กรุงเทพฯ 3 ต.ค.-เข้าสู่ช่วง 2 วันสุดท้ายที่สำนักพระราชวังเปิดให้เข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่สนามหลวงยังคงเนืองแน่นไปด้วยประชาชน และนอกเหนือจากแรงใจที่ทุกคนต่างพร้อมใจมาเพื่อถวายความอาลัยเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว อาหารก็เป็นสิ่งสำคัญให้ประชาชนมี “แรงกาย” พร้อมเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ
เวลารอเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เฉลี่ย 8 ชั่วโมง/คน ท่ามกลางสภาพอากาศที่แปรปรวนและคาบเกี่ยวช่วงมื้ออาหาร อาจทำให้บางคนอ่อนเพลีย อาหารและน้ำหวานต่างๆ ที่จิตอาสานำมาบริการ จึงเป็นเครื่องชูกำลังให้มีแรงกาย เข้ากราบพ่อของแผ่นดิน ด้วยหัวใจที่เปี่ยมด้วยความจงรักภักดี
วัตถุดิบประกอบอาหารคัดสรรมาอย่างดี ทุกอย่างปลอดสารพิษ ถูกเตรียมและปรุงสดใหม่ทุกวัน รังสรรค์เป็นอาหารเกือบ 20 เมนู ทั้งแกงเขียวหวาน ผัดหมี่ และข้าวผัด ที่แม่ครัวกว่า 50 ชีวิต ผลัดเปลี่ยนมาทำอาหารเพื่อดูแลประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง ทุกคนทำด้วยความเต็มใจอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยมาเป็นเวลาเกือบปีแล้ว เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9
อาหารที่เสิร์ฟทุกคน ทุกศาสนาทานได้ ทั้งมังสวิรัติและฮาลาล ทั้งยังเลือกวัตถุดิบขึ้นชื่อประจำท้องถิ่นอย่างเช่น ผัดหน่อไม้ดองน้ำฝนจาก จ.ราชบุรี พร้อมด้วยข้าวกล้อง บนถ้วยกระดาษที่ทำขึ้นเอง เพื่อช่วยลดปัญหาขยะ
รสชาติที่ได้ลิ้มลอง อร่อยถูกปากและมีให้เลือกอย่างหลากหลาย เจ้าหน้าที่ทุกคนให้บริการเป็นอย่างดี ทำให้การรอคอยนั้นมีความสุข
กอร.รส.จัดโรงครัวไว้บริการประชาชน 13 ครัว ตั้งเต็นท์บริเวณด้านข้างพระแม่ธรณีบีบมวยผม กำหนด 2 ช่วงเวลาให้บริการ คือ 11.00 น. และ 17.00 น. หากประชาชนหิวสามารถเดินมาทานได้เรื่อยๆ โดยเจ้าหน้าที่และจิตอาสาต่างตั้งใจทำ เพื่อให้ลูกของพ่อทุกคนได้อิ่มทั้งกายและใจ.-สำนักข่าวไทย