ประจวบคีรีขันธ์ 4 ต.ค. – ช่วง “สีสันเศรษฐกิจ” เคยพาคุณผู้ชมไปท่องเที่ยว “กุยบุรี ซาฟารีเมืองไทย” มาแล้ว แต่ที่ อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ยังมีกิจกรรมและแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมาก วันนี้จะพาไปดูแนวคิดส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่กุยบุรี
อาจารย์จากมหาวิทยาลัยสวนดุสิต นำความรู้ไปเผยแพร่ให้ชาวบ้าน ทั้งที่กุยบุรีและชะอำ โดยมีผลิตภัณฑ์ที่ใช้ตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า เน้นแปรรูปจากผลผลิตการเกษตรที่มีมากในท้องถิ่น เช่น สับปะรด มะนาว มะพร้าว และกาแฟ รวมถึงน้ำตาลโตนด ของ จ.เพชรบุรี ด้วย
กิจกรรมท่องเที่ยวชมช้างป่ากุยบุรี ซาฟารีเมืองไทย ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทั้งกลุ่มที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ กลุ่มครอบครัว และกลุ่มที่ต้องการค้นหาประสบการณ์แปลกใหม่ ปีที่แล้วมีชาวต่างชาติเดินทางมาเที่ยวกุยบุรีเพิ่มขึ้นกว่า 20% หลายคนมาซ้ำหลายครั้ง และใช้เวลาพักผ่อนครั้งละนานหลายวัน
นอกจากกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์แล้ว นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ยังนิยมใช้บริการด้านการดูแลสุขภาพ สัมผัสธรรมชาติและวิถีชุมชน ซึ่งล่าสุดนักวิชาการมหาวิทยาลัยสวนดุสิต โดยทุนสนับสนุนจากกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทำวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้ชุมชน โดยใช้วัตถุดิบที่มีในท้องถิ่นมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์สปาเพื่อสุขภาพนับสิบรายการ
กิจกรรมถ่ายทอดความรู้ให้ชาวบ้าน ยังได้แรงหนุนจากนักธุรกิจผู้ประกอบการในท้องถิ่น ชักชวนชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม และพร้อมเป็นช่องทางการตลาดให้นำผลิตภัณฑ์ของกลุ่มชาวบ้านมาจำหน่าย
แนวคิดส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ หรือ Wellness Tourism @กุยบุรี เชื่อมโยงการท่องเที่ยว จากระดับชุมชนสู่รีสอร์ทหรู จากภูเขาและผืนป่าสู่ท้องทะเล ตั้งเป้าดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนไม่มาก แต่เน้นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง จากวงเงินรวมที่นักท่องเที่ยวมาใช้จ่ายใน จ.ประจวบคีรีขันธ์ 64,000 ล้านบาท/ปี คาดหวังเม็ดเงินในโครงการนี้ประมาณ 10,000 ล้านบาท และกระจายสู่ชุมชนประมาณ 3,000 ล้านบาท/ปี. – สำนักข่าวไทย