องค์กรสิทธิมนุษยชน เสนอรัฐเร่งรัดร่าง พ.ร.บ.บุคคลสูญหายฯ

พญาไท 30 ส.ค.- 6 องค์กรสิทธิมนุษยชน ยื่นเเถลงการณ์ถึงรัฐบาลในวันผู้สูญหายสากล เร่งรัดร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย เเละตามคดีสอบสวนการหายตัวไปของนักต่อสู้สิทธิไทยกว่า 82 คน ด้านวงเสวนาย้ำ เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เข้าใจการทำคดี ญาติหรือเเพทย์สถาบันนิติเวช ต้องหาหลักฐานป้อนเอง


นางซินเทียร์ เวลิโค ผู้แทนสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสห ประชาชาติ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  เป็นประธานการจัดงานเสวนา “วันผู้สูญหายสากล : นักปกป้องสิทธิมนุษยชนกับความยุติธรรมที่หายไป” ที่มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ร่วมกับสมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชนและแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลจัดขึ้น  เนื่องในวันผู้สูญหายสากล 30 สิงหาคมของทุกปี เพื่อระลึกถึงนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนที่หายไป และเน้นย้ำความสำคัญและความจำเป็นในการกำหนดให้การบังคับให้บุคคลสูญหายเป็นความผิดอาญา เพราะไทยยังไม่ได้กำหนดให้การบังคับให้บุคคลสูญหายเป็นความผิดอาญา จึงทำให้นักต่อสู้ในไทยหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยอย่างน้อย 82 คน 


ในงานเสวนามีผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมเสวนาจำนวนมาก อาทิ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ที่ปรึกษาสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ,นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนเเห่งชาติ ,นางปิติการณ์ สิทธิเดช อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิเเละเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม, นางอังคณา นีละไพจิตร กรรมการสิทธิมนุษยชนเเห่งชาติเเละตัวเเทนครอบครัวผู้สูญหาย


นางอรนุช ผลภิญโญ ตัวเเทนเครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน กล่าวว่า พบปัญหาเเละความท้าทายในการสืบสวนสอบสวนกรณีของพ่อเด่น คำเเหล้ เเกนนำที่ลุกขึ้นเรียกร้องสิทธิเรื่องป่าไม้เเทนชาวบ้านในชุมชน หลังได้เรียกร้องสิทธิกับเจ้าหน้าที่รัฐไม่นานกลับหายตัวไป เเละจนถึงตอนนี้ยังไม่ทราบว่าหายไปไหน เเม้ชาวบ้านจะพยายามไปเเจ้งความ ตอนเเรกเจ้าหน้าที่ไม่รับ กระทั่งรับเเล้วก็ไม่มีการติดตามต่อเนื่อง ชาวบ้านเองต้องหาข้อมูลให้กับเจ้าหน้าที่ที่ไม่ให้ความร่วมมือใดๆ ชาวบ้านที่เหลือก็อยู่ด้วยความหวาดกลัว ไม่กล้าเรียกร้องสิทธิ จึงอยากให้รัฐควรมีเเนวทางในการติดตามคนที่สูญหายหรือถูกบังคับให้สูญหายอย่างชัดเจนด้วย

ด้านนายคิงสลีย์ เเอ๊บบอต ที่ปรึกษากฎหมายระหว่างประเทศอาวุโส กล่าวว่า  เจ้าหน้าที่ของรัฐมีหน้าที่เเละอำนาจสอบสวนหาเหยื่อผู้เสียหาย โดยต้องระบุให้ได้ว่าเหยื่อนั้นหายไปเอง หรือบังคับให้ถูกสูญหาย รวมถึงการเก็บพยานหลักฐานเเละการสืบค้นสืบสวนหาคนผิดมาลงโทษให้ได้ เเละจะละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้

