ชวนผู้ประกอบการท้องถิ่นสานต่อนโยบาย ‘ซอฟต์ พาวเวอร์’ 

จ.เพชรบุรี 14 พ.ค.-อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ตามรอยคณะรัฐมนตรีลงพื้นที่ จ.เพชรบุรี ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจผู้ประกอบการ ชวนสานต่อนโยบาย ‘ซอฟต์ พาวเวอร์’ รัฐบาล ด้านเครื่องแต่งกายไทย พร้อมหารือธุรกิจค้าส่งค้าปลีกวางแนวทางสร้างความยั่งยืนให้ท้องถิ่น ขอให้เปิดพื้นที่จำหน่ายสินค้าชุมชนเพิ่มขึ้น พร้อมวอนเน้นจ้างงานคนในพื้นที่ กระตุ้นและสร้างความแข็งแกร่งให้เศรษฐกิจท้องถิ่นไปด้วยกัน 


นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า “ระหว่างวันที่ 12 – 14 พฤษภาคม 2567 กรมพัฒนาธุรกิจการค้านำคณะผู้บริหารลงพื้นที่ จ.ราชบุรี และ จ.เพชรบุรี เพื่อตรวจเยี่ยมให้กำลังใจและหาลู่ทางช่วยผู้ประกอบการท้องถิ่นขยายตลาด โดยการลงพื้นที่พบปะผู้ประกอบการชุมชน สอดคล้องเป้าประสงค์ของรัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ต้องการให้หน่วยงานภาครัฐที่ดูแลภาคธุรกิจเข้าถึงและเข้าใจความต้องการผู้ประกอบการให้ได้มากที่สุด ส่งผลถึงรูปแบบและแนวทางการให้ความช่วยเหลือ ส่งเสริม พัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการอย่างตรงจุด โดยให้ความสำคัญถึงการบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคธุรกิจ หารือแนวปฏิบัติที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อให้การดำเนินงานเดินหน้าทิศทางเดียวกัน ทั้งการขยายช่องทางการตลาดให้ครอบคลุมและหลากหลาย ขจัดปัญหาอุปสรรคทางการค้าเพื่ออำนวยความสะดวกภาคธุรกิจ ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ประกอบการชุมชนสามารถประกอบธุรกิจได้อย่างยั่งยืน และสัมพันธ์ถึงภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศที่มีความแข็งแกร่งมากขึ้น

ไฮไลท์สำคัญ คือ การชวนผู้ประกอบการท้องถิ่นสานต่อนโยบาย ‘ซอฟต์ พาวเวอร์’ ของรัฐบาล ด้านเครื่องแต่งกายไทย เพื่อยกระดับกลุ่มเครื่องแต่งกายที่ผลิตจากวัสดุธรรมชาติ ซึ่งเป็นหนึ่งในมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมไทยที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ โดยการเพิ่มคุณค่า/มูลค่าทุนทางวัฒนธรรมและสร้างกระแสความนิยมให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง โดยกระทรวงพาณิชย์ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จะเข้ามามีส่วนร่วมในการส่งเสริม สนับสนุน และผลักดันเพื่อสร้างกระแสให้เข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่มากยิ่งขึ้น เช่น การประชาสัมพันธ์ผ่านภาพยนตร์ ละครโทรทัศน์ หรือซีรีส์ ที่กำลังได้รับความนิยม และการพาออกงานแสดงและจำหน่ายสินค้าตามงานต่างๆ เพื่อสร้างการจดจำ/การรับรู้ในผลิตภัณฑ์ และขยายช่องทางการตลาด ขยายฐานกลุ่มลูกค้าให้มีความหลากหลาย  ซึ่งเป็นอีกแนวทางหนึ่งในการสืบสานและประยุกต์ทางวัฒนธรรมของขนมไทย/เครื่องแต่งกายไทยให้คงอยู่คู่สังคมไทยสมัยใหม่อย่างยั่งยืน สร้างรายได้ให้กลุ่มธุรกิจและประเทศอย่างต่อเนื่อง 


