องค์กรสิทธิมนุษยชน เสนอรัฐเร่งรัดร่าง พ.ร.บ.บุคคลสูญหายฯ

พญาไท 30 ส.ค.- 6 องค์กรสิทธิมนุษยชน ยื่นเเถลงการณ์ถึงรัฐบาลในวันผู้สูญหายสากล เร่งรัดร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย เเละตามคดีสอบสวนการหายตัวไปของนักต่อสู้สิทธิไทยกว่า 82 คน ด้านวงเสวนาย้ำ เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เข้าใจการทำคดี ญาติหรือเเพทย์สถาบันนิติเวช ต้องหาหลักฐานป้อนเอง


นางซินเทียร์ เวลิโค ผู้แทนสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสห ประชาชาติ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  เป็นประธานการจัดงานเสวนา “วันผู้สูญหายสากล : นักปกป้องสิทธิมนุษยชนกับความยุติธรรมที่หายไป” ที่มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ร่วมกับสมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชนและแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลจัดขึ้น  เนื่องในวันผู้สูญหายสากล 30 สิงหาคมของทุกปี เพื่อระลึกถึงนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนที่หายไป และเน้นย้ำความสำคัญและความจำเป็นในการกำหนดให้การบังคับให้บุคคลสูญหายเป็นความผิดอาญา เพราะไทยยังไม่ได้กำหนดให้การบังคับให้บุคคลสูญหายเป็นความผิดอาญา จึงทำให้นักต่อสู้ในไทยหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยอย่างน้อย 82 คน 


ในงานเสวนามีผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมเสวนาจำนวนมาก อาทิ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ที่ปรึกษาสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ,นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนเเห่งชาติ ,นางปิติการณ์ สิทธิเดช อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิเเละเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม, นางอังคณา นีละไพจิตร กรรมการสิทธิมนุษยชนเเห่งชาติเเละตัวเเทนครอบครัวผู้สูญหาย


นางอรนุช ผลภิญโญ ตัวเเทนเครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน กล่าวว่า พบปัญหาเเละความท้าทายในการสืบสวนสอบสวนกรณีของพ่อเด่น คำเเหล้ เเกนนำที่ลุกขึ้นเรียกร้องสิทธิเรื่องป่าไม้เเทนชาวบ้านในชุมชน หลังได้เรียกร้องสิทธิกับเจ้าหน้าที่รัฐไม่นานกลับหายตัวไป เเละจนถึงตอนนี้ยังไม่ทราบว่าหายไปไหน เเม้ชาวบ้านจะพยายามไปเเจ้งความ ตอนเเรกเจ้าหน้าที่ไม่รับ กระทั่งรับเเล้วก็ไม่มีการติดตามต่อเนื่อง ชาวบ้านเองต้องหาข้อมูลให้กับเจ้าหน้าที่ที่ไม่ให้ความร่วมมือใดๆ ชาวบ้านที่เหลือก็อยู่ด้วยความหวาดกลัว ไม่กล้าเรียกร้องสิทธิ จึงอยากให้รัฐควรมีเเนวทางในการติดตามคนที่สูญหายหรือถูกบังคับให้สูญหายอย่างชัดเจนด้วย

ด้านนายคิงสลีย์ เเอ๊บบอต ที่ปรึกษากฎหมายระหว่างประเทศอาวุโส กล่าวว่า  เจ้าหน้าที่ของรัฐมีหน้าที่เเละอำนาจสอบสวนหาเหยื่อผู้เสียหาย โดยต้องระบุให้ได้ว่าเหยื่อนั้นหายไปเอง หรือบังคับให้ถูกสูญหาย รวมถึงการเก็บพยานหลักฐานเเละการสืบค้นสืบสวนหาคนผิดมาลงโทษให้ได้ เเละจะละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้