ขณะที่ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ที่ปรึกษาสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กล่าวว่า การทำงานด้านนิติวิทยาศาสตร์ที่ผ่านมา ทั้งปัญหาโรฮิงญา การ ค้ามนุษย์ กลุ่มคนเร่ร่อน,กลุ่มต่างชาติหรือกลุ่มอพยพ รวมถึงคดีฆาตกรรมซับซ้อน ย้ำว่าเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับการสืบสวนสอบสวน ไม่มีความเข้าใจ หรือทำงานอย่างเต็มรูปแบบในการพิสูจน์หาตัวบุคคลนิรนาม โดยเฉพาะคดีเจนจิรา เป็นกรณีศึกษาที่ตนเเละญาติดำเนินการหาหลักฐานข้อมูลเองเกือบทั้งหมด ทั้งพนักงานสืบสวนมักใช้การรวบรวมข้อมูลมากกว่าใช้นิติวิทยาศาสตร์ อย่างกรณีพ่อเด่น , รัฐกำหนดหน้าที่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นฝ่ายเดียวที่หน้าที่ตรวจพิสูจน์ ขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐเป็นผู้ทำให้สูญหายหรือทำให้เป็นบุคคลนิรนามเอง เเต่ก็เป็นคนทำสำนวนเอง จึงไม่มีทางเเก้ปัญหาได้ ตนพยายามต่อสู้เเละผลักดันระเบียบหรือออกกฎหมายมาตั้งเเต่ปี 2541 จนปี 2558 มีการออกระเบียบของสำนักนายกรัฐมนตรี เเต่ฝ่ายบริหารกลับไม่ขับเคลื่อนนโยบายกรือกฎหมาย ยังขาดการทำงานร่วมกันเเละเเบ่งปันข้อมูลพื้นฐานที่เเต่ละหน่วยงานมี

ส่วนนพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนเเก่งชาติ กล่าวว่า ชีวิตนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนในสายตาของสังคมเต็มไปด้วยอคติ โดยเฉพาะในประเทศที่มีการปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยที่ไม่สมบูรณ์  เเนะหน่วยงานรัฐต้องเข้าใจบทบาทหน้าที่เเละรัฐบาลต้องออกกฎหมายรองรับ ดูเเลประชาชนอย่างเต็มที่

ภายในงาน 6 องค์กรสิทธิมนุษยชนอ่านเเถลงการณ์เเละร่วมส่งจดหมายเปิดผนึกถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อแสดงความกังวลต่อความล่าช้าในการผ่านร่างกฎหมายที่มีวัตถุประสงค์ เพื่อป้องกันมิให้มีการกระทำการทรมาน การปฏิบัติที่โหดร้าย เพื่อเร่งรัดให้มีการประกาศใช้ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายโดยเร็ว ตลอดจนปัญหาในด้านการสืบสวนสอบสวนที่ไม่มีความคืบหน้าอย่างชัดเจนในกรณีที่มีการกล่าวอ้างว่ามีผู้ถูกบังคับให้สูญหาย อาทิ นายสมชาย นีละไพจติร และนายพอละจี “บิลลี่” รักจงเจริญ รวมถึงกรณีอื่นๆอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นกลาง และเป็นอิสระ เพื่อนำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษตามกฏหมายอย่างเป็นธรรม

สำหรับปัญหาการบังคับให้บุคคลสูญหายในไทยยังพบต่อเนื่อง โดยเฉพาะแกนนำชาวบ้าน นักเคลื่อนไหว นักปกป้องสิทธิมนุษยชน ทั้งนี้คณะทำงานของสหประชาชาติว่าด้วยการบังคับให้บุคคลสูญหายได้บันทึกเรื่องร้องเรียนกรณีในไทยไว้ทั้งหมด 82 กรณี โดยทั้งหมดนี้ยังไม่มีการสืบสวนสอบสวนอย่างเป็นระบบและไม่มีการนำตัวคนผิดมารับโทษแต่อย่างใด ซึ่งในไทยไม่มีกฎหมายโดยตรงมาบังคับใช้ แม้เคยลงนามในอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการหายสาบสูญโดยถูกบังคับและกระทรวงยุติธรรมร่วมกับตัวแทนภาครัฐได้เสนอรัฐบาลเพื่อให้สัตยาบันอนุสัญญาฉบับนี้ พร้อมทั้งได้จัดทำ

“ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการบังคับบุคคลให้สูญหาย พ.ศ…”เพื่อให้กฎหมายในประเทศเป็นไปตามอนุสัญญาระหว่างประเทศ ซึ่งต่อมาเมื่อวันที่ 27 ธ.ค.2559 ครม.มีมติเห็นชอบและให้ส่งร่างกฎหมายดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ แต่วันที่ 21 ก.พ.2560คณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กลับมีมติให้ส่งร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวคืนให้ ครม. และกระทรวงยุติธรรม โดยไม่ปรากฎเหตุผลที่ชัดเจนของการส่งคืนร่างกฎหมายดังกล่าว .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