นอกจากนี้ ยังได้ตรวจเยี่ยมและหารือกับผู้ประกอบการธุรกิจค้าส่งค้าปลีกเพื่อวางแนวทางสร้างความยั่งยืนให้ท้องถิ่นระยะยาว โดยขอให้เปิดพื้นที่ให้ผู้ประกอบการท้องถิ่นนำสินค้าชุมชนเข้ามาจำหน่ายในธุรกิจค้าส่งค้าปลีกเพิ่มขึ้น พร้อมขอให้เน้นการจ้างงานคนในพื้นที่เป็นหลักเพื่อให้เกิดการจ้างงานท้องถิ่น เป็นการกระตุ้นและสร้างความแข็งแกร่งให้เศรษฐกิจทั้งในระดับภูมิภาค จังหวัด และประเทศ 

การลงพื้นที่ครั้งนี้ กำหนดตรวจเยี่ยมและพบปะผู้ประกอบการ 2 กลุ่มธุรกิจ คือ * ธุรกิจเครื่องแต่งกายจากวัสดุธรรมชาติ (กลุ่มอาชีพสตรีจักสานป่านศรนารายณ์) และ * ธุรกิจค้าส่งค้าปลีก (บริษัท สหไทยดีพาร์ทเม้นท์สโตร์กรุ๊ป จำกัด) โดยผู้ประกอบการทั้ง 2 ราย เป็นธุรกิจที่อยู่ในการส่งเสริมสนับสนุนของกระทรวงพาณิชย์ที่สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ สามารถจ้างงานคนในท้องถิ่นเพื่อเข้ามาทำงานในธุรกิจได้ และมีศักยภาพในการสานต่อนโยบาย ‘ซอฟต์ พาวเวอร์’ ของรัฐบาลได้เป็นอย่างดี 

ธุรกิจแรกที่ตรวจเยี่ยม คือ กลุ่มอาชีพสตรีจักสานป่านศรนารายณ์ ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่ผลิตเครื่องแต่งกาย (หมวก กระเป๋า รองเท้า เข็มขัด และของที่ระลึก) จากวัสดุธรรมชาติ เป็นอาชีพจากภูมิปัญญาท้องถิ่นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่น ผลิตภัณฑ์สะท้อนถึงความประณีตของฝีมือคนไทยที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ให้สืบสานคงอยู่ตลอดไป โดยการรวมกลุ่มอาชีพเป็นการกระจายรายได้ให้แก่คนในชุมชนอย่างทั่วถึงตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ จุดเด่นของผลิตภัณฑ์คือ ผลิตจากวัสดุธรรมชาติ มีความแข็งแรง ทนทาน สามารถซักทำความสะอาดได้โดยที่สีไม่ตกและไม่ขึ้นรา มีรูปแบบผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย เข้าถึงได้ทุกกลุ่มเป้าหมายตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงผู้ใหญ่ รวมทั้ง ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคทั้งชาวไทยและต่างประเทศ จากการพูดคุยพบว่า กลุ่มอาชีพสตรีฯ ได้มีการจำหน่ายสินค้าผ่านทางช่องทางออนไลน์ (เว็บไซต์ www.sornnarai.com, Facebook : Araya by Nut ป่านศรนาราย์อารยา และ IG : araaby และออฟไลน์  (คิงพาวเวอร์ สนามบินสุวรรณ ศูนย์ศิลปาชีพระหว่างประเทศ และร่วมออกงานแสดงและจำหน่ายสินค้าตามสถานที่ต่างๆ) 


โดยตลาดต่างประเทศที่สำคัญ คือ ญี่ปุ่น อังกฤษ สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ มาเลเซีย และจีน ปัญหาที่พบและกำลังเร่งแก้ปัญหา คือ การผลิตสินค้าที่ไม่ทันต่อความต้องการของลูกค้า คือ เส้นใยป่านกับเส้นใยเปลี่ยนผลิตไม่ทัน ส่งผลให้ไม่สามารถผลิตสินค้าได้ทันตามความต้องการของตลาด ทั้งนี้ กลุ่มอาชีพสตรีฯ พร้อมให้การสนับสนุนและส่งเสริมให้ผลิตภัณฑ์ของกลุ่มฯ เป็นซอฟต์ พาวเวอร์ ของประเทศ เนื่องจากปัจจุบันก็ได้รับความสนใจจากลูกค้าชาวต่างประเทศอยู่แล้ว ฉะนั้น การขยายตลาดไปยังลูกค้าประเทศอื่นๆ น่าจะมีโอกาสความเป็นไปได้มาก 

