เลย 6 ก.ย.-สำนักข่าวไทยเกาะติดคดีสาวแสบชาว อ.วังสะพุง จ.เลย หลอกลวงชายแต่งงานและร่วมธุรกิจ ก่อนจะหอบสินสอดหลบหนี ขณะนี้มีผู้เสียหายแสดงตัวแล้ว 13 คน ความเสียหายรวมหลายล้านบาท ตรวจสอบประวัติย้อนหลัง พบผู้ก่อเหตุมีหมายจับคดีฉ้อโกงจำนวนหลายหมาย ขณะที่ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบที่บ้านพักผู้ก่อเหตุใน จ.เลย พบปิดเงียบไม่มีผู้ใดอาศัยอยู่
กลายเป็นเรื่องราวที่สังคมให้ความสนใจไม่น้อย เมื่อ น.ส.จริยาภรณ์ บัวใหญ่ หรือน้ำมนต์ สาวชาววังสะพุง จ.เลย อายุ 32 ปี ถูกแจ้งความข้อหาฉ้อโกง โดยหลอกชายหลายคนแต่งงานและร่วมธุรกิจ ก่อนจะหอบสินสอดหลบหนีไปหลอกแต่งงานกับคนอื่นอีก รวมมีผู้เสียหายทั้งหมด 13 คน ผู้เสียหายทั้งหมดบอกตรงกันว่า หญิงสาวผู้ก่อเหตุจะแอบอ้างใช้ชื่อว่า น้ำมนต์ หรือ พร สร้อยเพ็ชร พาลีวัลย์ เข้ามาทำความรู้จักผ่านทางเฟซบุ๊กและไลน์ เพื่อพูดคุยจนสนิทสนม และตัดสินใจคบหากันภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่วัน ก่อนจะนัดเจอ และตกลงแต่งงานกัน เนื่องจากฝ่ายหญิงอ้างว่าตั้งครรภ์ โดยมีการตกลงสินสอดครั้งละ 100,000-500,000 บาท รวมถึงทรัพย์สินอื่นๆ เช่น รถยนต์ บางคนสูญเงินร่วมล้านบาท โดยทุกครั้งที่จัดงานแต่งงานมีบุคคลที่อ้างว่าเป็นพ่อแม่ของน้ำมนต์ ร่วมเป็นสักขีพยานด้วย เช่นเดียวกับหนุ่มชลบุรีรายนี้ ที่ถูกหลอกจนสูญเงินเกือบ 200,000 บาท เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แต่ยังไม่ได้เข้าพิธีแต่งงาน น้ำมนต์ก็หนีหายไม่สามารถติดต่อได้
ทีมข่าวสำนักข่าวไทยลงพื้นที่ไปตรวจสอบที่บ้านพักของ น.ส.จริยาภรณ์ หรือน้ำมนต์ ในอ.วังสะพุง จ.เลย ไม่พบผู้ใดอาศัยอยู่ สอบถามเพื่อนบ้านทราบว่า ปกติบ้านหลังนี้มีพ่อแม่ของน้ำมนต์อาศัยอยู่ แต่หลังจากเป็นข่าว และมีตำรวจเข้ามาตรวจสอบเมื่อ 5 วันที่แล้ว ก็ไม่พบพ่อและแม่ของน้ำมนต์อีกเลย ทีมข่าวจึงเดินทางไปที่บ้านพี่สาวคนโตของน้ำมนต์ ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 3 กิโลเมตร โทรศัพท์ติดต่อไม่ได้เลย ตอนนี้รู้สึกเสียใจที่น้องไปทำเช่นนั้น การแต่งงานแต่ละครั้ง ตนกับสามีก็ไม่เคยได้รับรู้ เพราะเมื่อ 3 ปีก่อน เคยมีปากเสียงกันรุนแรง เรื่องยืมเงินแล้วไม่คืน
ตำรวจเตรียมเรียกสอบพยานเพิ่มอีกหลายปาก โดยเฉพาะ น.ส.สร้อยเพ็ชร พาลีวัลย์ ที่ น.ส.จริยาภรณ์ หรือน้ำมนต์ นำชื่อไปแอบอ้างให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้าบัญชี รวมถึงตรวจสอบเส้นทางการเงิน พร้อมเร่งติดตามตัว น.ส.จริยาภรณ์ มาดำเนินคดี ซึ่งจากการตรวจสอบประวัติย้อนหลัง พบน้ำมนต์มีหมายจับในข้อหาฉ้อโกง รวม 4 หมายจับ ในท้องที่ปทุมธานี ชุมพร และจันทบุรี.-สำนักข่าวไทย