กัมพูชา ทำหนังสือส่งถึงไทย ปฏิเสธวางกับระเบิดช่องบก

กัมพูชา 19 ก.ค.-กัมพูชาทำหนังสือส่งถึงไทย ปฏิเสธวางกับระเบิดช่องบก ลั่นยึดมั่นอนุสัญญาออตตาวา ประณามคัดค้าน การผลิต และแสดงความเสียใจผู้ได้รับผลกระทบ พร้อมผลักดันสู่กระบวนการพิสูจน์ เพื่อรักษามิตรภาพ ความปลอดภัย ไม่กล่าวหาซึ่งกัน เมื่อวันที่ 19 ก.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราชอาณาจักรกัมพูชา ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ได้ทำหนังสือ ถึงทางการไทย เรื่อง การปฏิเสธต่อการนําเสนอของสื่อมวลชนไทยจำนวนหนึ่ง กรณีทหารไทย 3 นาย ได้รับบาดเจ็บจากทุ่นระเบิดในพื้นที่มุมเบ็ย (ช่องบก) สำานักงานปฏิบัติการทุ่นระเบิคและช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากทุ่นระเบิดแห่งชาติกัมพูชา (สํานักงานทุ่นระเบิด) ขอแจ้งว่า เมื่อไม่นานมานี้ มีสื่อมวลชนไทยจํานวนหนึ่งได้อ้างอิงแหล่งข้อมูลจากข้าราชการระดับสูงของไทย และเผยแพร่เกี่ยวกับทหารไทย 3 นายได้รับบาดเจ็บจากระเบิด เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 บริเวณพิกัด WA 220861 (ยืนยันโดยฝ่ายไทย) อยู่ในพื้นที่มุมเบ็ย (ช่องบก) การเผยแพร่ดังกล่าว มีเจตนา กล่าวหาโดยไม่มีมูลความจริงและไม่มีการตรวจสอบที่ชัดเจนว่ากัมพูชาได้วางทุ่นระเบิดใหม่ ในการนี้สํานักงานทุ่นระเบิด ขอชี้แจงดังนี้ 1.สํานักงานทุ่นระเบิดขอปฏิเสธและปัดตกทั้งหมดต่อเนื้อหาข่าวที่เผยแพร่โดยมีเจตนากล่าวหาว่า กัมพูชาได้วางทุ่นระเบิดใหม่ 2.กัมพูชา […]

กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมาก

กทม. 19 ก.ค.-กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก คลื่นลมทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศฉบับที่ 5 เรื่อง ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย คลื่นลมแรงบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบน (มีผลกระทบในช่วงวันที่ 19-24 กรกฎาคม 2568) ประเทศไทยจะมีฝนตกหนักหลายพื้นที่และมีฝนตกหนักมากบางแห่ง บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบน ประเทศลาวตอนบน และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังค่อนข้างแรง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มจังหวัดที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากฝนตกหนักถึงหนักมากมีดังนี้ วันที่ 19 กรกฎาคม 2568ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดหนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานีภาคกลาง: จังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี และสระบุรีภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี ระยอง จันทบุรี และตราดภาคใต้: จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี […]

รวบแล้ว “เสือปุ่น” หัวหน้าแก๊งปล้นเงิน 3.4 ล้าน กลางห้างดัง

กรุงเทพฯ 18 ก.ค. – สืบนครบาลจับ “เสือปุ่น” หัวหน้าแก๊งปล้นเงิน 3.4 ล้าน กลางห้างดัง พร้อมสมุน หลังหนีซุกบ้านเช่าย่านลำลูกกา จ.ปทุมธานี เร่งล่าอีก 1 ยังหลบหนี กรณีคนร้าย 7 คน แก๊งเสือปุ่น ใช้อาวุธปืนและมีด ก่อเหตุปล้นเงินสด 3.4 ล้านบาท จากผู้มาซื้อคริปโตฯ เหตุเกิดที่ลานจอดรถชั้น 1 ห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง เมื่อคืนวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ความคืบหน้าล่าสุด พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผบก.สส.บช.น.) พร้อมด้วย พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ นาคามาตย์ ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น.) และตำรวจ บก.สส.บช.น. ร่วมกันจับกุม นายวรวัฒน์ หรือ เสือปุ่น อายุ 43 ปี […]

เดินหน้าเอาผิดหญิงกัมพูชาชี้หน้าด่าไล่ทหารไทย

18 ก.ค. – ปกติคดีทำร้ายร่างกายและจิตใจ ไม่ใช่คดีใหญ่ แต่เมื่อเป็นคู่กรณีไทย-กัมพูชา ในสถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดน จึงกลายเป็นคดีระดับประเทศที่ผู้บังคับบัญชาให้ความสำคัญ และดำเนินการอย่างรัดกุม ทั้งคดีอดีตทหารพรานทำร้ายร่างกายทหารกัมพูชา และคดีหญิงกัมพูชา ชี้หน้าด่าไล่ทหารไทยบริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์.-สำนักข่าวไทย