กรุงเทพฯ 7 ต.ค.-กรมชลประทานสั่งปิดการระบายน้ำเขื่อนภูมิพลจังหวัดตากเพื่อลดปริมาณน้ำจากแม่น้ำปิงที่จะไหลลงมาสู่พื้นที่ตอนล่าง
ช่วยลดผลกระทบภาวะระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาที่จะสูงขึ้นได้
นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ รองอธิบดีกรมชลประทาน รักษาราชการแทนอธิบดีฯกล่าวว่า
ได้ประสานงานไปยังการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)ปิดการระบายน้ำท้ายเขื่อนภูมิพลจังหวัดตาก
เนื่องจากพิจารณาว่า น้ำแม่น้ำวังมีปริมาณมาก เมื่อไหลมาบรรจบกับแม่น้ำปิงท้ายเขื่อนจะทำให้แม่น้ำปิงที่จังหวัดกำแพงเพชรและนครสวรรค์มีปริมาณสูง
จึงปิดการระบายน้ำปิงจากท้ายเขื่อน 2 วัน ซึ่งมั่นใจว่า
จะลดปริมาณน้ำที่ไหลมายังเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาทได้
“ได้ทำหนังสือเรียนอธิบดีป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเพื่อแจ้งแก่ผู้ว่าราชการจังหวัดและ
ปภ. จังหวัดแล้วถึงสถานการณ์น้ำที่คาดว่า จะมีฝนตกชุกในภาคกลางจนถึงวันที่ 11 ต.ค. น้ำเหนือจะหลากจึงขอให้เตือนภัยเพิ่มความระมัดระวังเรื่องน้ำที่เพิ่มสูงขึ้น”นายสมเกียรติกล่าว
นายสมเกียรติ ประเมินว่า
ฝนตกชุกในภาคกลางจนถึงวันที่ 11 ต.ค. น้ำเหนือจะหลากจึมาถึงเขื่อนเจ้าพระยาในอัตรา 2,000-2,500
ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยได้ทดน้ำเข้าระบบชลประทานทั้ง 2 ฝั่งเหนือเขื่อนแล้วในอัตรา 500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีจากศักยภาพทั้งหมด
750 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
แต่เนื่องจากมีฝนตกในพื้นที่มากน้ำจึงเต็มความจุ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้นจาก
1,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีเป็น 2,000
ลูกบาศก์เมตรวินาทีภายใน 3 วันนับจากเมื่อวานนี้ และจะคงอัตรานี้ไว้
1 สัปดาห์ โดยคาดว่า ระดับน้ำจะสูงขึ้นประมาณ 50 เซนติเมตร ถึง 1 เมตร จึงเตือนให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ริมตลิ่งในจังหวัดชัยนาท
สิงห์บุรี อ่างทอง และพระนครศรีอยุธยาซึ่งประสบภาวะน้ำท่วมขังมานานเตรียมรับสถานการณ์
โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำริมตลิ่งนอกคันกั้นน้ำของคลองโผงเผง อ่างทอง คลองบางบาล
อำเภอบางบาล เสนา และแม่น้ำน้อย อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา –สำนักข่าวไทย