดิน ต้องดูเเลราษฎร เเละหน้าที่ของความเป็นพลเมือง ที่เห็นอะไรที่ทำเพื่อประเทศชาติได้ต้องทำเพื่อความเจริญความก้าวหน้าของประเทศ
ขณะเดียวกันในรัชกาลที่ 10 ทรงมีพระบรมราโชบายด้านการศึกษาคล้ายกับรัชกาลที่ 9 เเละรัชกาลที่ 5 ทรงย้ำการสอนเด็กต้องมีทัศนคติที่ถูกต้องต่อบ้านเมือง ,มีพื้นฐานชีวิตที่มั่นคง มีคุณธรรม รู้จักเเยกเเยะสิ่งที่ผิดชอบชั่วดี เเละให้เด็กมีงานทำเเละมีอาชีพ ทั้งนี้ได้รับสั่งเเก่รัฐบาลให้ปกครองประเทศให้ประชาชนมีความสุข ทรงให้เร่งดูเเลระบบการศึกษา ให้คนมีความรู้ สามารถประกอบอาชีพมั่นคง มีความเข้มแข็ง มีหลักคิดที่ถูกต้องในทุกเรื่องจะได้ลดความขัดเเย้งในบ้านเมือง ขอให้ช่วยกันส่งเสริมจิตอาสา การดูเเลประชาชนต้องให้ความเป็นธรรม ให้ข้าราชการทุกหมู่เหล่าเป็นเเม่เเบบให้ประชาชนศรัทธา เเละขอให้ช่วยสร้างความเข้าใจ ขอให้นำทุกอย่างที่ทั้งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเเละสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้ขับเคลื่อนต่อไป .-สำนักข่าวไทย