ประธานองค์กรต้านคอร์รัปชั่น ชี้การป้องกันการคอร์รัปชั่นมีความคืบหน้า

โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์ 6 ก.ย.-ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น ชี้การป้องกันการคอรัปชั่นมีความคืบหน้า หลังประเทศไทยมีศาลทุจริต สามารถเอาผิดนักการเมือง ข้าราชการระดับสูงในการระบายข้าวแบบจีทูจีได้


องค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) จัดเสวนาวิชาการ เนื่องในวันต่อต้านคอร์รัปชั่น 2560 ภายใต้หัวข้อ รัฐบาลใหม่ คอร์รัปชั่นเก่า ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ โดยนายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) กล่าวเปิดงานว่า องค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2554 จนถึงขณะนี้บรรลุเป้าหมายได้ในระดับหนึ่ง โดยสามารถเปลี่ยนทัศนคติของสังคมได้ และปีที่ผ่านมาได้จัดงานภายใต้หัวข้อ กรรมสนองโกง ซึ่งที่ผ่านมาภาครัฐมีการผลักดันที่ประสบความสำเร็จในด้านการทุจริต อาทิ การตั้งศาลทุจริต การตัดสินการระบายข้าวแบบจีทูจีในโครงการรับจำนำข้าว ที่ลงโทษนักการเมืองและข้าราชการระดับสูงได้

นายประมนต์ กล่าวว่า ขอให้การต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นวาระแห่งชาติที่ทุกคนต้องช่วยกัน เริ่มตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ที่ผ่านมามีการเรียกร้องการใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดและบังคับใช้อย่างเที่ยงธรรม ตนจึงหวังให้การปฏิรูปตำรวจนั้นมีผลสำเร็จ ลดการใช้ดุลยพินิจเพื่อเรียกรับสินบน ซึ่งเป็นความหวังอย่างหนึ่งว่าการปฏิรูประบบราชการจะทำให้การต่อต้านคอร์รัปชั่นมีผลมากขึ้น นอกจากนี้ ยังฝากความหวังไว้กับการปฏิรูปการศึกษา ที่จะปลูกฝังการต่อต้านคอร์รัปชั่นให้กับเยาวชน หากทำได้เยาวชนไทยจะได้รับประโยชน์ การต่อต้านของทุกภาคส่วน มีความคืบหน้าหลายด้าน อาทิ การตัดสินคดีระบายข้าวแบบจีทูจีที่มีคำพิพากษาลงโทษไปแล้ว และยังมีการตราพระราชบัญญัติการจัดซื้อตัดจ้างขึ้นใหม่ โดยกำหนดให้ประชาชนมีส่วนร่วมตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ กำหนดให้ประชาชนมีผู้แทนเข้าร่วมสังเกตการณ์การจัดซื้อที่สำคัญ ขณะนี้สังคมเริ่มตื่นตัวและกล้าเปิดโปง ซึ่งสะท้อนจากการรายงานการทุจริตผ่านสังคมออนไลน์มากขึ้น


“ปัจจุบันรัฐบาลได้ปลูกจิตสำนึกโตไปไม่โกงในหลักสูตรการเรียนการสอนของเยาวชนไว้แล้ว ขณะที่ภาคเอกชนมีการแก้ไขกฎหมายเพื่อลงโทษนักลงทุนที่เอาเปรียบอย่างเข้มข้น ผมหวังว่าเมื่อไม่มีผู้ให้ ก็จะไม่มีผู้รับ ในอนาคตอันใกล้ การเมืองจะมีการปรับเปลี่ยนด้วยการเลือกตั้ง ทำให้เรามีสิ่งที่ต้องมาทบทวนร่วมกันว่า เราจะทำอย่างไรให้ได้ผู้บริหารที่ดีมีคุณภาพ มีรัฐบาลที่เชื่อมั่นในการตรวจสอบโดยใช้หลักธรรมาภิบาลอย่างเข้มข้น มี 3 ประเด็นหลักที่ต้องหาคำตอบ คือ รัฐบาลจะส่งมอบระบบบริหารที่ดีให้รัฐบาลใหม่ได้อย่างไร ยุทธศาสตร์ 20 ปี รวมถึงคณะกรรมการปฏิรูปที่ตั้งขึ้นมานั้น จะมีความเหมาะสมและจะมีบทบาทอย่างไร ขณะที่การเลือกตั้งภายใต้รัฐธรรมนูญปราบโกง จะทำให้ได้รัฐบาลที่ดีแค่ไหน และประชาชนควรมีบทบาทอย่างไร ภายใต้รัฐธรรมนูญที่ส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบรัฐบาลมากขึ้น ช่วงนี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญของรัฐบาล ภายใต้ความหวังที่จะได้รัฐบาลใหม่ ไม่กลับไปสู่วังวนเก่า ๆ” นายประมนต์ กล่าว