และธุรกิจที่ 2 คือ บริษัท สหไทยดีพาร์ทเม้นท์สโตร์กรุ๊ป จำกัด เป็นธุรกิจค้าส่งค้าปลีกขนาดใหญ่ใน จ.เพชรบุรี เป็นกิจการของคนไทย 100% และเป็นร้านค้าส่งที่ได้รับการพัฒนาจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ให้เป็นร้านค้าส่งค้าปลีกต้นแบบ มีเครือข่ายที่เป็นร้านค้าปลีกและร้านโชห่วย ประมาณ 100 ร้านค้า จากการพูดคุยพบว่า ธุรกิจให้ความสำคัญกับการบริหารระบบโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ โดยนำระบบสารสนเทศมาช่วยในการ บริหารจัดการ เช่น การวิเคราะห์ต้นทุนสินค้าคงคลัง การจัดการคลังสินค้า การบริหารคำสั่งซื้อ การวิเคราะห์กระบวนการจัดส่ง และการกระจายสินค้า รวมถึง ธุรกิจได้จัดทำข้อมูลกลุ่มสมาชิกร้านค้าส่งค้าปลีกและโชห่วย เพื่อสนับสนุนการสร้างเครือข่ายในการจัดกิจกรรมการส่งเสริมการขาย ส่งผลให้ธุรกิจมีทักษะและประสบการณ์ในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างเป็นทางการมากขึ้น อันเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ยอดขายเพิ่มสูงขึ้นตามลำดับ นอกจากนี้ ยังเป็นพี่เลี้ยงให้แก่ร้านโชห่วยที่เป็นเครือข่าย ทำให้มีลูกค้าที่เป็นร้านค้าปลีกเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน ก็เป็นร้านค้าปลีกจำหน่ายสินค้าให้แก่คนในท้องถิ่นด้วย ทำให้เข้าใจร้านค้าปลีกและร้านโชห่วยในพื้นที่ต่างๆ ที่ต้องเผชิญกับการแข่งขันทางการค้าที่รุนแรงมากขึ้น 

นอกจากนี้ กรมได้ขอความร่วมมือให้ บ.สหไทยฯ เปิดพื้นที่ให้ผู้ประกอบการท้องถิ่นได้นำสินค้าชุมชนเข้าจำหน่ายในห้างฯ มากขึ้น ทั้งในรูปแบบการจัดสรรพื้นที่เพื่อวางจำหน่ายสินค้า หรือการจัดโปรโมชันพิเศษเพื่อให้ผู้ประกอบการเข้ามาแนะนำและให้ผู้บริโภคได้ร่วมทดลองบริโภคสินค้าเพื่อเปิดและขยายตลาด เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ผู้ประกอบการ รวมทั้ง ขอให้เน้นการจ้างงานคนในพื้นที่เป็นหลักเพื่อให้เกิดจ้างงานในท้องถิ่น เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจภูมิภาคให้เกิดการหมุนเวียนสามารถพึ่งพาตนเองได้ ซึ่งเป็นการช่วยสนับสนุนและส่งเสริมให้เศรษฐกิจภาพรวมในระดับมหภาพมีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

หลังจากที่ได้พูดคุยรับฟังถึงรายละเอียดด้านต่างๆ จากผู้ประกอบการแล้ว กรมพัฒนาธุรกิจการค้า พร้อมเดินหน้าให้การสนับสนุนและช่วยเหลือภาคธุรกิจอย่างเต็มที่ รวมทั้งนำความต้องการและข้อเสนอแนะต่างๆ มาดำเนินการจัดทำแผนการขยายตลาดเพื่อสร้างความเข้มแข็ง ปิดจุดอ่อนเสริมจุดแข็งให้ธุรกิจ และจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการความร่วมมือในการอำนวยความสะดวกและส่งเสริมให้ภาคธุรกิจสามารถประกอบธุรกิจได้อย่างราบรื่น เพิ่มศักยภาพและขยายโอกาสแห่งความสำเร็จ โดยมีภาครัฐเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ให้การสนับสนุน และอำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่.-514-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“สุชาติ” จ่อลาออก สส. ให้สภามี สส.ทำงาน