ขณะที่ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ที่ปรึกษาสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กล่าวว่า การทำงานด้านนิติวิทยาศาสตร์ที่ผ่านมา ทั้งปัญหาโรฮิงญา การ ค้ามนุษย์ กลุ่มคนเร่ร่อน,กลุ่มต่างชาติหรือกลุ่มอพยพ รวมถึงคดีฆาตกรรมซับซ้อน ย้ำว่าเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับการสืบสวนสอบสวน ไม่มีความเข้าใจ หรือทำงานอย่างเต็มรูปแบบในการพิสูจน์หาตัวบุคคลนิรนาม โดยเฉพาะคดีเจนจิรา เป็นกรณีศึกษาที่ตนเเละญาติดำเนินการหาหลักฐานข้อมูลเองเกือบทั้งหมด ทั้งพนักงานสืบสวนมักใช้การรวบรวมข้อมูลมากกว่าใช้นิติวิทยาศาสตร์ อย่างกรณีพ่อเด่น , รัฐกำหนดหน้าที่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นฝ่ายเดียวที่หน้าที่ตรวจพิสูจน์ ขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐเป็นผู้ทำให้สูญหายหรือทำให้เป็นบุคคลนิรนามเอง เเต่ก็เป็นคนทำสำนวนเอง จึงไม่มีทางเเก้ปัญหาได้ ตนพยายามต่อสู้เเละผลักดันระเบียบหรือออกกฎหมายมาตั้งเเต่ปี 2541 จนปี 2558 มีการออกระเบียบของสำนักนายกรัฐมนตรี เเต่ฝ่ายบริหารกลับไม่ขับเคลื่อนนโยบายกรือกฎหมาย ยังขาดการทำงานร่วมกันเเละเเบ่งปันข้อมูลพื้นฐานที่เเต่ละหน่วยงานมี

ส่วนนพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนเเก่งชาติ กล่าวว่า ชีวิตนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนในสายตาของสังคมเต็มไปด้วยอคติ โดยเฉพาะในประเทศที่มีการปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยที่ไม่สมบูรณ์  เเนะหน่วยงานรัฐต้องเข้าใจบทบาทหน้าที่เเละรัฐบาลต้องออกกฎหมายรองรับ ดูเเลประชาชนอย่างเต็มที่

ภายในงาน 6 องค์กรสิทธิมนุษยชนอ่านเเถลงการณ์เเละร่วมส่งจดหมายเปิดผนึกถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อแสดงความกังวลต่อความล่าช้าในการผ่านร่างกฎหมายที่มีวัตถุประสงค์ เพื่อป้องกันมิให้มีการกระทำการทรมาน การปฏิบัติที่โหดร้าย เพื่อเร่งรัดให้มีการประกาศใช้ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายโดยเร็ว ตลอดจนปัญหาในด้านการสืบสวนสอบสวนที่ไม่มีความคืบหน้าอย่างชัดเจนในกรณีที่มีการกล่าวอ้างว่ามีผู้ถูกบังคับให้สูญหาย อาทิ นายสมชาย นีละไพจติร และนายพอละจี “บิลลี่” รักจงเจริญ รวมถึงกรณีอื่นๆอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นกลาง และเป็นอิสระ เพื่อนำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษตามกฏหมายอย่างเป็นธรรม

สำหรับปัญหาการบังคับให้บุคคลสูญหายในไทยยังพบต่อเนื่อง โดยเฉพาะแกนนำชาวบ้าน นักเคลื่อนไหว นักปกป้องสิทธิมนุษยชน ทั้งนี้คณะทำงานของสหประชาชาติว่าด้วยการบังคับให้บุคคลสูญหายได้บันทึกเรื่องร้องเรียนกรณีในไทยไว้ทั้งหมด 82 กรณี โดยทั้งหมดนี้ยังไม่มีการสืบสวนสอบสวนอย่างเป็นระบบและไม่มีการนำตัวคนผิดมารับโทษแต่อย่างใด ซึ่งในไทยไม่มีกฎหมายโดยตรงมาบังคับใช้ แม้เคยลงนามในอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการหายสาบสูญโดยถูกบังคับและกระทรวงยุติธรรมร่วมกับตัวแทนภาครัฐได้เสนอรัฐบาลเพื่อให้สัตยาบันอนุสัญญาฉบับนี้ พร้อมทั้งได้จัดทำ

“ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการบังคับบุคคลให้สูญหาย พ.ศ…”เพื่อให้กฎหมายในประเทศเป็นไปตามอนุสัญญาระหว่างประเทศ ซึ่งต่อมาเมื่อวันที่ 27 ธ.ค.2559 ครม.มีมติเห็นชอบและให้ส่งร่างกฎหมายดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ แต่วันที่ 21 ก.พ.2560คณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กลับมีมติให้ส่งร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวคืนให้ ครม. และกระทรวงยุติธรรม โดยไม่ปรากฎเหตุผลที่ชัดเจนของการส่งคืนร่างกฎหมายดังกล่าว .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เฉลิมพระเกียรติพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

12 ส.ค. – ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 วันนี้เวลา 12.00 น. ณ ท้องสนามหลวง กองทัพบก โดยกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 1 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ ยิงสลุตหลวงจำนวน 21 นัด เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 โดยกองร้อยปืนใหญ่ยิงสลุต ใช้ปืนใหญ่เบากระสุนวิถีราบ แบบ 80 ขนาด 75 มิลลิเมตร จำนวน 4 กระบอก ทำการยิงตามจังหวะของเพลงสรรเสริญพระบารมี จำนวน 21 นัด จังหวะ 5 วินาที ทีละกระบอก นับรอบจากขวาไปซ้าย ใช้เวลายิงทั้งหมด 1 นาที 40 […]