จากนั้น เข้าสู่เวทีเสวนาในหัวข้อ รัฐบาลใหม่ คอร์รัปชั่นเก่า โดยนายประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธ์ ผู้อำนวยการสถาบันอิศรา กล่าวว่า ส่วนตัวยังไม่เห็นว่ามีตัวชี้วัดใดที่ทำให้เห็นว่าการคอร์รัปชั่นลดลง หลังจากการยึดอำนาจในปี 2557 อัตราการจ่ายสินบนลดลง อาจเพราะกลุ่มที่หาผลประโยชน์ชะงักเพื่อดูท่าทีของ คสช. แต่เมื่อเห็นว่า คสช.ไม่เอาจริง กลุ่มดังกล่าวก็จะหาช่องทาง และเริ่มกระบวนการใหม่ สินบนที่เห็นว่าลดลงก็เริ่มกลับมาอยู่ในอัตราเดิม และกลุ่มเหล่านี้จะเห็นช่องทางว่าจะเกาะอำนาจกลุ่มใดด้วย ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาถึงมาตรการและกฎหมายที่รัฐบาลออกมา โดยเฉพาะมาตรา 44 ในการโยกย้ายและพักงานข้าราชการกว่า 300 คน แต่กลับไม่มีคนที่ใส่เครื่องแบบสีเขียวแม้แต่คนเดียว จึงสงสัยว่า ทหารไม่คอร์รัปชั่นเลยใช่หรือไม่ บางรายมีการสอบสวนแบบเงียบ ๆ ส่วนที่ลงโทษก็ไม่มีใครรู้ว่าลงโทษอะไร เพราะไม่มีการเปิดเผยข้อมูล ทำให้ไม่เกิดความมั่นใจของสังคม นอกจากนี้ ยังตั้งคำถามเรื่องการใช้มาตรา 44 ในการโยกย้ายนักการเมืองท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่นหลายรายควรต้องถูกโยกย้าย แต่กลับไม่ถูกโยกย้าย ดังนั้นจึงเห็นว่า มาตรา 44 แก้ปัญหาใดไม่ได้เลย ส่วนตัวสนับสนุนให้กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เซ็ตซีโร่ทุกองค์กร ทั้งนี้ เรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง ตนไม่เห็นด้วยกับการรวมศูนย์อำนาจการวินิจฉัยอยู่ที่กรมบัญชีกลางและกระทรวงการคลัง เพราะเกรงว่าจะเป็นการซ้ำเติมปัญหาหรือไม่ สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ต้องเปิดเผยข้อมูลในทุกเรื่อง ยกเว้นแต่เรื่องความลับที่กระทบต่อเศรษฐกิจจริง ๆ ส่วนประชาชนจะตื่นตัวอย่างไรก็เป็นเรื่องของประชาชน

ด้านนายปริญญ์ พานิชภักดิ์ กรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้ทุกคนเริ่มตื่นตัวและสนใจการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นมากขึ้น เช่น ประเทศอินเดีย ที่ก่อนหน้านี้มีปัญหาเรื่องคอร์รัปชั่นสูง แต่ปัจจุบันประเทศดังกล่าวกล้าทำอะไรต่าง ๆ มากขึ้น ใช้ระบบเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาช่วย ทำให้ปัญหาลดน้อยลงไป ในขณะที่ประเทศไทยมีนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งส่วนตัวเห็นว่า สิ่งที่ควรปรับปรุงให้เป็น 4.0 ลำดับแรกคือระบบราชการ เพราะระบบราชการเองก็ยอมรับว่าตัวเองยังอยู่ในลำดับที่ 0.4 หรือ -4 เท่านั้น ขณะเดียวกัน ตนเห็นด้วยกับการปฏิรูปกฎหมายของนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เพราะหากยิ่งมีกฎหมายมากชึ้น ก็อาจมีคนหาช่องทางเรียกรับสินบนมากขึ้นได้ สิ่งที่ภาคเอกชนอยากจะฝาก คือ การมีส่วนร่วมและการตื่นตัวของภาคส่วนต่าง ๆ พร้อมเชื่อว่าหากบังคับใช้พระราชบัญญัติการจัดซื้อการจัดจ้างได้ถูกต้อง ก็จะลดเรื่องการรับสินบนได้