ทำเนียบ 7 ก.ค.-“สุชาติ” เผยเตรียมลาออก สส. เพื่อให้บัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้ขึ้นมา มองให้สภามี สส.ทำงาน นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงธรรมเนียมปฏิบัติของคนที่เป็น สส.ระบบบัญชีรายชื่อ จะลาออกเมื่อเป็นรัฐมนตรี หรือไม่ว่า ที่ผ่านมายังไม่มีการลาออกแต่โดยธรรมเนียมก็ควรจะลาออก เพราะการทำหน้าที่ของรัฐมนตรีก็เต็มเวลาอยู่แล้ว ไม่มีเวลาที่จะไปช่วยงานสภา ซึ่งขณะนี้สภาเสียงปริ่มน้ำ ซึ่งตนมีความตั้งใจที่จะลาออกจาก สส ระบบบัญชีรายชื่ออยู่แล้ว เพื่อให้ สส.ระบบบัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้เลื่อนขึ้นมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สส. ลำดับถัดไปที่จะขึ้นมาเป็น สส.แทนนายสุชาติ คือ นายเอกพร รักความสุข บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 38.-316.-สำนักข่าวไทย

พม.ร้องเอาผิด “จอนนี่ มือปราบ” สร้างรีสอร์ทรุกล้ำที่ส่วนกลาง

บก.ปทส. 7 ก.ค. – จนท.กรมพัฒนาสังคมฯ ร้องตำรวจป่าไม้ตรวจสอบปมรีสอร์ทของ “จอนนี่มือปราบ” อินฟลูชื่อดัง บุกรุกพื้นที่นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ในอุบลราชธานี และถูกข่มขู่ไม่ให้เข้าพื้นที่ นายวัชระ โกเสนตอ นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ ได้รับมอบอำนาจจากนายกันตพงศ์ รังษีสว่าง อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำหลักฐานเอกสารเข้าแจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. เพื่อให้ดำเนินคดีกับ ด.ต.ยุทธพล หรือ “จอนนี่ มือปราบ” อดีตตำรวจที่ผันตัวลาออกจากราชการมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ กรณีสร้างรีสอร์ทรุกเข้าไปในเขตนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ตำบลคำเขื่อนแก้ว อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี นายวัชระ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาสังคมฯ รับแจ้งจากนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ว่ามีผู้เข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินของนิคมโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยส่วนที่รุกล้ำเข้ามาเป็นพื้นที่ที่นิคมกันไว้เป็นป่าไม้ส่วนกลาง 20% รุกล้ำเข้ามาประมาณ 1 ไร่ และเริ่มก่อสร้างรีสอร์ทเมื่อปี 2564 เป็นต้นมา และทางกรมฯ ก็ได้ลงบันทึกประจำวันและมีหนังสือให้ระงับการดำเนินการรีสอร์ทมาตั้งแต่ปี 2565 แต่เจ้าของรีสอร์ทไม่ให้ความร่วมมือ และยังมาโวยวายที่นิคมฯ ข่มขู่เจ้าหน้าที่ ไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปที่รีสอร์ท ทั้งนี้นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย มีพื้นที่ตามแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสร้างตนเองฯ ชัดเจน เนื้อที่ […]

Camp Mystic after Texas floods

เปิดภาพความเสียหายน้ำท่วมแคมป์ในเท็กซัส

เท็กซัส 6 ก.ค.- ทีมกู้ภัย อาสาสมัครและตำรวจ ช่วยกันรื้อถอนเศษซากความเสียหายและซากต้นไม้กิ่งไม้ใกล้ที่ตั้งแคมป์ในรัฐเท็กซัสของสหรัฐ ซึ่งมีนักเรียนหญิง 27 คน สูญหายจากเหตุน้ำท่วมฉับพลันที่เกิดขึ้นเมื่อเช้ามืดวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น   ค่ายมิสติก (Camp Mystic) เป็นค่ายกิจกรรมนักเรียนหญิงล้วน มีนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมในค่าย 700 คน ในช่วงที่เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลันครั้งใหญ่ในเทศมณฑลเคอร์ ทางตอนกลางของรัฐเท็กซัส แคมป์แห่งนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำกัวดาลูปในแถบหุบเขาตอนกลางรัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นศูนย์กลางที่เกิดน้ำท่วม ก่อตั้งโดยโค้ชฟุตบอลมหาวิทยาลัยเท็กซัส เมื่อเกือบหนึ่งร้อยปีก่อนในปี 2469 เพื่อให้เยาวชนหญิงได้สัมผัสบรรยากาศแบบคริสเตียนในการพัฒนาตนเอง.-820(814).-สำนักข่าวไทย

