พาณิชย์ดันธุรกิจค้าส่งค้าปลีกร่วม “ร้านฉลาดซื้อประหยัดใช้”

กรุงเทพฯ  23 ต.ค. – นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ให้การสนับสนุนร้านค้าส่งค้าปลีกที่มีศักยภาพและได้รับการพัฒนาจากกระทรวงพาณิชย์เข้าร่วมโครงการ “ร้านฉลาดซื้อ ประหยัดใช้”  ซึ่งถือว่าเป็นการคืนกำไรสู่สังคมและช่วยลดค่าครองชีพประชาชนระยะยาว โดยร้านค้าฯ ที่เข้าร่วมโครงการจะจำหน่ายสินค้าราคาประหยัด ซึ่งมีราคาถัวเฉลี่ยต่ำกว่าปกติร้อยละ 10 เป็นสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวันไม่น้อยกว่า 30 รายการ เช่น น้ำปลา น้ำมันพืช น้ำยาล้างจาน ผงซักฟอก แชมพู สบู่ก้อน ยาสีฟัน กระดาษชำระ เป็นต้น และจะจำหน่ายราคาประหยัดเป็นปกติ ไม่ใช่เฉพาะช่วงเวลาโปรโมชั่น  ซึ่งจะเป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายประชาชนและจะเป็นทางเลือกใหม่ให้กับผู้บริโภคให้สามารถเข้าถึงสินค้าราคาประหยัดได้เป็นอย่างดีและต่อเนื่อง

ทั้งนี้  ปัจจุบันมีร้านค้าส่งค้าปลีกที่ผ่านการสำรวจและประเมินเป็น “ร้านฉลาดซื้อ ประหยัดใช้” 132 ร้านค้า 584 สาขา ครอบคลุม 73 จังหวัดทั่วประเทศ  สังเกตจากป้ายสัญลักษณ์และธงราวสีฟ้า “ฉลาดซื้อ ประหยัดใช้” ที่ติดตั้งภายในและหน้าร้านค้าฯ และสามารถตรวจดูสถานที่ตั้งของร้านค้าฯ ได้ที่ แอพพลิเคชั่น “ลายแทงของถูก” ของกระทรวงพาณิชย์  โดยกระทรวงฯ จะมีการสำรวจติดตามราคาจำหน่ายของร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการเป็นประจำทุก 6 เดือน เพื่อตอกย้ำความมั่นใจและสร้างทางเลือกในการซื้อสินค้า และปี 2560 มีเป้าหมายที่จะขยาย “ร้านฉลาดซื้อ ประหยัดใช้” เพิ่มขึ้นอีกไม่น้อยกว่า 100 สาขา ครอบคลุมพื้นที่ทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยเฉพาะพื้นที่ชุมชน

นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับสมาคมการค้าส่ง-ปลีกไทย ผู้ผลิต ผู้แทนจำหน่าย และร้านค้าส่งปลีกทั่วประเทศ จัดงาน “ค้าส่งรวมใจ โชวห่วยไทยคู่สังคม” เพื่อเป็นการเพิ่มสภาพคล่องทางเศรษฐกิจให้เกิดการหมุนเวียน และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องการเกิดการเกื้อกูลกันอย่างเป็นระบบ โดยดำเนินการมาแล้วรวม 9 ครั้ง มีมูลค่าการซื้อขายรวมกว่า 3,954 ล้านบาท ทั้งนี้ งาน “ค้าส่งรวมใจ โชวห่วยไทยคู่สังคม” จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี ปีละ 2 ครั้ง คือ  วันที่ 25 เมษายน – 31 พฤษภาคม  และวันที่ 9 – 30 กันยายน

พร้อมกันนี้เตรียมนำเทคโนโลยีและซอฟแวร์ ด้านการบริหารจัดการธุรกิจค้าส่งค้าปลีกมาใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการธุรกิจฯ ในภาพรวมให้ดีขึ้นและพัฒนาธุรกิจค้าส่งค้าปลีกต้นแบบให้สามารถนำเทคโนโลยีไปใช้ในการบริหารจัดการธุรกิจได้จริง พร้อมทั้งเชื่อมโยงเครือข่ายระหว่างค้าส่งค้าและปลีก เพื่อให้ผู้ประกอบการมีความเข้มแข็งท้องถิ่นมีความมั่นคง และประเทศเติบโตอย่างยั่งยืน.-สำนักข่าวไทย