ขณะที่นายภัทระ คำพิทักษ์ กรธ. กล่าวว่า ต้องมาพิจารณาว่าขณะนี้สภาได้ตรวจสอบรัฐบาลหรือไม่ วงจรต่าง ๆ เดินไปตามปกติหรือไม่ เช่นกรณีของอดีตนายกรัฐมนตรีที่ ป.ป.ช.ชี้มูลเรื่องข้าว เมื่อดูในรายละเอียดจะพบว่า เครื่องมือใดใช้ได้ผล หรือใช้ไม่ได้ผล หากจะคิดถึงผลงานของ คสช. ตนคิดถึงคำสั่งที่ 67/2557 ที่กำหนดให้หัวหน้าหน่วยงานมีหน้าที่ไปดูแลตรวจสอบและจัดการคอร์รัปชั่นในหน่วยงานของตัวเอง หมายความว่า ทุกหน่วยมีหน้าที่ต้องทำ และลงโทษหัวหน้า มีการตรวจสอบให้ ป.ป.ท.รายงานต่อนายกรัฐมนตรี ซึ่งเรียกง่าย ๆ ว่าเพิ่มแมวไปจับหนู แต่จนถึงขณะนี้ กลับไม่เคยเห็นรายงานว่าแมวไปจับหนูได้ หรือจับผู้กระทำผิดไม่ได้ ทั้งที่สามารถใช้เครื่องมือนี้ไปเพิ่มแมวเพื่อจับหนูในสังคมได้มากขึ้น

นายภัทระ กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกัน รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันได้ออกแบบเพื่อป้องกันนักการเมืองทุจริตเข้าสู่วงการการเมือง โดยผู้สมัครที่เคยกระทำผิด แม้จะได้รับคะแนนนิยมจำนวนมากแล้วหวังที่จะนำคะแนนนิยมที่ได้มาฟอกตัว จะไม่สามารถกลับเข้าสู่การเมืองได้ เพราะถือว่าไม่มีคุณสมบัติที่จะกลับเข้ามาสู่การเมือง ซึ่งนักการเมืองหลายคนที่ถูกดำเนินคดีและศาลตัดสินจำคุกในขณะนี้ ในอนาคตจะไม่สามารถกลับสู่การเมืองได้อีก

นายภัทระ  กล่าวด้วยว่า สำหรับการจัดทำงบประมาณที่อาจมีช่องทางการทุจริตนั้น รัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้ว่า หากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีส่วนรู้เห็นในการใช้งบประมาณที่ไม่โปร่งใส สภาผู้แทนราษฎรทั้งสภาต้องรับผิดชอบ ขณะเดียวกัน ได้ป้องกันการใช้งบประมาณเพื่อประโยชน์ทางการเมือง ซึ่งจะกำหนดไว้ในร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรว่าต้องไม่ออกนโยบายในการหาเสียงที่จะกระทบต่อสถานะทางการเงินของรัฐบาล ซึ่งตัวอย่างที่ผ่านมาคือโครงการรับจำนำข้าว ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ได้มีการท้วงติงการใช้งบประมาณ ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นหลักฐานใบเสร็จที่แสดงถึงการใช้งบประมาณอย่างไม่คุ้มค่า