กรมอุตุฯ เตือน 4 ภาครับมือฝนถล่ม ระวังน้ำท่วม-น้ำป่าไหลหลาก

กทม. 6 ก.ค.- กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง เตือน “เหนือ อีสาน ตะวันออก ใต้” รับมือฝนตกหนัก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณจังหวัดภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบนและลาวตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุโซนร้อน “ดานัส” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ไต้หวัน ในช่วงวันที่ 6–7 กรกฎาคม 2568 โดยไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย แต่จะทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

คุมได้แล้ว! เพลิงไหม้โรงงานผลิตยาง จ.สมุทรสาคร

สมุทรสาคร 7 ก.ค. – คุมได้แล้ว! ไฟไหม้โรงงานผลิตยาง จ.สมุทรสาคร พบต้นเพลิงเกิดขึ้นบริเวณท่อส่งน้ำมัน หวั่นอาคารพังถล่ม หลังโหมไหม้รุนแรง ภาพจากมุมสูงจะเห็นอาคารที่เกิดเหตุมีขนาดใหญ่เนื้อที่ราวๆ 3-4 ไร่ ต.บ้านเกาะ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ของบริษัทประกอบกิจการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ทำจากยาง เจ้าหน้าที่ต้องระดมรถน้ำของ อบต.บ้านเกาะ และพื้นที่ใกล้เคียงกว่า 20 คัน ฉีดน้ำสกัดเพลิงที่โหมลุกไหม้อย่างรุนแรง ควันสีดำพวยพุ่งขึ้นท้องฟ้า มีเสียงระเบิดดังขึ้นเป็นระยะ จุดต้นเพลิงเกิดขึ้นบริเวณท่อส่งน้ำมันที่ใช้ในกระบวนการผลิตภายในโรงงาน เนื่องจากมีเชื้อเพลิงไวไฟ ประกอบกับภายในมีสินค้าประเภทยางที่ผลิตแล้วเป็นจำนวนมาก ทำให้เพลิงลุกลามอย่างรวดเร็วจนอาคารเริ่มทรุดตัว มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 2 คน เป็นเจ้าหน้าที่ของโรงงาน 1 คน และเจ้าหน้าที่ดับเพลิง 1 คน เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง จึงควบคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้ แต่ไฟยังดับไม่สนิท เนื่องจากภายในมีทั้งเครื่องจักรที่ใช้ในกระบวนการผลิต วัตถุดิบไวไฟ และสินค้ายางยืดที่ผลิตเสร็จแล้วจำนวนมาก ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี จึงต้องฉีดน้ำหล่อเลี้ยงไปเรื่อยๆ พร้อมกับให้เจ้าหน้าที่ชุดผจญเพลิงนำอุปกรณ์เข้าไปดับไฟด้านใน ทั้งนี้ ต้องเฝ้าระวังความปลอดภัยจากตัวอาคารที่อาจพังถล่มลงมาได้ เนื่องจากถูกไฟลุกไหม้อย่างรุนแรงจนเสียหายเกือบทั้งหมด คนงานเล่าว่าเพลิงลุกที่ท่อส่งน้ำมันที่ส่งไปยังเครื่องจักร ซึ่งใช้ในกระบวนการผลิตสินค้าประเภทยาง แต่ไม่รู้ว่าเกิดจากอะไร […]

หนุ่มวัย 24 สารภาพผลักลูกเลี้ยงหัวฟาดพื้นดับ คุมทำแผนฯ

นนทบุรี 7 ก.ค. – ตำรวจคุมตัวพ่อเลี้ยงโหด ผลักลูกเลี้ยงวัย 2 ขวบ ล้มศีรษะฟาดพื้นเสียชีวิต ทำแผนฯ หลังเค้นสอบกว่า 6 ชั่วโมง จนยอมรับ อ้างโมโหเด็กส่งเสียงดังรบกวน ตำรวจ สภ.บางบัวทอง คุมตัวนายธนวัฒน์ อายุ 24 ปี ทำแผนประกอบคำรับสารภาพทำร้ายร่างกาย “น้องขงเบ้ง” อายุ 2 ขวบ 5 เดือน ลูกเลี้ยง จนเสียชีวิตภายในบ้านพัก ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี พร้อมให้การว่า เด็กส่งเสียงดังรบกวนจึงเกิดความโมโหผลักจนล้ม ทำให้บริเวณท้ายทอยกระแทกกับพื้น กระทั่งแน่นิ่งไป เหตุเกิดช่วงเวลาประมาณ 18.00-20.00 น. เมื่อวานนี้ (6 ก.ค.) ส่วนบาดแผลรอยจ้ำตามร่างกายและบาดแผลอื่นๆ นายธนวัฒน์ยังไม่รับสารภาพ ต้องรอผลการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ประกอบอีกครั้ง แม่ของเด็ก อายุ 25 ปี เล่าว่า ตนออกไปทำงานทุกวัน เวลา 4 โมงเย็น […]