ทบ.เผยหากสถานการณ์บีบบังคับ อาจต้องใช้สิทธิป้องกันตนเอง

12 ส.ค.- ทบ.ชี้กัมพูชาลอบวางทุ่นระเบิดคุกคามต่อเนื่อง ไม่สนผิดอนุสัญญาออตตาวา โฆษก ทบ.เผยหากสถานการณ์บีบบังคับ กองทัพอาจจำเป็นต้องใช้สิทธิป้องกันตนเองตามหลักสากล พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2568 เวลาประมาณ 09.10 น. สิบเอก ธีรพล เพียขันที สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 2610 พร้อมกำลังพลรวม 7 นาย ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนตามแนวชายแดนไทย บนเส้นทางประจำ ห่างจากปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ประมาณ 1 กิโลเมตร ระหว่างปฏิบัติภารกิจ สิบเอก ธีรพล ได้เหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่ฝ่ายกัมพูชาลอบวางไว้ ส่งผลให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสบริเวณข้อเท้าซ้าย ปัจจุบันได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลพนมดงรัก อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว เหตุการณ์นี้เป็นหลักฐานชัดเจนว่าฝ่ายกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง และไม่เคารพต่อกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งห้ามใช้และวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลทุกชนิด นับเป็นการลอบโจมตีที่มีเป้าหมายต่อกำลังพลฝ่ายไทยโดยตรง และเกิดขึ้นในเขตแดนไทย ยิ่งไปกว่านั้น เหตุลักษณะเดียวกันนี้เคยเกิดขึ้นหลายครั้งในพื้นที่ชายแดน สะท้อนถึงเจตนาร้ายและพฤติกรรมต่อเนื่องของฝ่ายกัมพูชาในการคุกคามฝ่ายไทย และละเมิดบูรณภาพแห่งดินแดนไทย สวนทางกับข้อตกลงหยุดยิงระหว่างประเทศในการประชุม GBC ที่ผ่านมา จึงเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า […]

ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดขณะลาดตระเวน สูญเสียขาอีก 1 นาย

12 ส.ค.- ทหารพรานเหยียบทุ่นระเบิด ขณะลาดตระเวนพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม หลังรั้วลวดหนามฝั่งไทย คาดทหารเขมรล่าถอยแล้วฝังทุ่นระเบิดไว้ เมื่อเวลา 09.10 น. รายงานข่าวจากกองทัพพื้นที่สองเปิดเผยว่า ได้เกิดเหตุทหารพราน 2610 เหยียบกับระเบิดขณะทำการลาดตระเวนบริเวณฐานจุ๊บตาโมก ฝั่งตะวันตกของปราสาทตาเมือนธม ซึ่งอยู่ในแนวรั้วลวดหนามของฝั่งประเทศไทย บริเวณพิกัด R51 มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย ทราบชื่อ ส.อ.ธีรพล เพียขันที กรุ๊ปเลือด AB ได้รับบาดเจ็บขาซ้ายขาด ขณะนี้กำลังนำส่งโรงพยาบาล ทั้งนี้ คาดว่าหลังจากเหตุปะทะกันทางทหารกัมพูชาได้ล่าถอยและฝั่งทุ่นระเบิดไว้ก่อนออกนอกพื้นที่เขตประเทศไทย -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” ปัดตอบกระแสข่าวชิงลาออก บอกสื่อ “คิดถึงนะคะ”

สนามหลวง 12 ส.ค.- “แพทองธาร” ยิ้ม ปัดตอบกระแสข่าวชิงลาออก ก่อนศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน บอกสื่อฯ “คิดถึงนะคะ” ภายหลังนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมคู่สมรส ร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 ส.ค.2568 ณ ท้องสนามหลวง ทันทีที่พบผู้สื่อข่าว นางสาวแพทองธาร หันมาพูดเพียงสั้น ๆ ว่า “คิดถึงนะ” ผู้สื่อข่าวจึงพยายามสอบถามเรื่องกระแสข่าวการลาออกจากตำแหน่ง ก่อนศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำตัดสิน คดีคลิปเสียงสนทนากับ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งนางสาวแพทองธาร ยิ้มและไม่ตอบคำถาม ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ หรือสุดท้ายจะอยู่ รวมถึงขอให้ยืนยันว่าจะลาออกหรือไม่ ซึ่งนางสาวแพทองธาร ไม่ได้ตอบคำถาม และเดินทางขึ้นรถทันที.-315 -สำนักข่าวไทย