นครพนม 4 ต.ค.-ประเพณีไหลเรือไฟปีนี้นอกเหนือจากการถวายเป็นพุทธบูชา เนื่องในวันออกพรรษา ชาวจังหวัดนครพนมยังพร้อมใจกันตกแต่งลวดลายเรือไฟ เพื่อถวายอาลัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ศิลปินเรือไฟจากอำเภอต่างๆ ในจังหวัดนครพนม ต่างเร่งติดตั้งตะเกียงไฟเฉลี่ยกว่า 10,000 ดวงของแต่ละลำ บนโครงเรือไม้ไผ่ ให้ทันการแสดงไหลเรือไฟในวันออกพรรษาพรุ่งนี้ เพื่อสืบสานประเพณีบูชารอยพระพุทธบาท ขอขมาแม่น้ำโขง สายน้ำที่หล่อเลี้ยงชีวิต โดยเชื่อว่าเป็นการเผาความทุกข์ให้ลอยไปกับสายน้ำด้วย ปีนี้ชาวนครพนมพร้อมใจกันออกแบบเรือไฟเป็นลวดลายเกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทั้ง 13 ลำ เพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายอาลัย พร้อมกันนี้ยังแสดงความจงรักภักดีต่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร
ที่เห็นอยู่นี้คือเรือไฟของอำเภอโพนสวรรค์ เจ้าของตำแหน่งแชมป์เรือไฟประเภทสวยงาม 6 ปีซ้อน “รักพ่อ เก้าตามรอยพ่อ” คือชื่อเรือไฟที่ส่งเข้าประกวด หวังป้องกันแชมป์ปีนี้ โดยเป็นรูปเรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ ซึ่งเป็นเรือประจำพระองค์ องค์ประกอบสำคัญคือ พระเมรุมาศ สุดยอดแห่งสถาปัตยกรรมอันยิ่งใหญ่ของประเทศ เพื่อให้สมพระเกียรติในหลวงรัชกาลที่ 9
ในช่วงค่ำวันนี้ราว 1 ทุ่มเศษ ก็จะมีการไหลเรือไฟโชว์ 2 ลำ พร้อมกระทงสาย หรือที่เรียกกันว่าไข่พญานาคยาวเหยียด ให้นักท่องเที่ยวได้เก็บเกี่ยวความประทับใจเป็นตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ ก่อนชมของจริงที่สวยงามตระการตาในวันพรุ่งนี้ โดยการไหลเรือไฟโชว์ ทางทีมข่าวก็เพิ่งมาเที่ยวชมและเก็บภาพเมื่อคืนที่ผ่านมานี้เอง
สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาชมการประดับตกแต่งเรือไฟในช่วงโค้งสุดท้ายก็ยังจะได้ชมวิถีชีวิตริมแม่น้ำโขง และมีฉากหลังที่สวยงามเป็นทิวเขาฝั่งเมืองท่าแขก แขวงคำม่วน ประเทศลาว จนมีคำพูดเชิงท่องเที่ยวที่ว่า ทิวเขาเป็นของลาว แต่ทิวทิศน์เป็นของไทย.-สำนักข่าวไทย