“บิ๊กเต่า” เผย “สีกา ก.” ให้ข้อมูลเป็นประโยชน์ เลือกเหยื่อรวย-เข้าถึงง่าย

7 ก.ค. – “บิ๊กเต่า” เรียกประชุมแบ่งภารกิจให้กองใต้สังกัด สืบสวนสอบสวนหาข้อมูลเพิ่ม เผยคืบหน้ากรณี “ทิดอาชว์” และนางสาว ก. เจ้าตัวยอมรับเลือกแต่คนรวย-เข้าถึงง่าย อ้างสำนึกผิด ยอมร่วมมือกับตำรวจ พร้อมจี้สำนักพุทธฯ ทำงานให้มากกว่านี้ เพื่อเรียกศรัทธาวงการสงฆ์กลับมา ความคืบหน้าในประเด็น อดีตพระเทพวชิรปาโมกข์ หรือ ทิดอาชว์ เจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพ เจ้าคณะภาค 14-15 สายธรรมยุต มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับนางสาว ก. จนถูกแบล็กเมล์รีดไถ่เงิน 7.3 ล้านบาท ล่าสุดวันนี้ เวลา 14.00 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. และ พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. ได้เรียกคณะทำงานเข้าประชุมวางแผนการทำงานในกรณีของทิดอาชว์และนางสาว ก. ซึ่งใช้เวลาประมาณกว่า 3 ชั่วโมง โดย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ได้ออกมาเผยความคืบหน้าว่า วันนี้เป็นการเรียกประชุมกองงานต่าง ๆ เพื่อแบ่งสายงานมอบหมายภารกิจให้แต่ละกองไปสืบสวนสอบสวนหาข้อมูลมาเพิ่มเติม ภายหลังจากที่ทำการสอบสวนนางสาว ก. และได้ข้อมูลมามากพอสมควร […]

Cambodia strongly rejects Thailand’s baseless claim over Ta Krabei Temple

กัมพูชาโต้ไทยอ้างปราสาทตาควายอยู่ในไทย

พนมเปญ 7 ก.ค.- กัมพูชาคัดค้านอย่างหนักว่า ไทยอ้างโดยไร้มูลว่า ปราสาทตาควายอยู่ในดินแดนไทย และตำหนิไทยว่าห้ามชาวกัมพูชาคล้องผ้าขาวม้าขึ้นปราสาทตาควาย เว็บไซตขแมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานว่า กระทรวงกลาโหมแห่งชาติของกัมพูชาได้ออกแถลงการณ์แสดงความคัดค้านอย่างหนักต่อการกล่าวอ้างอย่างไร้มูลและโอหังของสื่อไทย เจ้าหน้าที่ทหารไทย และพลเรือนชาวไทยบางกลุ่มที่ว่า ปราสาทตาควายตั้งอยู่ในดินแดนอธิปไตยของไทย แถลงการณ์ของกัมพูชาระบุว่า การกล่างอ้างดังกล่าวเป็นการบิดเบือนความจริงอย่างสิ้นเชิง เพราะไทยอ้างแผนที่ฝ่ายเดียวที่ไม่มีคุณค่าทางกฎหมายตามหลักการกฎหมายสากล กัมพูชายืนยันว่า ในทางภูมิศาสตร์แล้วปราสาทตาควายตั้งอยู่ในเทือกเขาดงรัก อำเภอบันเตียอัมปึล จังหวัดอุดรเมียนเจยหรืออุดรมีชัย ซึ่งทั้งหมดอยู่ในดินแดนและอธิปไตยของกัมพูชา โดยเป็นไปตามกฎหมายที่ได้รับการรับรองจากสากล แถลงการณ์ของกระทรวงกลาโหมกัมพูชายังระบุว่า ทหารไทยห้ามนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาคล้องผ้ากรอมาหรือผ้าขาวม้าติดธงชาติกัมพูชาขึ้นปราสาทตาควาย แต่กลับอนุญาตให้นักท่องเที่ยวชาวไทยสวมเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับติดธงชาติไทย ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงทวิภาคีที่เคยตกลงกันไว้.-814.-สำนักข่าวไทย