นายภัทระ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ในร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามทุจริต ซึ่ง กรธ.กำลังจัดทำอยู่ในขณะนี้ ยังมีการระบุถึงนิติบุคคลที่จ่ายสินบน ซึ่งจะต้องมีความผิด หากมีการจ่ายสินบน เพื่อให้เกิดกระบวนการความร่วมมือในภาคเอกชนได้ตื่นตัวในการไม่จ่ายสินบนและเป็นผู้ส่งเสริมให้มีการคอร์รัปชั่น ทั้งนี้ ในรัฐธรรมนูญกำหนดว่าให้ส่งเสริมการแก้ไขปัญหาทุจริตในภาคเอกชน ส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วม โดยในมาตรา 63 ระบุว่า รัฐต้องส่งเสริมสนับสนุนให้ความรู้กับประชาชนในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตประพฤติมิชอบ และจัดให้มีมาตรการและกลไกที่มีประสิทธิภาพเพื่อป้องกันและขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบต่าง ๆ อย่างเข้มงวด รวมถึงมีกลไกการส่งเสริมให้ประชาชนรวมตัวกันเพื่อให้มีส่วนร่วมในการรณรงค์ การต่อต้านหรือชี้เบาะแสโดยต้องได้รับความคุ้มครองจากรัฐตามที่กฎหมายบัญญัติ โดยรัฐบาลต้องออกกฎหมายเพื่อรองรับการดำเนินการในมาตรา 63 ซึ่งขณะนี้ ป.ป.ท.อยู่ระหว่างจัดทำกฎหมาย ซึ่งไม่ต้องการให้เป็นม้าก้านกล้วย แต่ต้องการให้เป็นดาบที่ลงโทษได้อย่างจริงจัง  โดยสิ่งที่ต้องอยู่ในกฎหมายเพื่อรองรับมาตรา 63 คือการเปิดเผยข้อมูลเพื่อให้ประชาชนตรวจสอบได้ การคุ้มครองพยาน การชี้เบาะแส และมาตรการป้องกันการจ่ายสินบน

นายภัทระ กล่าวด้วยว่า ขณะเดียวกัน หลักสูตรการอบรมต่าง ๆ ถือเป็นสิ่งที่น่ากลัวในการสร้างคอนเนคชั่นเพื่อประโยชน์ให้เกิดการทุจริต ซึ่ง กรธ.มีความกังวล โดยเฉพาะองค์กรที่มีบทบาทในการตรวจสอบ เช่น ป.ป.ช. และศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งไม่ควรเป็นผู้จัดหลักสูตรเอง ขณะที่อุปสรรคในการตรวจสอบที่สำคัญ คือ แต่ละหน่วยงานไม่เปิดเผยข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างและยังคงหวงอำนาจ ทำให้ยากแก่การที่ประชาชนจะเข้าไปตรวจสอบข้อมูล กรธ.จึงมีแนวคิดที่จะบูรณาการการทำงานของหน่วยงานตรวจสอบ เช่น สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และคณะกรรมการตรวจการแผ่นดิน (คตง.) เนื่องจากพบว่าในแต่ละภาคส่วนมีมาตรฐานการทำงานที่ต่างกัน ซึ่งอาจเกิดช่องทางให้มีการทุจริต โดยจะบรรจุไว้ในกฎหมายลูก ป.ป.ช.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงท้ายของการเสวนา ได้เปิดโอกาสให้ผู้ร่วมฟังการเสวนาได้สอบถามข้อสงสัย ซึ่งมีประชาชนที่ถามถึงกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่เดินทางมาฟังคำพิพากษาคดีโครงการรับจำนำข้าวเมื่อวันที่ 25  สิงหาคม 2560 โดยนายประสงค์ กล่าวว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าว เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวและความอ่อนแอของอำนาจรัฐ ขณะที่นายภัทระ มองว่า เป็นเรื่องที่สะท้อนให้เห็นถึงโครงสร้างของกระบวนการยุติธรรมที่มีปัญหา ดังนั้นจึงต้องปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมาก

กทม. 19 ก.ค.-กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก คลื่นลมทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศฉบับที่ 5 เรื่อง ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย คลื่นลมแรงบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบน (มีผลกระทบในช่วงวันที่ 19-24 กรกฎาคม 2568) ประเทศไทยจะมีฝนตกหนักหลายพื้นที่และมีฝนตกหนักมากบางแห่ง บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบน ประเทศลาวตอนบน และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังค่อนข้างแรง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มจังหวัดที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากฝนตกหนักถึงหนักมากมีดังนี้ วันที่ 19 กรกฎาคม 2568ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดหนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานีภาคกลาง: จังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี และสระบุรีภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี ระยอง จันทบุรี และตราดภาคใต้: จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี […]

