fbpx

นายกฯ พอใจผลการเยือนสหรัฐฯ

กรุงวอชิงตัน ดีซี 2 ต.ค.-นายกรัฐมนตรีพอใจผลการเยือนสหรัฐฯ หลังได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น พร้อมเดินหน้าสานต่อความร่วมมือทุกมิติบนพื้นฐานความเป็นมิตรประเทศที่ยาวนานที่สุดในเอเชีย ยืนยันกับผู้นำสหรัฐฯ ปีหน้าจะประกาศวันเลือกตั้ง


“บุษยา อุ้ยเจริญ” ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทย ที่ติดตามภารกิจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางเยือนสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 30 กันยายน – 5 ตุลาคม 2560 รายงานว่า นายกรัฐมนตรี  และนางนราพร จันทร์โอชา  ภริยา  เดินทางถึงทำเนียบประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา  เวลา 12.20 น. ของวันที่ 2 ตุลาคม ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 11 ชั่วโมง โดยนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนางเมลาเนีย ทรัมป์ ภริยา รอให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น 


จากนั้น เวลา 12.40 น. ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นำนายกรัฐมนตรีเข้าห้องทำงานรูปไข่ เพื่อร่วมหารือสองต่อสอง โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที 

นายกรัฐมนตรีแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ลาสเวกัส และพายุเฮอร์ริเคน และเชื่อมั่นว่า ภายใต้การนำพาของประธานาธิบดีทรัมป์  จะทำให้การคลี่คลายปัญหาเป็นไปด้วยดีและรวดเร็ว และว่า การพบกันวันนี้ หารือกันในหลายประเด็น ทั้งด้านความมั่นคง ภัยคุกคาม และประเด็นที่มีความสำคัญในภูมิภาค รวมถึง การค้าการลงทุน การเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกัน  


“ภายใต้ความสัมพันธ์ที่ยาวนานเกือบ 200 ปี และอย่างเป็นทางการ 184 ปี จึงเชื่อมั่นว่า ภายใต้การนำพาของประธานาธิบดีทรัมป์ จะสานต่อความสัมพันธ์นี้ไปอย่างต่อเนื่อง” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรียังชื่นชมสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐฯ ที่ดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคม ซึ่งไทยพร้อมให้การสนับสนุน เพราะไทยให้ความสำคัญกับการดูแลผู้ด้อยโอกาส 

ด้าน ประธานาธิบดีทรัมป์  แสดงความยินดีที่ได้ต้อนรับนายกรัฐมนตรีและคณะ พร้อมพูดถึงความพร้อมในการขยายความร่วมมือทางด้านการค้าระหว่างกัน เพราะเห็นว่าไทยมีศักยภาพด้านทรัพยากรต่าง ๆ และวัตถุดิบ รวมทั้ง ได้พูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ และว่า จะไปเยี่ยมผู้ประสบเหตุพายุเฮอร์ริเคนในวันที่ 3 ตุลาคม    และจะเดินทางไปลาสเวกัสในวันที่ 4 ตุลาคม  

จากนั้น เวลา 13.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริการ่วมหารือกับนายกรัฐมนตรี  แบบเต็มคณะ ในรูปแบบการหารือระหว่างรับประทานอาหารกลางวัน หรือ working Lunch  โดยมีรัฐมนตรีและผู้บริหารเข้าร่วม อาทิ นายสมคิด จาตุศรรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า บรรยากาศหน้าทำเนียบขาว มีมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด  หลังเกิดเหตุกราดยิงในลาสเวกัส เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ตามเวลาท้องถิ่น  โดยมีการตรวจตรา และใช้สุนัขดมกลิ่นอุปกรณ์เครื่องมือของสื่อก่อนที่จะเข้าไปไปภายในทำเนียบขาวด้วย

ต่อมา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ ถึงการเยือนสหรัฐอเมริกาในครั้งนี้ ว่า เป็นการเยือนของผู้นำประเทศไทยในรอบ 12 ปี ซึ่งรู้สึกประทับใจในการต้อนรับของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่เป็นไปอย่างอบอุ่น ผู้นำสหรัฐฯ ได้แสดงความเสียใจต่อการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงของโลก และครองราชย์มายาวนานถึง 70 ปี

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับการหารือกันแบบสองต่อสอง  ผู้นำทั้ง 2 ฝ่ายคาดหวังว่า จะมีความร่วมมือกันให้มากขึ้นในทุกมิติ ทั้งด้านความมั่นคงภายในประเทศและในภูมิภาค การค้า การลงทุน การเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกัน

“ในระหว่างการหารือ ไม่ได้ถูกกดดันใด ๆ และประธานาธิบดีสหรัฐฯ ให้เกียรติกับผมและประเทศไทย จึงถือโอกาสนี้เชิญผู้นำสหรัฐฯ เยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เมื่อมีโอกาส” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ส่วนการหารือแบบเต็มคณะระหว่างไทยกับสหรัฐฯ นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้พูดคุยกันในรายละเอียดถึงการเสริมสร้างความมั่นคงภายในและในภูมิภาค ทั้งการก่อการร้าย อาชญากรรมข้ามชาติ รวมถึง ภัยในโลกไซเบอร์ ว่าจะร่วมมือกันอย่างไร โดยเฉพาะความร่วมมือกันด้านข่าวกรอง และการดูแลความปลอดภัยตามแนวชายแดนไทย ซึ่งไทยยินดีที่จะให้ความร่วมมือในทุกประเด็น รวมทั้ง ข้อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ความรู้ในด้านความมั่นคงด้วย ซึ่งสหรัฐฯ ไม่ได้ขัดข้อง

นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ยังได้มีการพูดคุยกันถึงการค้าและการลงทุน เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกัน  ขณะเดียวกัน  ฝากผู้นำสหรัฐฯ ดูแลนักลงทุนไทยกว่า 20 บริษัทที่มาลงทุนในสหรัฐฯ และสิ่งที่ได้เน้นย้ำในการพูดคุยคือ ความร่วมมือด้านสินค้าเกษตร เพื่อหามาตรการในการเพิ่มราคาให้มากขึ้น ถือเป็นการดูแลเกษตรของไทย

ต่อกรณีที่มีความเป็นห่วงเรื่องการตกลงซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ต้องกังวล เพราะการดำเนินการจะต้องเป็นไปตามแผนพัฒนากองทัพในระยะ 5-10 ปี ซึ่งต้องมาพิจารณาว่า จะจัดซื้อยุทโธปกรณ์ใดจากสหรัฐฯ ได้บ้าง รวมทั้งต้องดูในเรื่องงบประมาณ ขณะเดียวกัน ได้ขอให้สหรัฐฯ ดูแลเรื่องคุณภาพที่สูง ในราคาที่จำกัด

ส่วนสถานการณ์เกาหลีเหนือนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้ยืนยันกับผู้นำสหรัฐฯ ว่า จะดำเนินการทุกอย่างตามพันธกรณี รวมถึง ยืนยันความพยายามที่จะดูแลให้เกิดความสงบเรียบร้อยในภูมิภาค โดยเฉพาะปัญหาในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมียนมา โดยสนับสนุนให้แก้ปัญหาภายในให้ได้โดยเร็วและได้มีการประสานกับผู้นำเมียนมาไปแล้ว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า  ถือว่าผลสรุปการเยือนเป็นที่น่าพอใจ และต้องขอบคุณที่ให้เกียรติกับเรา ซึ่งเราเป็นมิตรมายาวนาน ในขณะที่เรามีปัญหามีข้อจำกัดมากมาย แต่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็ให้เกียรติผม เรามองปัญหาเดียวกัน คือ จะทำอย่างไร เพื่อให้คนที่ไม่เข้าถึงโอกาส มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และได้พูดถึงความร่วมมือการค้าระหว่างกัน 

“ ในการพบปะหารือกันในครั้งนี้  ผู้นำสหรัฐฯ ไม่ได้สอบถามถึงสถานการณ์การเมืองในประเทศไทย แต่ผมได้เล่าให้ฟังถึงการเดินหน้าประเทศไทย ว่าเป็นไปตามหลักสากล โดยจะเดินตามโรดแมปที่ประกาศไว้  โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง และในปีหน้า จะประกาศวันเลือกตั้งอย่างแน่นอน” นายกรัฐมนตรี กล่าว .- สำนักข่าวไทย       

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

ชีวิตติดลบ! ชาวแม่สายจมน้ำจมโคลน 10 วันแทบหมดตัว

หลายชุมชนชายแดนแม่สาย เผชิญน้ำท่วมและจมโคลนมา 10 วันแล้ว อยู่ในสภาพแทบหมดตัว ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่กับชีวิตที่ต้องติดลบจากน้ำท่วมครั้งนี้

อาลัย “อดีตแข้ง U19” ขับเบนซ์พลิกคว่ำดับพร้อมภรรยา

วงการลูกหนังอาลัย “อดีตนักเตะ U19” ขับเบนซ์พลิกคว่ำดับพร้อมภรรยา ชาวบ้านเผยจุดนี้เกิดอุบัติเหตุบ่อย ลงสะพานอย่าขับเร็ว

สอบเพิ่ม “ไอ้แม็ก” ฆ่าชิงทรัพย์หญิงขับโบลท์ ฝากขังพรุ่งนี้

ตำรวจคุมตัว “ไอ้แม็ก” สอบปากคำเพิ่มคดีฆ่าชิงทรัพย์โชเฟอร์สาวขับโบลท์ เจ้าตัวปฏิเสธไปชี้จุด อ้างปวดท้องไม่สบาย เตรียมฝากขังพรุ่งนี้