รวบแล้ว “เสือปุ่น” หัวหน้าแก๊งปล้นเงิน 3.4 ล้าน กลางห้างดัง

กรุงเทพฯ 18 ก.ค. – สืบนครบาลจับ “เสือปุ่น” หัวหน้าแก๊งปล้นเงิน 3.4 ล้าน กลางห้างดัง พร้อมสมุน หลังหนีซุกบ้านเช่าย่านลำลูกกา จ.ปทุมธานี เร่งล่าอีก 1 ยังหลบหนี กรณีคนร้าย 7 คน แก๊งเสือปุ่น ใช้อาวุธปืนและมีด ก่อเหตุปล้นเงินสด 3.4 ล้านบาท จากผู้มาซื้อคริปโตฯ เหตุเกิดที่ลานจอดรถชั้น 1 ห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง เมื่อคืนวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ความคืบหน้าล่าสุด พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผบก.สส.บช.น.) พร้อมด้วย พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ นาคามาตย์ ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น.) และตำรวจ บก.สส.บช.น. ร่วมกันจับกุม นายวรวัฒน์ หรือ เสือปุ่น อายุ 43 ปี […]

เดินหน้าเอาผิดหญิงกัมพูชาชี้หน้าด่าไล่ทหารไทย

18 ก.ค. – ปกติคดีทำร้ายร่างกายและจิตใจ ไม่ใช่คดีใหญ่ แต่เมื่อเป็นคู่กรณีไทย-กัมพูชา ในสถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดน จึงกลายเป็นคดีระดับประเทศที่ผู้บังคับบัญชาให้ความสำคัญ และดำเนินการอย่างรัดกุม ทั้งคดีอดีตทหารพรานทำร้ายร่างกายทหารกัมพูชา และคดีหญิงกัมพูชา ชี้หน้าด่าไล่ทหารไทยบริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์.-สำนักข่าวไทย

ไทยเตรียมประท้วง UN หากทุ่นระเบิดเป็นของใหม่

18 ก.ค. – แม่ทัพภาค 2 ลั่นรอผลตรวจสอบกับระเบิดทำทหารไทยขาขาด หากเป็นของใหม่ จะเสนอประท้วงไปยังยูเอ็น ขอให้มีมาตรการคว่ำบาตรกัมพูชา ทำผิดอนุสัญญาออตตาวา กรณีทหารเหยียบกับระเบิด บนเนินช่องบก จ.อุบลราชธานี คาดว่าไม่เกิน 2 วัน จะชัดเจนว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่หรือของเก่า แต่มีคำยืนยันว่าไทยไม่เพิกเฉยเรื่องนี้แน่นอน พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 บอกว่า หากผลพิสูจน์ชัดเจนว่า ทุ่นระเบิดเป็นของใหม่ จะใช้กลไกกองทัพบกประสานต่อกระทรวงต่างประเทศ ให้ยื่นประท้วงกัมพูชาต่อองค์การสหประชาชาติ เพื่อดำเนินการคว่ำบาตรกัมพูชา ตามสนธิสัญญาออตตาวา ห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งไทยและกัมพูชาก็เป็นสมาชิกที่มีเกือบ 200 ประเทศทั่วโลก ส่วนมาตรการตอบโต้อย่างอื่น ยังบอกไม่ได้ สำหรับบริเวณช่องบก จุดเกิดเหตุระเบิดจนทำให้กำลังพลบาดเจ็บ 3 นาย จุดนั้น เป็นพื้นที่สู้รบเก่าที่สามารถพบทุ่นระเบิดเก่าได้ ซึ่งวันนี้ ทางชุดเก็บกู้ทุ่นระเบิดแห่งชาติ ที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านกับระเบิดซึ่งทั่วโลกยอมรับ ได้ลงพื้นที่พิสูจน์ มีแนวโน้มเป็นไปได้ทั้งนำมาวางไว้ก่อน หรือหลังเหตุปะทะที่ช่องบก เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา ส่วนในพื้นที่ ได้กำชับกำลังพลทุกนายให้เฝ้าระวังมากยิ่งขึ้น แม่ทัพภาคที่ 2 ยังพูดถึงประเด็นดราม่า […]